“ของขวัญที่คุณกูให้มู่มู่”มู่นวลนวลพูดพลางหันไปยิ้มให้กูจื่อหยาน
กูจื่อหยานยิ้มด้วยความยินดี
โม่ถิงเซียวมองตู้เซฟแล้วหันไปถามกูจื่อหยานเสียงเรียบ “ตอนนี้มู่มู่ไม่สนใจเรื่องเงินทอง”
กูจื่อหยานตะลึง “นายยังไม่ได้ดูเลย รู้ได้ยังไงว่าข้างในมีเงิน”
“ไม่งั้นนายจะใส่อะไรไว้ข้างในล่ะ”ภายใต้น้ำเสียงนิ่งเฉยนั้น แฝงไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
คนที่คุ้นเคยกับเขาต่างฟังออก
สีหน้าของกูจื่อหยานจริงจังขึ้น “นาย….”
โม่ถิงเซียวไม่สนใจความหมายของเขา เขาหันไปมองมู่นวลนวล “ไปทีนึงเป็นเพื่อนผมหน่อย”
“ไปไหน”
เธอยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วเขายังจะพาเธอไปที่หนึ่งอีก….
โม่ถิงเซียวส่งของในมือไปให้ซือเย่และสั่ง “นายไปส่งมู่มู่”
ซือเย่ตอบรับ “ครับ”
จากนั้นโม่ถิงเซียวก็หันมาหาโม่มู่ “กลับไปกับคุณอาซือเย่ พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ หนูรออยู่ที่บ้านนะ”
โม่มู่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
โม่ถิงเซียวสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร แต่โม่มู่เพิ่งจะอายุสามขวบ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเขาจึงตัวเล็กมาก ความสูงของทั้งคู่ต่างกันร้อยกว่าเซนติเมตรได้
แม้จะไม่ใช่ฉากที่อบอุ่น แต่จากสายตาของทุกคนที่มองมา ภาพที่ลูกตัวน้อยพยักหน้าให้พ่อด้วยความเชื่อฟังมันอบอวลไปด้วยความรัก
แต่โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับความรักนี้เลย เขาพูดจบก็ดึงมือมู่นวลนวลออกไป
ตอนแรกมู่นวลนวลมีคำพูดจะพูดกับโม่มู่ แต่ก็ไม่ทันได้พูด
เธอได้แต่หันไปพูดกับโม่มู่ว่า “เชื่อฟังคุณอาซือเย่นะลูก แม่กับพ่อจะรีบกลับไป บ๊ายบาย”
คำพูดบ๊ายบายเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
โม่มู่มองไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังโบกมือให้มู่นวลนวล
มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวพาออกมาจากร้านจินติ่ง
ทันทีที่ออกมาจากจินติ่ง มู่นวลนวลก็สะบัดมือโม่ถิงเซียวออก “ฉันเดินเองได้ อย่ามาแตะเนื้อต้องตัว”
อยู่ดีๆก็ให้เธอไปสถานที่หนึ่งกับเขา ตอนที่เห็นโม่มู่ เขาไม่ได้เจอลูกมาทั้งวัน แต่ก็ไม่คิดจะกอดลูกเลย
โม่ถิงเซียวก้มมองมือของตัวเอง และเปิดประตูขึ้นรถไปนั่งตำแหน่งคนขับโดยไม่พูดอะไร
มู่นวลนวลเปิดประตูข้างคนขับด้วยสีหน้าไม่ดี
“จะไปไหนกันแน่”เธอคาดเข็มขัดนิรภัยพลางถาม
ในที่สุดโม่ถิงเซียวก็ตอบคำถามของเธอ “โรงพยาบาล”
“ไปทำอะไรโรงพยาบาล คุณไม่สบายหรอ”มู่นวลนวลพูดจบก็รู้สึกว่าคำถามตัวเองไม่ถูกต้อง โม่ถิงเซียวไม่สบายก็ไม่มีทางให้เธอไปเป็นเพื่อนหรอก
ถึงจะไม่เข้าใจเธอก็ไม่ได้ถามต่อ
…..
