ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 408 เหตุผลแย่ๆ

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

“ของขวัญที่คุณกูให้มู่มู่”มู่นวลนวลพูดพลางหันไปยิ้มให้กูจื่อหยาน

กูจื่อหยานยิ้มด้วยความยินดี

โม่ถิงเซียวมองตู้เซฟแล้วหันไปถามกูจื่อหยานเสียงเรียบ “ตอนนี้มู่มู่ไม่สนใจเรื่องเงินทอง”

กูจื่อหยานตะลึง “นายยังไม่ได้ดูเลย รู้ได้ยังไงว่าข้างในมีเงิน”

“ไม่งั้นนายจะใส่อะไรไว้ข้างในล่ะ”ภายใต้น้ำเสียงนิ่งเฉยนั้น แฝงไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน

คนที่คุ้นเคยกับเขาต่างฟังออก

สีหน้าของกูจื่อหยานจริงจังขึ้น “นาย….”

โม่ถิงเซียวไม่สนใจความหมายของเขา เขาหันไปมองมู่นวลนวล “ไปทีนึงเป็นเพื่อนผมหน่อย”

“ไปไหน”

เธอยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วเขายังจะพาเธอไปที่หนึ่งอีก….

โม่ถิงเซียวส่งของในมือไปให้ซือเย่และสั่ง “นายไปส่งมู่มู่”

ซือเย่ตอบรับ “ครับ”

จากนั้นโม่ถิงเซียวก็หันมาหาโม่มู่ “กลับไปกับคุณอาซือเย่ พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ หนูรออยู่ที่บ้านนะ”

โม่มู่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

โม่ถิงเซียวสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร แต่โม่มู่เพิ่งจะอายุสามขวบ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเขาจึงตัวเล็กมาก ความสูงของทั้งคู่ต่างกันร้อยกว่าเซนติเมตรได้

แม้จะไม่ใช่ฉากที่อบอุ่น แต่จากสายตาของทุกคนที่มองมา ภาพที่ลูกตัวน้อยพยักหน้าให้พ่อด้วยความเชื่อฟังมันอบอวลไปด้วยความรัก

แต่โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับความรักนี้เลย เขาพูดจบก็ดึงมือมู่นวลนวลออกไป

ตอนแรกมู่นวลนวลมีคำพูดจะพูดกับโม่มู่ แต่ก็ไม่ทันได้พูด

เธอได้แต่หันไปพูดกับโม่มู่ว่า “เชื่อฟังคุณอาซือเย่นะลูก แม่กับพ่อจะรีบกลับไป บ๊ายบาย”

คำพูดบ๊ายบายเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

โม่มู่มองไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังโบกมือให้มู่นวลนวล

มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวพาออกมาจากร้านจินติ่ง

ทันทีที่ออกมาจากจินติ่ง มู่นวลนวลก็สะบัดมือโม่ถิงเซียวออก “ฉันเดินเองได้ อย่ามาแตะเนื้อต้องตัว”

อยู่ดีๆก็ให้เธอไปสถานที่หนึ่งกับเขา ตอนที่เห็นโม่มู่ เขาไม่ได้เจอลูกมาทั้งวัน แต่ก็ไม่คิดจะกอดลูกเลย

โม่ถิงเซียวก้มมองมือของตัวเอง และเปิดประตูขึ้นรถไปนั่งตำแหน่งคนขับโดยไม่พูดอะไร

มู่นวลนวลเปิดประตูข้างคนขับด้วยสีหน้าไม่ดี

“จะไปไหนกันแน่”เธอคาดเข็มขัดนิรภัยพลางถาม

ในที่สุดโม่ถิงเซียวก็ตอบคำถามของเธอ “โรงพยาบาล”

“ไปทำอะไรโรงพยาบาล คุณไม่สบายหรอ”มู่นวลนวลพูดจบก็รู้สึกว่าคำถามตัวเองไม่ถูกต้อง โม่ถิงเซียวไม่สบายก็ไม่มีทางให้เธอไปเป็นเพื่อนหรอก

ถึงจะไม่เข้าใจเธอก็ไม่ได้ถามต่อ

…..

ทั้งคู่เงียบจนมาถึงโรงพยาบาล

เมื่อลงมาจากรถมู่นวลนวลก็เอามือล้วงกระเป๋า เดินตามหลังโม่ถิงเซียวโดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย

ยังไม่ทันเดินเข้าโรงพยาบาลโม่ถิงเซียวก็หันหน้ากลับมา เขามองเธอด้วยสีหน้าว่างเปล่า “มู่นวลนวล ขาคุณโดนพื้นยึดไว้หรอ”

มู่นวลนวลพูดด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดี “เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ เดินใครเดินมันสิ ฉันโตแล้วไม่หลงหรอก”

ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้โม่ถิงเซียวถึงยุ่งเรื่องของเธอไม่หยุด ขนาดเรื่องเดินเขาก็ยุ่งด้วย

