จากที่มีนาเห็นแล้วนั้น ณภัทรเป็นผู้ชายที่หวาดระแวงและทั้งเย่อหยิ่ง เขาไม่ยอมให้ใครมาหลอกเขา หักหลังเขา นั่นเป็นจุดที่จะทำให้เขาโกรธได้เลย แต่วันนี้เธอเปิดเผยเรื่องทิวา แล้วก็ความคิดของตัวเองก็แดงออกมาด้วย เท่ากับว่าทำความผิดที่อาจทำให้เขาโกรธได้ ไม่ว่าจะอย่างไรเห็นแล้วก็ดูเหมือนกับจะเป็นโทษที่อภัยให้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เขายกมือขึ้นมาช่วยเอาผมที่ยุ่งเหยิงของเธอทัดหูให้อย่างอ่อนโยน : “ถ้าหากเป็นคนอื่น เวลานี้ก็คงจะต้องหายไปจากตรงหน้าผมตั้งนานแล้ว แต่สำหรับคุณ ผมยอมที่จะให้โอกาสคุณได้พูดออกมาตรงๆอีกครั้งนึง แต่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายเหมือนกัน!”
เขากำลังเตือนเธอ ถ้าหากเธอโกหกอีกครั้ง เขาจะไม่มีทางให้อภัยเธออย่างเด็ดขาด
เธอมองสบตาเขานิ่งๆ : “ฉันคิดว่าคุณเดาได้เรียบร้อยแล้ว”
สายตาของเขาลึกซึ้งและเย็นชา : “แต่ผมอยากฟังจากปากของคุณเองมากกว่า”
“ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยเชื่อใจคุณจริงๆเลย ฉันกังวลว่าคุณจะเป็นเหมือนกับคนที่ตระกูลพรหมพิริยะ ในอนาคตซักวันนึงจะใช้ทิวามาเป็นแต้มต่อเพื่อข่มขู่ฉัน……”
ปึง! เขากำหมัดแล้วทุบไปที่กระจกรถ กระจกกันกระสุนที่ทำมาจากวัสดุพิเศษนั้นถูกเขาทุบลงไปจนเป็นรูใหญ่
“ณภัทร คุณเลือดออกแล้วค่ะ”
เธอฉีกกระโปรงคิดที่จะเอามาพันแผลให้เขา แต่กลับถูกเขาสะบัดออกอย่างแรง ยกมือขึ้นมาบีบคางของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความโมโห : “พูดต่อ!”
“ฉันกับคุณเราเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกัน เพียงแต่ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าท่านนายพลณภัทรเป็นบ้าอะไรถึงได้มาชอบฉัน แล้วลากฉันเข้ามาอยู่ในชีวิตของคุณ ทำดีเพื่อเป็นการหวังผล แต่คุณก็ไม่ได้ขาดอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้ต้องการอะไรด้วยเช่นกัน บอกเพียงแค่ว่าต้องการหัวใจของฉัน แล้วคุณจะให้ฉันคิดอย่างไรกับคุณ?”
ดูเหมือนว่าเธอยิ่งพูดอารมณ์ก็จะยิ่งดูตื่นเต้นขึ้น น้ำตาคลอ เดิมทีตัวเองก็เป็นผู้หญิงที่ต้องควบคุมชีวิตของตัวเอง แล้วจู่ๆก็ถูกเขาเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิต ทั้งคนๆนี้ก็ยังจงใจที่จะทำให้เธอคาดเดาอะไรไม่ได้เลยอีกด้วย ทำให้เธอกระวนกระวายและรู้สึกกลัวมาก
เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้ว อารมณ์ที่โมโหก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปในทันที อยากแค่เพียงที่จะกอดเธอเอาไว้แน่นๆ เขาอยากจะบอกเธอว่าความจริงแล้วเขาชอบเธอมานานแล้ว หลังจากบ่ายวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เธอก็ประทับอยู่ในใจของเขา หลายปีมานี้ เขาคอยติดตามเธออยู่ตลอด และตอนที่ได้พบเธออีกครั้ง คลื่นที่ซัดซาดเข้ามาในใจของเขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ และทุกๆเซลล์ในร่างกายของเขาก็เรียกร้องที่อยากจะครอบครองเธอให้มาเป็นของตัวเอง
แต่คำพูดเหล่านี้ เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ อย่างน้อยๆตอนนี้ก็ยังพูดไม่ได้
“คุณไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย เพียงแค่จำเอาไว้ว่าคุณเป็นผู้หญิงของผมณภัทร ดังนั้นคุณเชื่อแค่เพียงว่าผมรักคุณแค่คนเดียว!”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เธอก็ร้องไห้ออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม ทำให้เขารู้สึกมือไม้อ่อนไปหมด แล้วรีบดุขึ้นมาทันที : “ถ้าร้องไห้อีกผมจะจูบคุณแล้วนะ!”
และทันใดนั้นเองเธอก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แล้วประคองใบหน้าของเขามาจูบลงบนริมฝีปากบางที่เซ็กซี่นั่น
แสงเลือนรางสาดส่องมายังร่างของพวกเขา ทั้งสองคนจูบกันอย่างไม่ไหวติง และนี้ก็เป็นเหมือนการจุดเปลวไฟทั่วร่างกายของเขาทำให้ร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที
“ผู้ช่วยธนา ลงจากรถไปก่อน!”
