ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 395 คุณไม่มีเงื่นไขในการเจรจา

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

มู่นวลนวลถามโม่มู่ว่า:“หนูลงมาจากไหน?”

“ลงมาจากชั้นบน”

เมื่อกี้มู่นวลนวลสังเกตเห็นว่าบันไดในคฤหาสน์นั้นทั้งสูงทั้งยาว และเมื่อได้ยินที่โม่มู่พูด เธอก็หันหน้าไปมองโม่ถิงเซียว

เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่ามู่นวลนวลจ้องมองตัวเองราวกับกำลังประณาม เขาขมวดคิ้วและไม่รู้ว่าเขาเอาขนมที่ไหนมายื่นให้โม่มู่

หลังจากนั้นก็พูดว่า:“รางวัล”

โม่มู่หยิบขนมด้วยใบหน้าที่มีความสุข เธอดึงมันสองครั้งและพบว่าไม่สามารถฉีกได้ จากนั้นก็ยัดมันกลับเข้าไปในมือของโม่ถิงเซียว และพูดด้วยเสียงออดอ้อน:“พ่อช่วยแกะให้หนูหน่อย”

โม่ถิงเซียวฉีกถุงขนมและป้อนให้โม่มู่

โม่มู่ชอบขนมและวิ่งด้วยความพึงพอใจ

ในเมื่อถูกโม่มู่ค้นพบแล้ว โม่ถิงเซียวก็เดินเข้าไปอย่างองอาจและถามมู่นวลนวล:“เมื่อก่อนคุณก็ทำอาหารหรอ?”

มู่นวลนวลเหลือบมองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ไม่รู้สิ”

เธอสูญเสียความทรงจำ แล้วเธอจะจำเรื่องเมื่อก่อนได้ยังไง?

โม่ถิงเซียวสำลักกับคำตอบของเธอ

มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่สักครู่และถามว่า:“คุณจำอะไรไม่ได้จริงๆหรอ?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ไม่ค่อยดีนักและมีกลิ่นอายมืดมนระหว่างคิ้ว

แต่แปลกมากที่มู่นวลนวลไม่รู้สึกกลัว แต่เธอกลับมีความรู้สึก “ร่วมทุกข์ร่วมสุข”

มู่นวลนวลหั่นผักไปพลางพูดไปพลาง:“ฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน และคุณก็สูญเสียความจำเมื่อสามปีก่อน บางทีเราก็อาจจะประสบอุบัติเหตุเดียวกันก็ได้?”

สถานะที่ลี่จิวเหิงเป็น “คู่หมั้น” นั้นไม่จริง เรื่องเหล่านั้นที่เขาบอกเธอก่อนหน้านี้ก็ยกเลิกไปเช่นกัน

โม่ถิงเซียวปิดปากเงียบ:“สืบดูก็รู้แล้ว”

มู่นวลนวลหยุดการเคลื่อนไหวในมือของเธอและเงยหน้าขึ้นมองเขา

โม่ถิงเซียวร่ำรวยมาก ถ้าเขาอยากจะสืบเรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

ลี่จิ่วเหิงพูดถูก เงื่อนไขที่เธอตกลงกับโม่ถิงเซียว อันที่จริงแล้วมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

ได้อยู่ข้างๆโม่มู่ และได้รู้เรื่องเมื่อก่อนของเธอได้ด้วย

มู่นวลนวลไม่ได้พูดอะไรอีก

เรื่องแบบนี้โม่ถิงเซียวน่าจะรู้ดี และไม่จำเป็นต้องให้เธอพูดมาก

ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะสนใจ และอยู่ดูเธอทำอาหารที่ห้องครัว

โม่มู่ถือจานแล้วเกือบจะชนเขา จึงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า:“พ่ออย่ามาขวางมือขวางเท้าตรงนี้สิ”

โม่ถิงเซียวกอดอก:“บ้านของพ่อ พ่ออยากอยู่ตรงไหนก็จะอยู่ตรงนั้น”