โม่ถิงเซียวมองเธอนิ่งโดยไม่เดิน

มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินนำตรงหน้าของเขา

เธอตั้งใจเดินเร็วเป็นพิเศษ และเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เร่งความเร็วตาม

เธอเดินช้า คนข้างหลังก็เดินช้าตาม

สรุปก็คือโม่ถิงเซียวเดินตามเธออยู่ข้างหลัง

เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่เดินความเร็วตามเธอ เขายังจ้องเธอตลอดเวลาด้วย

สายตาของเขาลึกซึ้งเกินไป ราวกับมีพลังงานบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเอง

มู่นวลนวลก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อมาเดินข้างเขา

โม่ถิงเซียวยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่เดาได้ยาก ถ้าไม่มองดีๆก็ดูไม่ออก

ทั้งคู่เดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน

โม่ถิงเซียวยื่นมือไปกดลิฟต์ เมื่อดึงแขนกลับมา เธอก็รู้สึกถึงลมหายใจที่พัดผ่านหูเธอไปพอดี

ลิฟต์ขึ้นไปโดยไม่หยุดระหว่างทาง จนไปเปิดในชั้นที่โม่ถิงเซียวกด

เมื่อมู่นวลนวลออกมาจากลิฟต์แล้วถึงได้รู้ว่าโรงพยาบาลนี้ไม่มีคน

เหมือนเขาจะเดาความคิดของเธอออก เขาจึงพูดครึ่ง “คนน้อยสะดวกดี”

เขาหมายความว่าเขาเหมาโรงพยาบาลหรอ

นายน้อยโม่ผลาญเงินเก่งจริงๆ

ทั้งคู่เดินออกจากลิฟต์มาไม่ไกลก็มีคนมารอรับ “นายน้อย”

โม่ถิงเซียวถามเสียงเรียบ “จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง”

ลูกน้องตอบอย่างเคารพ “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”

มู่นวลนวลมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างสงสัย

แต่ความสงสัยของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เธอนึกถึงวันที่โม่ถิงเซียวเจ็บปวดอยู่ในห้องหนังสือได้ วันนี้เขาอาจจะมาตรวจร่างกาย

เธอเพิ่งจะคิดเรื่องนี้ได้ก็ได้ยินคนข้างๆพูดว่า “พาเธอไปสิ”

เธอหรอ

มู่นวลนวลเงยหน้า แล้วก็เห็นกลุ่มแพทย์และพยาบาลใส่ชุดขาวยืนอยู่ ครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหมอผู้หญิงและพยาบาลผู้หญิง

เมื่อโม่ถิงเซียวพูดจบ หมอผู้หญิงก็เดินมาถามเธอ

“เชิญคุณโม่มากับฉันค่ะ”

ไม่ใช่ต้องตรวจให้โม่ถิงเซียวหรอ

อาจเป็นเพราะว่าสีหน้าของมู่นวลนวลแสดงออกชัดเจนเกินไป โม่ถิงเซียวจึงพูด “แค่ตรวจร่างกายนิดหน่อย”

เขาพูดจบก็ส่งสัญญาณให้หมอพาเธอไปตรวจ

เมื่อหมอได้รับคำสั่งของโม่ถิงเซียว ก็ไม่สนใจว่ามู่นวลนวลจะยินยอมหรือไม่ เธอพามู่นวลนวลเดินไปทันที

“ฉันสุขภาพดีมาก ฉันไม่ต้องการตรวจ”มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนที่แปลกมาก

ถึงเขาจะหวังดี เขาก็ควรจะบอกเธอล่วงหน้าก่อนหรือเปล่า

แค่บอกล่วงหน้าเขาจะเป็นอะไรไป

แต่เรื่องก็ดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว มู่นวลนวลก็ได้แต่ให้หมอผู้หญิงตรวจเธอ

เมื่อมู่นวลนวลตรวจเสร็จก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

ตอนที่เธอออกมา เธอก็เห็นว่าโม่ถิงเซียวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ และกำลังพลิกกระดาษในมือ

เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ เธอก็เห็นว่าในมือของเขาคือผลตรวจร่างกายของเธอ

มู่นวลนวลเดินไปนั่งข้างเขาและถาม “ทำไมต้องให้ฉันตรวจด้วย”

“เผื่อว่าคุณมีโรคติดต่อ เดี๋ยวมันจะติดต่อไปให้มู่มู่”โม่ถิงเซียวตอบโดยไม่มองหน้า เสียงของเขาเย็นชา แสดงไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ

มู่นวลนวลยกยิ้มแค่ใบหน้า “คุณช่างแตกต่างกับคนอื่นจริงๆ เหตุผลแบบนี้ยังมีหน้ามาพูดอย่างจริงจังอีก”

โม่ถิงเซียวอ่านผลการตรวจจบพอดี

เขาเงยหน้าขึ้นมองมู่นวลนวลด้วยสีหน้าจริงจังมาก “คุณโม่ก็ไม่เหมือนคนอื่น โกรธขนาดนี้ยังยิ้มออกอีก”

มู่นวลนวล “….”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท