จากนั้นโม่ถิงเซียวก็อุ้มโม่มู่ขึ้นมา และอุ้มเหมือนเจ้าหญิงที่อุ้มมู่นวลนวลเมื่อกี้
โม่มู่ตัวเล็ก พอถูอุ้มเหมือนเจ้าหญิงก็เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยสบาย และดูเหมือนว่ากำลังนอนหงาย
เธอเตะขาสั้นๆ ของเธอเพื่อลุกขึ้น โม่ถิงเซียวจึงอุ้มเธอตรงๆ
เขาพยุงโม่มู่ด้วยมือข้างเดียว และหันไปผลักประตูห้องหนังสือให้เปิดออก
เมื่อเขาเดินเข้าไปก็เห็นความยุ่งเหยิงภายในห้อง เขามองอย่างครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้ววางโม่มู่ลงข้างๆ จากนั้นก็นั่งยองๆและเริ่มเก็บข้าวของ
โม่มู่คงคิดว่าห้องรกเกินไป เธอจึงเดินเขย่งเท้าไปที่ขอบโซฟาแล้วบิดตัวปีนขึ้นไปบนโซฟา เธอเช็ดตุ๊กตาเสือตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ และมองไปที่โม่ถิงเซียวเรื่อยๆ
เด็กๆจะอยู่ไม่นิ่ง เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ถามโม่ถิงเซียวอย่างสงสัย:“พ่อ พ่อทำอะไร?”
โม่ถิงเซียวพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง:“มีของตกลงบนพื้นก็เลยหยิบมันขึ้นมา”
“อ้อ หนูช่วยพ่อเก็บนะ” โม่มู่โถลลงจากโซฟาอย่างกระตือรือร้น เธอวิ่งไปข้างๆ โม่ถิงเซียว และเริ่มช่วยเขาเก็บเอกสารที่ตกอยู่บนพื้น
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอย่างเรียบร้อยเหมือนที่โม่ถิงเซียวทำ เธอแค่ยัดมันลงในอ้อมแขนของเธอจนยับเป็นลูกบอล แล้วก็ส่งให้โม่ถิงเซียวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ:“หนูเก็บเอง!”
โม่ถิงเซียวรับและลูบหัวเธอ:“หนูไปเล่นเถอะ”
โม่มู่เม้มริมฝีปาก:“โอเค”
เธอก็รู้สึกว่าการเก็บของไม่สนุก
ในวัยของเธอ เธอชอบเล่นของเล็กๆน้อยๆที่มีสีสันสดใส เธอคงไม่สนใจกระดาษสีขาวที่มีตัวอักษรสีดำเหล่านี้
เมื่อโม่ถิงเซียวเก็บเอกสารขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสียงเคาะประตูด้านนอก
เสียงของโม่ถิงเซียวเย็นชาเล็กน้อย:“ใคร?”
มู่นวลนวลหยุดชะงักอยู่ข้างนอกประตูแล้วพูดว่า:“ฉันเอง มู่มู่ยังอยู่อยู่ข้างในไหม?ฉันเอานมร้อนมาให้เธอ เธอควรจะไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”
โม่ถิงเซียวก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เขาหันหน้าไปมองโม่มู่และเห็นว่าโม่มู่กำลังฟังที่มู่นวลนวลพูด
เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟังและเอียงหัวเล็กน้อย เธอหันมองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าถูกดึงดูดด้วยเสียงของมู่นวลนวลที่อยู่นอกประตู
โม่ถิงเซียวหัวเราะเบา และถามเธอว่า:“ได้ยินไหม?ใครกำลังเรียกหนู?”
เธอยื่นนิ้วออกมาไว้ที่ปากของเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ:“แม่กำลังเรียกหนู มีนมด้วย”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของโม่ถิงเซียว:“ไม่ใช่น้าแล้วหรอ?”
“พ่อบอกว่าแม่” โม่มู่พูดเร็วนิดหน่อย จนลืมใส่ที่ว่า “เป็น” อยู่ตรงกลาง
“พ่อบอกว่าเป็นแม่” ก็เลยพูดว่า “พ่อบอกว่าแม่”
หลังจากที่เธอพูดจบก็กระโดดลงจากโซฟา:“หนูไปเปิดประตูนะ!”
โม่ถิงเซียวมองดูเธอรีบเดินไปที่ประตูและพยายามเขย่งปลายเท้าเปิดประตู โดยไม่สนใจเธอ
เขาหยิบซองเอกสารตรงหน้าแล้วเดินไปที่ด้านหลังของโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เอาซองเอกสารไว้ในลิ้นชักด้านล่างแล้วล็อค
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามู่นวลนวลเปิดประตูเข้ามาแล้ว จากนั้นก็มีเสียงหวานๆส่งเสียงเรียก “แม่”
มู่นวลนวลกำลังถือแก้วนมร้อน และเมื่อเธอได้ยินที่โม่มู่พูดก็ตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝัน และถามโม่มู่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ:“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“แม่” โม่มู่คงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของมู่นวลนวล และใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตรง
ความประหลาดใจนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมู่นวลนวลก็รู้สึกประหลาดใจอยู่พักใหญ่
“ฉัน……ฉันเอานมร้อนมาให้เธอ……” มู่นวลนวลพูดติดขัดเล็กน้อย เธอนั่งยองๆ แล้วยื่นนมให้โม่มู่
ดวงตาของโม่มู่เป็นประกาย เธอยื่นมือไปรับนมจากมู่นวลนวลแล้วยกขึ้นดื่ม
มู่นวลนวลกังวลว่าเธอจะถือแก้วไม่ได้ จึงช่วยเธอประคองแก้วไว้
โม่มู่ดื่มนมอย่างเชื่อฟัง
เธอชูแก้วเปล่าขึ้นให้มู่นวลนวลดู:“หนูดื่มหมดแล้ว!”
ในใจของมู่นวลนวลสับสน:“มู่มู่เก่งมาก!คืนพรุ่งนี้จะเอานมร้อนมาให้หนูอีกดีไหม?”
“ค่ะ!”
โม่มู่ยกแก้วขึ้นอย่างดีใจและหันกลับไปหาโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลมองตามโม่มู่ไป และเห็นว่าโม่ถิงเซียวเดินไปอยู่ข้างๆประตู
ในตอนนี้เขายืนพิงขอบประตูและกอดอกมองไปที่มู่มู่อย่างไม่สนใจ
เมื่อด้รับคำชมจากมู่นวลนวลแล้ว โม่มู่มองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างคาดหวัง:“พ่อดูสิ!หนูดื่มหมดแล้ว!”
โม่มู่เพิ่งดื่มนมและมีหนวดเคราสีขาวเป็นวงกลมอยู่บนริมฝีปากของเธอ
โม่ถิงเซียวยิ้มและยื่นมือไปเช็ดคราบนมออกจากริมฝีปากของเธอ มีรอยยิ้มเล็กน้อยในเสียงต่ำ:“พูดขอบคุณรึยัง?”
โม่มู่หันไปพูดกับมู่นวลนวล:“ขอบคุณค่ะแม่!”
ก่อนหน้านี้ที่โม่มู่เรียกเธอว่าแม่ มู่นวลนวลก็แปลกเล็กน้อย
เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ โม่มู่จะเธอว่าแม่ด้วยความตั้งใจ โม่ถิงเซียวต้องพูดอะไรแน่ๆ
เธอรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าโม่ถิงเซียวซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ
เขาเย่อหยิ่งและอวดดี แต่บางทีเขาก็ไร้เดียงสา จนกระทั่งรู้ใจ……นิดหน่อย
มู่นวลนวลมองไปที่โม่ถิงเซียวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
……
หลังจากที่มู่นวลนวลอาบน้ำให้โม่มู่เสร็จแล้วก็กล่อมให้เธอหลับ จากนั้นก็ออกไปและพบกับโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เขาสวมชุดอยู่บ้านและออร่าที่คมชัดบนร่างกายของเขาได้จางหายไปมาก
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ:“ขอบคุณนะ”
ที่โม่มู่เปลี่ยนคำพูด แน่นอนว่าเป็นโม่ถิงเซียวที่สอน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมโม่ถิงเซียวถึงทำเช่นนี้ แต่มู่นวลนวลก็รู้สึกขอบคุณเขามาก
โม่มู่ดูเหมือนชอบเธอมาก แต่เมื่อเทียบกับโม่ถิงเซียวที่คอยดูแลโม่มู่แล้ว โม่มู่ก็ชอบโม่ถิงเซียวมากกว่า
ข้อนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย
ดังนั้นโม่มู่จึงชอบที่จะเชื่อฟังโม่ถิงเซียว
ประตูห้องนอนของโม่มู่ไม่ได้ปิดสนิท โม่ถิงเซียวยื่นมือออกไปผลักประตูมองเข้าไปข้างในและเห็นว่าโม่มู่กำลังกอดตุ๊กตาเสือน้อยและหลับสนิท จากนั้นเขาก็ละสายตากลับมา
โม่ถิงเซียวเหลือบมองไปที่มู่นวลนวลและพูดพึมพำ:“คนที่ไร้เดียงสาจะขอบคุณคุณด้วยวาจา”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินจากไปอย่างไม่ได้สนใจท่าทีของมู่นวลนวล
มู่นวลนวลตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
โม่ถิงเซียวคงจะแค้นที่ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเขาไร้เดียงสา?
มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนเป็นคนใหม่
ทุกคนล้วนบอกว่า “ขุนนางชั้นผู้ใหญ่มักจะไม่คำนึงถึงคนต่ำต้อย” ไม่ใช่หรอ?
ทำไมคนที่มีชื่อเสียงอย่างโม่ถิงเซียวถึงยึดมั่นในทุกคำที่เธอพูดไม่ตรงใจเขา
เขาไม่เพียงแค่ถือโอกาสโยนคำพูดใส่เธอ แต่ยังถือโอกาสเหยียบเท้าเธอด้วย
เมื่อมู่นวลนวลกลับมาที่ห้อง เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
ดังนั้นเธอจึงโทรศัพท์หาเซินเหลียง
เสียงของเซินเหลียงยังคงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา:“นวลนวล!”
“เสี่ยวเหลียง ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธฮ”
“เรื่องอะไร ว่ามาสิ” เสียงรินน้ำดังมาจากทางด้านของเซินเหลียง
มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วก็ตั้งคำถามที่โบราณ:“โม่ถิงเซียว เขาเป็นคนยังไงหรอ?”
“ฮู่……อะแฮ่ม……”