รักษาความสงบเอาไว้เมื่อเผชิญกับอันตรายคือคุณสมบัติพื้นฐานของมีนา ถึงยังไงอาชีพของเธอก็ได้พบกับความเป็นตายมามากมาย แต่ทว่าร่างกายของเธอในตอนนี้นั่นแข็งทื่อจนน่ากลัว
คนเรามักจะรู้สึกกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ ก็เหมือนกับเธอในตอนนี้ ที่ไม่รู้ว่าวินาทีต่อไปต้องเผชิญหน้ากับการทรมานที่ไร้มนุษยธรรมของปีศาจตนนี้แบบไหน
แต่เธอคือมีนานะ เติบโตมาในครอบครัวที่ดูหรูหราแต่ความจริงแล้วทั้งพิการทั้งน่าเกลียด แต่ดอกไม้งามมักเกิดในที่ที่อันตราย
ใบหน้าหล่อเหลาที่เพ้นด้วยสีน้ำมันของชายหนุ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในดวงตาของเธอ ลมหายใจร้อนระอุบนถูกพ่นออกมาบนใบหน้าของเธอ ลมหายใจเหมือนกับเจ้าของ รุนแรงเร่งรัด!
เธอหายใจออกเบา ๆ : “ท่านนายพลณภัทร ฉันรู้ว่ามีที่หนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาทางสรีรวิทยาของคุณได้ ห่างออกไปทางด้านตะวันออกของป่าดงดิบประมาณสามสิบไมล์มีบาร์รื่นเริงอยู่”
ณภัทรควบคุมกองทัพอย่างเข้มงวด เขาห้ามไม่ให้ทหารเที่ยวโสเภณีในขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างเด็ดขาด แต่ก็มีทหารบางคนที่ทนไม่ไหวแอบไปปลดปล่อยที่นั่น มันกลายเป็นเรื่องที่เก็บไว้เป็นความลับเรื่องหนึ่ง
ดวงตาของเขาราวกับคืนอันเหน็บหนาว คิดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นเขาเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังระบายความต้องการ
เขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วกัดติ่งหูของเธอเบา ๆ : “ทิวทัศน์งดงามเพียงใด ก็สู้นอนกับเธอไม่ได้”
คนคนนี้ไม่อ่อนก็ไม่เขาไม้แข็งก็ไม่ได้ เธอยิ่งมองเขาไม่ออกเข้าไปใหญ่
“คนไร้ยางอาย!”
เขายิ้มอ่อน ๆ แล้วใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากของเธอ ปลายนิ้วมือเลื่อนผ่านลำคอละเอียดลออของเธอ แล้วหยุดลงบนเนินเขาที่นูนขึ้นมา: “36D? หุ่นดีไม่เบา ถูกใจผมพอดีเลย”
ถึงแม้เธอจะโมโหมาก แต่ก็ยังคงมีสติอยู่ เธอสู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ และเธอก็ไม่อยากตาย
เธอเอียงศีรษะไปด้านข้างด้วยความสิ้นหวังอย่างสงบ: “เสร็จแล้วไปส่งฉันที่สนามบิน”
นิ้วมือของเธอค่อย ๆ งอเข้า เพื่อทิวาแล้ว เธอต้องมีชีวิตต่อไป วันนี้ถือว่าถูกหมาบ้ากัด แล้วกัน เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ณภัทรมองต่ำลงดูหญิงสาวที่อยู่ใกล้เพียงนิดเดียว เขาระงับความต้องการที่แผดเผาเอาไว้ ความรู้สึกสงสารห่วงใยผ่านแวบไปในใจของเขา
เขาใช้เข็มขัดมัดเธอเอาไว้ที่เบาะหลัง
เธอพลันลืมตาขึ้นมา แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดเชิงหยอกล้อ: “คิดไม่ถึงว่าคนมีภูมิฐานอย่างท่านนายพลณภัทรจะชอบSM”
เขายื่นแขนยาว ๆ ออกมากอดรัดเธอเอาไว้ในอ้อมอก ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน: “SM? ผมชอบ……ชอบความซาดิสม์ไปทั้งชาติเลยล่ะ”
เธอตะลึงงันไปสักพัก: “ชาติหนึ่งมันยาวมากเลยนะ มันเป็นการล้อเล่นที่คุณล้อเล่นไม่ได้”
จะให้คำสัญญาง่าย ๆ ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอกับผู้ชายคนนี้เคยเจอกันแค่สองครั้งเอง ถ้าจะบอกว่าผู้ชายคนนี้รักเธอแทบเป็นแทบตาย เธอไม่เชื่อหรอก ผู้ชายอย่างณภัทรเหมือนยืนอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ เลือดเย็นอำมหิตมีสติสัมปชัญญะ คนอย่างเขาไร้ความรักความกังวล
เขาลุกขึ้น แล้วขับรถ
“คุณจะพาฉันไปไหน?”
