โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วมองเธอ:“คุณว่าไงนะ?”
ในน้ำเสียงเย็นชาของเขามีความขมขู่แฝงอย่
มู่นวลนวลสีหน้าแข็งทื่อ เธอเม้มริมฝีปากแล้วก้มลงมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า
ในเอกสารเหล่านี้บันทึกเรื่องเมื่อก่อนของเธอกับโม่ถิงเซียว
แต่เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อก่อนเลย แต่การดูสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับการดูเรื่องของคนอื่น ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
ในขณะที่ดูเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบสังเกตโม่ถิงเซียว
มันก็เป็นแค่บะหมี่เนื้อชามหนึ่งเท่านั้น แต่ทำให้โม่ถิงเซียวรู้สึกเหมือนเป็นอาหารมื้อใหญ่ หน้าตาท่าทางการทานอาหารของเขาดูเพลินตามาก
เมื่อกำจัดอารมณ์แปลกๆ นั้นออกไป โม่ถิงเซียวก็มีข้อดีอยู่ในตัวเอง
ยากที่จะจินตนาการว่ามีเรื่องมากมายเกิดขึ้นระหว่างเธอกับโม่ถิงเซียว
จู่ๆ มู่นวลนวลก็นึกถึงมู่หวันฉีขึ้นมา
ก่อนหน้านี่มู่หวันฉีเคยพูดถึงชื่อคนคนหนึ่ง:ซือเฉิงยวี่
มู่นวลนวลมีความเกี่ยวข้องกันกับมู่หวันฉีและซือเฉิงยวี่ น่าจะเป็นเมื่อสามปีก่อน
ดังนั้นเธอจึงเลื่อนจากข้อมูลที่อยู่ด้านล่างขึ้นไปด้านบน
จากนั้นมู่นวลนวลก็เห็นเรื่องระเบิดบนเกาะเมื่อสามปีก่อน
แต่เพียงไม่กี่จังหวะสั้นๆ
ข้างต้นบอกเพียงว่าซือเฉิงยวี่วางระเบิดบนเกาะ และต้องการฆ่าเธอกับโม่ถิงเซียว ส่วนทำไมถึงระเบิด แล้วทำไมเธอกับโม่ถิงเซียวถึงไปที่เกาะนั้น ไม่ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน
มู่นวลนวลอ่านอย่างสะดุ้ง จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจสถานะของซือเฉิงยวี่ จึงถามโม่ถิงเซียวว่า:“ซือเย่กับคุณมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
และในตอนนี้โมถิงเซียวก็กินบะหมี่เสร็จแล้ว และค่อยๆใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือ
เขาพูดโดยไม่หันกลับมามอง:“ลูกของอาผม”
“งั้นก็พูดได้ว่าซือเฉิงยวี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณ?” มู่นวลนวลครุ่นคิดสักครู่แล้วถามว่า:“เขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้นหรอ?”
ดูเหมือนเขาจะคิดว่าคำถามนี้ของเธองี่เง่าเกินไป โม่ถิงเซียวก็เลยไม่สนใจเธอ
อันที่จริงที่มู่นวลนวลอยากถามก็คือการตายของซือเฉิงยวี่กับมู่หวันฉีมีความเกี่ยวข้องกันยังไง
มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและถามอีกอย่างว่า:“ลูกพี่ลูกน้องของคุณ กับพี่สาวต่างแม่ของฉันมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปข้างๆเธอและยื่นมือไปหยิบข้อมูลสองชิ้นมาส่งให้เธอ
ข้างต้นพูดถึงชีวิตของซือเฉิงยวี่ และเหตุผลที่ต้องคบกับมู่หวันฉี
แต่จากการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซือเย่ปิดบังเรื่องราวชีวิตส่วนหนึ่งของซือเฉิงยวี่ไว้
เมื่อดูแล้วมู่นวลนวลก็เข้าใจได้ว่าทำไมมู่หวันฉีถึงเกลียดเธอมากขนาดนี้
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะเรื่องนี้ เกรงว่าอาจจะมีการสะสมมานานแล้ว
มู่นวลนวลมองไปที่ความหนาของข้อมูลแล้วถามว่า:“พวกนี้คุณดูหมดแล้วหรอ?”
“อึ้ม” โม่ถิงเซียวตอบกลับและความเข้าใจอันริบหรี่แวบเข้ามาในดวงตาของเธอ
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ยื่นมือออกมาและกดลงบนข้อมูล เขาจ้องมองไปที่มู่นวลนวลด้วยรอยยิ้ม
มู่นวลนวลจะถามคำถามนี้กับเขา เพียงเพราะต้องการที่จะเข้าใจและอ่านข้อมูลนั้นอย่างช้าๆ
เห็นได้ชัดว่าโม่ถิงเซียวกำลังจะบอกความจริงกับเธอ และไม่ปล่อยให้เธออ่าน
มู่นวลนวลมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่พูดคุยกับเขา:“ในเมื่อคุณอ่านจบแล้ว ให้ฉันเอามาอ่านได้ไหม?”
แต่ในตอนนี้โม่ถิงเซียวพูดถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน:“พรุ่งนี้เที่ยงกินอะไร?”
มู่นวลนวลตกตะลึง แต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา:“คุณอยากกินอะไร?”