ผู้ช่วยธนาเข้าใจในทันที แล้วออกคำสั่งให้คนขับรถจอดรถตรงเขตพื้นที่สีเขียว แล้วทั้งสองคนก็ลงจากรถไปอย่างว่าง่าย ถอยออกไปอีกสิบเมตร เหมือนกับเป็นเสาเหล็กที่อยู่ตรงนั้นคอยสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ
เวลานี้เจ้าหน้าที่ทางการจราจรที่เข้ากะนั้นกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ตรงหน้ากล้องวงจรปิด ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นความผิดปกติตรงพื้นที่สีเขียวนั้น ก็รีบคายบะหมี่ที่อยู่ในปากออกมาทันที แล้วเอื้อมมือออกมาขยายตรงพื้นที่นั้น แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สองสามวันก่อนไม่ใช่ว่าอธิบดีบอกว่าจะทำลายความนิยมที่ไม่ดีหรอกหรือ นี่ไม่ใช่ว่ามาแล้วนี่ เขารีบรายงานเรื่องนี้ให้กับอธิบดีทราบทันที
อธิบดีเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น : “โอเค พาคนไปล้อมรอบเอาไว้ จำไว้ว่าอย่าให้คนในรถแตกตื่น”
เขาถูมือไปมาด้วยความตื่นเต้น เขากำลังกังวลว่าจะจับใครไม่ได้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นโอกาสดีที่จะเลื่อนตำแหน่งหรอกหรือ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ผู้ช่วยธนาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ บริเวณไกลๆออกไปมีรถตำรวจอยู่สองสามคันค่อยๆเข้ามาใกล้ขึ้น
ถ้าหากเขาไปรบกวนณภัทรจะต้องโดนด่าเละอย่างแน่นอน ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาจึงตรงไปยังรถตำรวจสองสามคันทางนั้น
คนที่ลงจากรถมาก่อนเป็นตำรวจฝึกหัด เขาดูมีท่าทางอวดดี ชี้ไปยังผู้ช่วยธนาแล้วเสียงดังขึ้นมา : “ทำอะไรกัน? ทำอะไรกัน? พวกคุณไม่อายกันบ้างหรือ? เมืองรามเป็นสถานที่ที่มีอารยธรรม ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง!”
ผู้ช่วยธนาขมวดคิ้วขึ้น : “เรียกหัวหน้าของพวกนายมา!”
“หืม คุณแกร่งดีนี่! ไปเอาตัวผู้ชายกับผู้หญิงที่อยู่ในรถนั่นมา แล้วเปิดโปงต่อหน้าสื่อนี่แหล่ะ ให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรคือพลังของตำรวจจราจร!”
แล้วก็มีตำรวจจราจรที่แบกกล้องเข้ามาใกล้รถออฟโรดมากขึ้น
ผู้ช่วยธนาเดินเข้าไปเตะกล้องพวกนั้น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห : “พวกนายรู้หรือเปล่าว่าใครอยู่ในรถ?”
เพื่อเป็นการแสดงออกต่อหน้าอธิบดี ตำรวจจราจรฝึกหัดรีบเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในทันที : “ผมสนรึไงว่าเขาจะเทพเป็นเจ้า นี่เป็นเขตพื้นที่สีเขียว! เห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเองจริงๆ! ให้พวกผมถ่ายซะ!”
และทันใดนั้นเองกระจกรถก็ค่อยๆลดลงมาช้าๆ หน้าต่างรถที่ปิดไว้อยู่ครึ่งหนึ่งปรากฏให้เห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมมืดมนของณภัทร
“ท่าน…..ท่านท่านนายพลณภัทร?”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในนั้นจะเป็นณภัทร แล้วก็เพิ่งจะเป็นพลเอกที่ได้รับรางวับจากท่านประธานาธิบดีของประเทศซีดานไป ครั้งนี้เป็นเกียรติยศพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศซีดานอีกด้วย
ตำรวจจราจรฝึกหัดลงไปนั่งที่พื้น คนขับรถและผู้ช่วยธนาขึ้นรถไป แล้วขับจากไปท่ามกลางสายตาแห่งความตกตะลึงของทุกคน
อธิการบดีที่นั่งอยู่ในรถตำรวจนั้นตกใจเสียจนเหงื่อออกเต็มไปหมด : “ถ้าหากใครพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ออกไปแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ รีบไสหัวออกไปจากสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ตลอดทางมีนาหน้าแดงก่ำแทบจะเป็นสีเลือด คิดไม่ถึงว่ารถของพวกเขาจะทำให้ทั้งสถานีตำรวจจราจรตกตะลึงไปแบบนี้
ณภัทรกลับมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างเห็นได้ชัด : “ผู้ช่วยธนา ฝ่ายตำรวจจราจรควรจะเปลี่ยนคนได้แล้วหรือเปล่า?”
“พรุ่งนี้ผมจะไปเดินดูที่ฝ่ายตำรวจจราจรซักรอบนึงครับ”
มีนามองณภัทรด้วยสายตาที่พิจารณา เธอรู้ว่าเขามีอำนาจมาก แต่ไม่คิดว่าจะสามารถส่งผลกระทบกับการโยกย้ายบุคลากรได้แบบนี้ คนแบบนี้เลี่ยงไม่ได้เลยกับการถูกคนอื่นๆเกลียดหรือรู้สึกอิจฉา แล้วจู่ๆเธอก็นึกถึงคนที่ช่วยเขมิกาอยู่เบื้องหลัง
“ณภัทร สรุปแล้วใครกันแน่คะที่ใช้ฉันมาทำให้ชื่อเสียงของคุณแปดเปื้อน?”