“หาที่ที่สามารถเล่นSM ได้ไงล่ะ”
“…….”
เธอกระวนกระวายมาตลอดทาง ลองพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล
เขาอารมณ์ดีมาก เงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังอยู่บ่อยครั้ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
รถแล่นผ่านป่ารกทึบไป แล้วจอดลงที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ล้อมรอบไปด้วยเต็นท์เป็นแนวยาว ทหารที่เดินไปมา เคร่งขรึมและเงียบสงบ
ที่นี่น่าจะเป็นฐานลับของพวกเขาสินะ เพียงแต่ว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไมกันแน่?
เขาก้มลงแล้วอุ้มเธอลงมาจากรถ แล้วเดินก้าวใหญ่ ๆ ไปที่เต็นท์ที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ตรงกลาง เธอไม่โวยวายไม่ขัดขืน เพียงแค่พิจารณาดูบริเวณโดยรอบอย่างเงียบ ๆ
“เลิกมองได้แล้ว คุณหนีออกไปไม่ได้หรอก”
นี่เขาสามารถอ่านใจเธอได้ด้วยเหรอเนี่ย
หลังจากที่เข้าไปในเต็นท์เธอถึงรู้ว่าที่นี่เป็นห้องผ่าตัด ที่อยู่ข้างในล้วนเป็นแพทย์ทหาร
หรือว่าเขาต้องการให้เธอเข้าทีมกับพวกเขา? เพียงแต่ว่าเธอคิดผิดไปแล้ว
เขาวงเธอลงบนเตียงผ่าตัด แล้วออกคำสั่ง: “ไสหัวออกไปให้หมด!”
ทุกคนหายตัวออกไปจากเต็นท์อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
เธอพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้นนั่ง: “ณภัทร คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เขาหยิบเอาเครื่องมือขึ้นมา มีมีดด้าม แต่ปลายมีดนั้นแหลมมาก ราวกับเครื่องมือที่ใช้สักลาย
“ผมเป็นคนที่มีแค้นจะต้องชำระ ในเมื่อคุณทำให้ผมเลือดออก ผมก็ควรที่จะทำให้คุณเลือดไหลบ้าง”
เธอกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าเล็กน้อย และยังคงจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง
เข้ายิ้มพลางพลิกตัวเธอกลับไป รูดซิปที่ด้านหลังของเธอลงด้วยมือข้างเดียว แล้วรูดเสื้อของเธอลงไปที่สะโพก
“ณภัทร คุณมันสารเลว!”
มองดูผิวที่ขาวอมชมพู และก้นเด้ง ๆ ของเธอ ร่างกายของเขาก็เกร็งตึงขึ้นมาทันที เสียงก็แหบแห้งลงเล็กน้อย: “ไม่ดื้อนะ อย่าขยับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
ความเจ็บปวดเล็กน้อยแผ่ซ่านออกมาจากบริเวณเอวของเธอ
“เสร็จแล้ว”
เขาแก้เข็มขัดที่มัดมือเธอเอาไว้ออกแล้วสวมกลับไปที่เอว
เธอหันกลับไปมองบริเวณเอวของเธอ เห็นเป็นรูปหมาป่าโทเทม
น่ารังเกียจที่สุด! ทิ้งรอยสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาเอาไว้ เห็นเธอเป็นของเล่นหรือยังไงกัน?
เธอยกมือขึ้นคิดจะตบเขา แต่แขนกลับถูกจับไว้แน่น ออกแรงดึง เธอพลันล้มลงไปในอ้อมกอดของเขา: “คนดี เลิกดื้อได้แล้ว รอเข้าห้องหอตอนเย็น คุณอยากจะตีตรงไหนก็ได้ ก้นผมก็ยอมให้คุณตี”
เธอโมโหจนหน้าแดงก่ำ กัดฟันกรอด: “สารเลว!”
เขาหัวเราะต่ำ ๆ ขึ้นมา: “การอบรมสั่งสอนของตระกูลพรหมพิริยะไม่เลวเลยจริง ๆ เหมือนว่าคุณจะด่าเป็นแค่สองคำนี้นะ”
เธอถลึงตามองเขาด้วยความโมโห เธอค้นหาไปทั่วสมอง แต่ก็ด่าออกมาได้เพียงแค่สองคำ: “สารเลว!”
เขาหัวเราะขึ้นมาหลักกว่าเดิม แล้วพ่นลมหายใจใส่หูของเธอ: “อืม เดี๋ยวคืนนี้จะเลวให้คุณดู”
เขาขยับหูฟังเล็กน้อย: “บอกให้วายุพาคนเข้ามา!”