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย โม่ถิงเซียวข่มขู่เธอด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้
แต่เมื่อตอนเย็นทำอาหารแค่สองจาน ในใจเขารู้สึกขุ่นเคืองหรอ?
เป็นผู้ชายที่ไม่ยอมกินเลยสักนิด
สิ่งนี้ทำให้มู่นวลนวลตระหนักว่า โม่ถิงเซียวชายคนนี้ไม่เพียงแต่ดูเย็นชาและไม่มีเหตุผล
แต่เขายังเป็นคนที่จิตใจคับแคบ
มู่นวลนวลรู้สึกว่าคำตอบของตัวเองน่าจะทำให้โม่ถิงเซียวพอใจ
แต่ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวได้คืบจะเอาศอกและถามเธอว่า:“วันมะรืนล่ะ?”
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ และกัดฟันพูดว่า:“ตอบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่อีกวัน คุณอยากกินอะไร ฉันก็จะช่วยทำให้คุณ”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวดูพึงพอใจ เขาปล่อยมือที่วางไว้บนเอกสารและเหลือบตาขึ้นพูดว่า:“เอาไปสิ”
มู่นวลนวลตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะโม่ถิงเซียวได้
ในเมื่อ “ยกที่ดินให้เป็นค่าชดเชย” แล้ว มู่นวลนวลก็ไม่เกรงใจ เธอหอบเอกสารกองโตนั้นออกไปทันที
ตอนที่เธอออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะยกเท้าเกี่ยวประตูเพื่อปิด
โม่ถิงเซียวหยิบซองเอกสารที่เข้ารหัสออกมาจากใต้แฟ้มอีกด้านหนึ่ง
ข้อมูลที่เข้ารหัสถูกส่งไปให้ซือเย่ก่อนหน้าที่เขาจะมา แต่ไม่ได้รวมเข้ากับเอกสารเหล่านั้น โดยเน้นถึงความสำคัญและความเป็นเอกลักษณ์ของข้อมูลนี้
ซีลยังไม่ได้ถูกดึงออก
โม่ถิงเซียวจ้องที่ซองเอกสารอยู่สักครู่แล้วค่อยๆ เปิดออก
ข้างในมีเอกสารที่ดูเก่ามาก เหมือนจะนานแล้ว
ยิ่งโม่ถิงเซียวมองลงไป สีหน้าเฉยเมยแบบเดิมกลายเป็นเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นทำไมโม่จิ่นหยุนถึงบอกกับเขาอย่างนั้น?
แม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ พ่อก็พิการจากอุบัติเหตุ และคณปู่ก็ไร้สติสัมปชัญญะจากอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน
ห่ะ!
โม่ถิงเซียวกำมือแน่นและกวาดทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงและมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในหัว ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะหลุดออกมาจากอกของเขา
ความเจ็บปวดที่อัดแน่นแล่นไปที่แขนขาในทันที และปวดหัวจนจะระเบิด
โม่ถิงเซียวเซไปสองก้าว เขาสั่นแล้วล้มลงที่พื้น
ในหัวมีเสียงหึ่งๆ เสียงและภาพของผู้คนนับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามา
“เขาลืมเรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้จริงๆหรอ?”
“ไม่ต้องกังวล……”
“หมอหลี่ ขอเพียงคุณสามารถทำได้ ค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา”
“ผมไม่ได้ร้อนเงิน”
ภาพนั้นหมุนไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีประโยนช์ ฉันฝังระเบิดไว้ใต้สนามกอล์ฟทั้งหมด เราไปหาชิงหนิงด้วยกัน……”
“ดูแลมู่มู่ ไม่ต้องสนใจฉันแล้ว”
“……”
โม่ถิงเซียวรู้สึกราวกับว่าเขาถูกยัดเยียดความคิดใส่ในหัว และมันก็แน่นจนจะระเบิด
เขายื่นมือไปค้ำโต๊ะและอยากจะยืนขึ้น แต่ความรู้สึกไม่คล่องตัวของร่างกายรุนแรงจนทำให้เขาอ่อนแรงลง
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักให้เปิดออก รูปร่างผอมเพรียวก็รีบเดินเข้าไป:“โม่ถิงเซียว!คุณเป็นอะไร?”
เมื่อกี้มู่นวลนวลนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เก็บชามอาหารในห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว และเมื่อคิดถึงอนาคตไม่รู้ว่าเธอจะอยู่กับโม่ถิงเซียวได้อีกนานแค่ไหน เธอคิดที่จะช่วยเขาเก็บสักหน่อย
แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา เธอก็เห็นของกระจัดกระจายอยู่ในห้อง แม้แต่โม่ถิงเซียวก็ล้มลงไปที่พื้นและมีเหงื่อเต็มไปหมด
มู่นวลนวลช่วยพยุงโม่ถิงเซียวขึ้นมา แต่เขาสูงใหญ่จนมู่นวลนวลไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เธอจึงคุกเข่าลงที่พื้นและยกหัวของโม่ถิงเซียวขึ้น:“โม่ถิงเซียว?”
ผมของโม่ถิงเซียวเปียกเหงื่อโซก เขาหรี่ตาและจับมือของมู่นวลนวลอย่างรุนแรง:“คุณเป็นใคร”
มู่นวลนวลพูดด้วยความกังวล:“ฉันคือมู่นวลนวลไง คุณเป็นอะไรไป?”