น้ำเสียงที่ไร้เหตุผลนี้……

มู่นวลนวลรู้ว่าเขาน่าเบื่อและไม่อยากที่จะสนใจเขา

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา มู่นวลนวลก็ทำอาหารเสร็จ

เมื่ออยู่ที่โต๊ะอาหาร โม่ถิงเซียวก็เห็นว่าในจานสามสี่ใบเต็มไปด้วยอาหารที่น่ากินและน่ารัก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นของโม่มู่

ที่เหลืออีกสองจานเป็นกับข้าวและอีกหนึ่งจานเป็นซุป นี่น่าจะเป็นอาหารของเขากับมู่นวลนวล

โม่ถิงเซียววางตะเกียบลงข้างๆ:“มู่นวลนวล!”

“หึ้ม?” มู่นวลนวลตอบอย่างใจลอย เธอยิ้มและตักอาหารให้โม่มู่:“ลองดูว่าอันนี้อร่อยไหม มันคือ ‘กระต่ายน้อย’ ใช่ไหม?”

โม่ถิงเซียวยื่นมือไปกดหัวคิ้วของตัวเอง และมีความโกรธจางๆ ในเสียงของเขา:“ในตู้เย็นไม่มีอาหาร หรือคุณคิดว่าผมหมดตัวแล้ว?กระจอกจนต้องกินอาหารสองอย่างนี้?”

มู่นวลนวลไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดอย่างเฉยเมยว่า:“ถ้าคุณไม่อยากกินก็ให้คนใช้ไปทำ แล้วอีกอย่างก็ไม่บังคับให้คุณกิน”

เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้ว เขายังไม่ทันได้พูด คนรับใช้ก็พูดว่า:“ผู้ช่วยซือมาค่ะ”

โม่ถิงเซียวเหลือบไปมองมู่นวลนวล เขาทำเสียงฮึอย่างเย็นชาแล้วลุกขึ้นออกไป

หลังจากที่เขาออกไป มู่นวลนวลก็เงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองไปยังทางที่เขาจากไป

ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้น

ในห้องหนังสือ

ซือเย่พาคนถือเอกสารมามากมายมาให้โม่ถิงเซียว

เมื่อโม่ถิงเซียวเข้ามาเห็นเอกสารมากมายก็ตกตะลึง

ก่อนหน้านี้เขาสั่งให้ซือเย่จัดการเรื่องเมื่อก่อนของเขา รวมไปถึงเรื่องระหว่างเขากับมู่นวลนวลทั้งหมดให้จัดเรียงเป็นข้อมูลมาให้เขา

แต่ไม่คิดว่าจะมีข้อมูลมากมายอย่างนี้

โม่ถิงเซียวยื่นมือออกไปวางขนเอกสารสองทีและพูดว่า:“อยู่ที่นี่หมดแล้วหรอ?”

ซือเย่พูดอย่างเคารพ:“นี่เป็นเพียงส่วนสำคัญเท่านั้น ถ้าคุณชายต้องการข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ อาจต้องใช้เวลาในการจัดการมากกว่านี้”

โม่ถิงเซียวพลิกสองหน้าอย่างลวกๆ และพูดว่า:“ฉันรู้แล้ว”

หลังจากที่ซือเย่จากไป โม่ถิงเซียวก็เริ่มเปิดอ่านข้อมูล

เรื่องนี้เหลือเชื่อเหมือนกับว่ากำลังอ่านเรื่องของคนอื่น

เขาไร้สาระมาก ปลอมเป็นลูกพี่ลูกน้องไปหลอกมู่นวลนวล?

อีกอย่างมู่นวลนวนคนนี้ก็ไร้สาระพอกัน ยังแกล้งขี้เหร่อีก?

ไม่ขี้เหร่ก็ไม่ได้ไม่สวยสักเท่าไหร่……อื้ม ก็แค่สวยกว่าผู้หญิงคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น

โม่ถิงเซียวดูอยู่อย่างนั้นและไม่ได้ออกจากห้องหนังสือ

ในห้องอาหารชั้นล่าง

โม่มู่กินอิ่มแล้วก็กระโดดเล่นไปมา เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังไม่ลงมา มู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

โม่ถิงเซียวไม่มากินข้าวจริงๆ หรอ?