ผู้ชายกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา ทุกคนต่างเป็นทหาร พวกเขาทำความเคารพแบบทหารอย่างพร้อมเพรียง เสียงดังเหมือนระฆัง: “ขอให้ท่านนายพลและคุณผู้หญิงมีความสุขในวันแต่งงาน!”
ณภัทรทิ้งคราบโจรในเมื่อสักครู่ไป เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น แล้วล้วงเอาแหวนออกมา
เธอมองดูเขาอย่างเย็นชา: “คุณทำอะไร?
“ขอแต่งงาน”
สมองของเธอแทบระเบิดออกมา นี่เป็นการขอแต่งงานงั้นเหรอ? โจรฉุดมาบังคับแต่งงานน่ะสิไม่ว่า
“ณภัทร ล้อเล่นบ้าอะไรของคุณ?”
จี้ตัวเธอมาก่อน แล้วยังทำเครื่องหมายอัปยศไว้บนร่างกายของเธอ ตอนนี้ยังมาแกล้งทำเป็นขอแต่งงานอีกงั้นเหรอ?
เธอหันไปมองเตียงผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่มีดผ่าตัดเล่มหนึ่ง คิดจะพุ่งเข้าไป แต่กลับชนข้ากับกำแพงเนื้อที่แข็งแรงเต็ม ๆ
เขากอดเอวของเธอเอาไว้แน่น: “คนดี หยุดดื้อได้แล้ว ทุกคนกำลังมองอยู่นะ”
“ออกไปนะ! อีกสิบกว่าวันฉันก็ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นของฉันแล้ว”
จู่ ๆ เขาก็บีบเอวของเธอแน่น แล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา: “ดูเหมือนว่าผมจำเป็นจะต้องให้คุณเข้าใจความเป็นจริงบ้างแล้ว วายุเอาเอกสารสำคัญนั่นมาให้คุณผู้หญิงดู”
“ครับ!”
นายทหารผิวสีแทน หน้าตาหล่อเหลาคมคายหยิบอาเอกสารสองแผ่นออกมาจากกระเป๋า เป็นทะเบียนสมรสนั่นเอง
มีนาตกตะลึง เธอหยิบเอาเอกสารสมรสมาดู ข้างบนเป็นชื่อของเธอและณภัทร แล้วยังเป็นของจริงอีกด้วย!
เธอเข้าใจขึ้นมาทันที จะมีอะไรที่คนที่มีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่อย่างณภัทรทำไม่ได้อีก
เธอฉีกทะเบียนสมรสออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความโมโห
ณภัทรยิ้มและยื่นเอกสารอีกแผ่นให้เธอ: “ขอแค่คุณพอใจ จะฉีกกี่แผ่นก็ได้”
เธอโซเซไปข้างหลัง: “คุณมันเป็นปีศาจ!”
“คุณผู้หญิงเหนื่อยแล้ว พาเธอกลับไปพักผ่อน”
ทหารหญิงสองคนพยุงซ้ายขวาพามีนาออกไปทันที
ทหารหญิงสองคนพาเธอเดินเข้าไปในอุโมงค์ จากนั้นก็ได้พบกับคฤหาสน์หลังหนึ่ง มีศาลามีตึก พืชพรรณนานาชนิด เพียงแต่ว่าเธอไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชม
ไม่นานเธอก็ได้ถูกพาตัวมาที่ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยสีแดงที่บ่งบอกถึงความสุข
“คุณผู้หญิงคะ ดิฉันชื่อกอหญ้า ส่วนเธอชื่อใบบัว ถ้าหากคุณผู้หญิงต้องการอะไร ก็เรียกใช้พวกเรานะคะ”
เธอยิ้มกล่าวอย่างเย็นชา: “เอาปืนพกมาให้ฉันกระบอกหนึ่ง ได้ไหมล่ะ?”
กอหญ้าและใบบัวสบตากัน ความจนใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเธอ: “คุณผู้หญิงคะ ความจริงแล้วท่านนายพลเป็นคนดีมากเลยนะคะ”
“ไสหัวออกไป!”
เธอรู้สึกเพียงว่าสีแดงที่อยู่ในห้องขัดตาเธอมาก จึงกระชากเอาผ้าห่มและผ้าปูที่นอนสีแดงสดนั่นทิ้งลงไปบนพื้น สิ่งของที่อยู่ในห้องอะไรก็ตามที่เป็นสีแดงล้วนถูกเธอขว้างทำลาย
พอระบายอารมณ์เสร็จ เธอก็สงบลง คืนนี้เธอจะต้องหนีไปให้ได้!
ในเวลานี้เองเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ได้ดังลอยเข้ามา เธอจ้องเขม็งไปที่ประตู