ทั้งคู่เงียบจนมาถึงโรงพยาบาล
เมื่อลงมาจากรถมู่นวลนวลก็เอามือล้วงกระเป๋า เดินตามหลังโม่ถิงเซียวโดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
ยังไม่ทันเดินเข้าโรงพยาบาลโม่ถิงเซียวก็หันหน้ากลับมา เขามองเธอด้วยสีหน้าว่างเปล่า “มู่นวลนวล ขาคุณโดนพื้นยึดไว้หรอ”
มู่นวลนวลพูดด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดี “เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ เดินใครเดินมันสิ ฉันโตแล้วไม่หลงหรอก”
ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้โม่ถิงเซียวถึงยุ่งเรื่องของเธอไม่หยุด ขนาดเรื่องเดินเขาก็ยุ่งด้วย
โม่ถิงเซียวมองเธอนิ่งโดยไม่เดิน
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินนำตรงหน้าของเขา
เธอตั้งใจเดินเร็วเป็นพิเศษ และเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เร่งความเร็วตาม
เธอเดินช้า คนข้างหลังก็เดินช้าตาม
สรุปก็คือโม่ถิงเซียวเดินตามเธออยู่ข้างหลัง
เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่เดินความเร็วตามเธอ เขายังจ้องเธอตลอดเวลาด้วย
สายตาของเขาลึกซึ้งเกินไป ราวกับมีพลังงานบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเอง
มู่นวลนวลก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อมาเดินข้างเขา
โม่ถิงเซียวยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่เดาได้ยาก ถ้าไม่มองดีๆก็ดูไม่ออก
ทั้งคู่เดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปกดลิฟต์ เมื่อดึงแขนกลับมา เธอก็รู้สึกถึงลมหายใจที่พัดผ่านหูเธอไปพอดี
ลิฟต์ขึ้นไปโดยไม่หยุดระหว่างทาง จนไปเปิดในชั้นที่โม่ถิงเซียวกด
เมื่อมู่นวลนวลออกมาจากลิฟต์แล้วถึงได้รู้ว่าโรงพยาบาลนี้ไม่มีคน
เหมือนเขาจะเดาความคิดของเธอออก เขาจึงพูดครึ่ง “คนน้อยสะดวกดี”
เขาหมายความว่าเขาเหมาโรงพยาบาลหรอ
นายน้อยโม่ผลาญเงินเก่งจริงๆ
ทั้งคู่เดินออกจากลิฟต์มาไม่ไกลก็มีคนมารอรับ “นายน้อย”
โม่ถิงเซียวถามเสียงเรียบ “จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง”
ลูกน้องตอบอย่างเคารพ “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”
มู่นวลนวลมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างสงสัย
แต่ความสงสัยของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เธอนึกถึงวันที่โม่ถิงเซียวเจ็บปวดอยู่ในห้องหนังสือได้ วันนี้เขาอาจจะมาตรวจร่างกาย
เธอเพิ่งจะคิดเรื่องนี้ได้ก็ได้ยินคนข้างๆพูดว่า “พาเธอไปสิ”
เธอหรอ
มู่นวลนวลเงยหน้า แล้วก็เห็นกลุ่มแพทย์และพยาบาลใส่ชุดขาวยืนอยู่ ครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหมอผู้หญิงและพยาบาลผู้หญิง
เมื่อโม่ถิงเซียวพูดจบ หมอผู้หญิงก็เดินมาถามเธอ
“เชิญคุณโม่มากับฉันค่ะ”
ไม่ใช่ต้องตรวจให้โม่ถิงเซียวหรอ
อาจเป็นเพราะว่าสีหน้าของมู่นวลนวลแสดงออกชัดเจนเกินไป โม่ถิงเซียวจึงพูด “แค่ตรวจร่างกายนิดหน่อย”
เขาพูดจบก็ส่งสัญญาณให้หมอพาเธอไปตรวจ
เมื่อหมอได้รับคำสั่งของโม่ถิงเซียว ก็ไม่สนใจว่ามู่นวลนวลจะยินยอมหรือไม่ เธอพามู่นวลนวลเดินไปทันที
“ฉันสุขภาพดีมาก ฉันไม่ต้องการตรวจ”มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนที่แปลกมาก
ถึงเขาจะหวังดี เขาก็ควรจะบอกเธอล่วงหน้าก่อนหรือเปล่า
แค่บอกล่วงหน้าเขาจะเป็นอะไรไป
แต่เรื่องก็ดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว มู่นวลนวลก็ได้แต่ให้หมอผู้หญิงตรวจเธอ
เมื่อมู่นวลนวลตรวจเสร็จก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
ตอนที่เธอออกมา เธอก็เห็นว่าโม่ถิงเซียวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ และกำลังพลิกกระดาษในมือ
เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ เธอก็เห็นว่าในมือของเขาคือผลตรวจร่างกายของเธอ
มู่นวลนวลเดินไปนั่งข้างเขาและถาม “ทำไมต้องให้ฉันตรวจด้วย”
“เผื่อว่าคุณมีโรคติดต่อ เดี๋ยวมันจะติดต่อไปให้มู่มู่”โม่ถิงเซียวตอบโดยไม่มองหน้า เสียงของเขาเย็นชา แสดงไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ
มู่นวลนวลยกยิ้มแค่ใบหน้า “คุณช่างแตกต่างกับคนอื่นจริงๆ เหตุผลแบบนี้ยังมีหน้ามาพูดอย่างจริงจังอีก”
โม่ถิงเซียวอ่านผลการตรวจจบพอดี
เขาเงยหน้าขึ้นมองมู่นวลนวลด้วยสีหน้าจริงจังมาก “คุณโม่ก็ไม่เหมือนคนอื่น โกรธขนาดนี้ยังยิ้มออกอีก”
มู่นวลนวล “….”