ขี้น้อยใจขนาดนั้นเลย?

มู่ถิงนวลถามคนรับใช้คนหนึ่งว่า:“โม่ถิงฌซียวล่ะ?”

คนรับใช้พูดอย่างเคารพ:“คุณชายอยู่ที่ห้องหนังสือ”

มู่นวลนวลลังเลอยู่สักครู่ และตัดสินใขขึ้นไปตามโม่ถิงเซียวที่ชั้นบน

เธอเดินไปที่หน้าประตูห้องหนังสือ และยกมือขึ้นเคาะประตู

หลังจากนั้นไม่นานเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากข้างใน:“มีอะไร?”

มู่นวลนวลพูดว่า:“ฉันเอง”

วินาทีต่อมาเสียงฝีเท้าที่ดูอึดอัดก็ดังขึ้นในห้อง จากนั้นประตูก็เปิดออกจากด้านใน

โม่ถิงเซียวยืนอยู่ที่ประตูและไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะให้เธอเข้าไป เขาเพียงแต่ถามอย่างเฉยเมย:“มีธุระหรอ?”

มู่นวลนวลถามอย่างไม่แน่ใจ:“คุณไม่ทานข้าวหรอ?”

โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะคิดอยู่สองสามวินาทีและพูดว่า:“ต้มบะหมี่เนื้อมาชามหนึ่ง”

“บะหมี่เนื้อ?” นี่เขากำลังใช้ให้เธอไปต้มบะหมี่ให้เขาหรอ?

ดูเหมือนว่าเขาว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง และโม่ถิงเซียวพูดเสริมว่า:“เผ็ดๆนะ”

หลังจากที่พูดจบ เขาใช้คางชี้ไปที่มู่นวลนวล เป็นการบอกใบ้ว่าให้เธอลงไปได้แล้ว

มู่นวลนวลหันกลับไปที่ชั้นล่างโดยไม่รู้ตัวและทันใดนั้นก็หันกลับมา:“โม่ถิงเซียว คุณเห็นฉันเป็นอะไร?ฉันทำอาหารให้มู่นวลนวลเพราะฉันเต็มใจ แล้วทำไมฉันต้องทำอาหารให้คุณด้วย?”

“ก่อนหน้านี้คุณให้ผมไปสืบเรื่องเมื่อก่อนไม่ใช่หรอ?อยากดูไหม?” โม่ถิงเซียวถอยออกไปด้านข้างเล็กน้อย และมู่นวลนวลก็เห็นเอกสารมากมายในห้องหนังสือ

มู่นวลนวลถามว่า:“นั่นคืออะไร?”

โม่ถิงเซียวยิ้มอย่างมีเลศนัย:“คุณอยากดูไหม”

มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลับไปต้มบะหมี่ให้โม่ถิงเซียวที่ห้องครัวชั้นล่าง โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ดูไม่ออกเลยว่าคนที่เย็นชาอย่างโม่ถิงเซียวจะชอบกินเผ็ด

มู่นวลนวลอยากจะพริกขี้หนูลงไปในชามของโม่ถิงเซียว แต่คิดๆแล้วก็ไม่ดีกว่า

เธอยื่นหน้าของเธอเข้าไปและวางบะหมี่ลงตรงหน้าโม่ถิงเซียวอย่างไม่เต็มใจ:“บะหมี่ของคุณ”

โม่ถิงเซียวไม่พูดอะไรและนั่งกินบะหมี่

แต่เขากินไปได้คำเดี๋ยวก็หยุดชะงัก

นี่เป็นรสชาติที่คุ้นเคย

มู่นวลนวลพลิกดูข้อมูลและเมื่อเห็นเนื้อหาในหน้าแรก เธอก็หันไปมองที่โม่ถิงเซียว:“ไร้เดียงสา”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท