จอมพลที่รัก – บทที่ 44 การจี้เครื่องบินครั้งรุนแรง

จอมพลที่รัก

เครื่องบินทหารทะยานขึ้นฟ้า ในใจของมีนาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจดวงเล็ก ๆ ของเธอเต้นระส่ำ เธอเกิดความรู้สึกเฝ้ารอที่จะได้เห็นสีหน้าของณภัทรตอนที่ได้พบหน้ากับเธอขึ้นทันที เขาจะเข้ามากอดเธอแน่น ๆ และจูบเธออย่างดูดดื่มไหม ไม่สิ คนตะกละตะกลามอย่างเขา เมื่อเห็นเธอเข้า จะต้องรวบหัวรวบหางเธออย่างแน่นอน

เอ๊ะ ! เมื่อครู่เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ? แน่นอนว่าเมื่ออยู่ใกล้คนแบบไหน ก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น เธอยกมือขึ้นกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของเธอ แต่กลับมีรอยยิ้มหวานฉ่ำปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก

การเดินทางจากประเทศซีดานไปยังประเทศเอสพีต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวัน เมื่อได้ยินเสียงใบพัดที่ดังก้องอยู่ข้าง ๆ หู คนที่อยู่บนเครื่องบินเกิดอาการง่วงนอนขึ้นมา ทันใดนั้นตัวเครื่องก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทุกคนกรีดร้องออกมา ทำให้อาการง่วงนอนของคนบนเครื่องจางหายไปในทันที

กัปตันตะโกนขึ้นว่า : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

“รายงานกัปตัน เมื่อครู่เครื่องบินทหารของเรา ถูกอากาศยานไม่ทราบฝ่ายโจมตีครับ”

“รีบรายงานไปยังฐานทัพใหญ่เดี๋ยวนี้ !”

ใบหน้าของนักบินซีดเผือด : “กัปตันครับ สัญญาณการสื่อสารของเราถูกตัดขาดเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้กำลังบินอย่างไร้ทิศทาง”

ตอนนี้ จู่ ๆ ระบบตรวจจับเรดาร์และระบบนำทางของเครื่องบินก็ล้มเหลว บนหน้าจอเป็นสีขาวโพลน สัญญาณแสดงให้เห็นเพียงจุดที่บินออกจากพรมแดนของประเทศซีดานเท่านั้น

“เกรงว่าจุดนี้จะเป็นสามเหลี่ยมทองคำที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก”

ทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าสามเหลี่ยมทองคำเป็นจุดรอยต่อระหว่างประเทศC ประเทศE และประเทศF และเป็นพื้นที่กันชนของทั้งสามประเทศ พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้ถูกควบคุมดูแลจากทั้งสามประเทศ จึงทำให้เกิดองค์กรอาชญากรรมขึ้นมากมาย อีกทั้งองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ ยังถูกควบคุมโดยองค์กรซาส

ตามหลักเหตุผลแล้ว บนเครื่องบินของพวกเขามีสัญลักษณ์ของทางการแสดงอยู่ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องการหลบเลี่ยงพวกเขา แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงเปิดฉากโจมตีพวกเขาได้ ?

ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย จู่ ๆ หน้าจอใหญ่บนเครื่องบินก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมา บนหน้าจอมีภาพของผู้ชายสวมใส่หน้ากากรูปปีศาจปรากฏขึ้น : “ผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้องรับทุกท่านเข้าสู่สามเหลี่ยมทองคำ ตอนนี้ขอให้ทำการลงจอดในพื้นที่ที่ผมได้กำหนดเอาไว้ มิฉะนั้นจะมีเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก พุ่งชนเครื่องบินทหารของพวกคุณภายในสามนาที ถึงเวลานั้น ทุกท่านคงต้องตายไปพร้อมกัน”

ชายคนนั้นยกมือขึ้นแล้วใช้มือทำท่าเล็งกระบอกปืน ซึ่งทิศทางที่เล็งนั้น ตรงกับมีนาพอดี เขาส่งเสียง “ปัง” ออกมา ในแววตาปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและอันตรายขึ้น

จอภาพกลับมาเป็นสีดำ และเขาก็หายไป หลังจากผ่านไปสักพัก หน้าจอก็สว่างขึ้นอีกครั้ง และปรากฏสัญลักษณ์อย่างหนึ่งขึ้น

“กัปตันครับ พวกเราควรทำอย่างไรดีครับ ?”

“ลงจอด !”

“แต่คนบนเครื่อง……”

“ไม่มีคำว่าแต่แล้ว ฉันไม่สามารถเอาชีวิตทุกคนบนเครื่องมาเสี่ยงได้”

กัปตันหันไปพูดปลอบใจคนที่อยู่บนเครื่องบิน : “ทุกท่านไม่ต้องตกใจ คนพวกนี้ต้องการเพียงแค่ทรัพย์สิน ท่านประธานาธิบดีจะต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือพวกเราได้แน่นอน”

คนบนเครื่องบินส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ฝีมือดี ที่ได้รับคัดเลือกมาจากโรงพยาบาลทหารทั้งสิ้น แน่นอนว่ามีบางส่วนที่อาศัยภูมิหลังของครอบครัว เดิมทีพวกเธอตั้งใจจะใช้โอกาสไปต่างประเทศในครั้งนี้ สร้างชื่อเสียงและผลงานให้กับตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันจะมีชื่อเสียง ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับความตายเช่นนี้เสียแล้ว มีผู้หญิงบางคนที่ขี้ขลาดตาขาว เริ่มร้องไห้เสียงดังออกมา

กัปตันกล่าวปลอบใจด้วยความหวังดี เพียงแต่เมื่อพูดปลอบใจได้เพียงไม่กี่ประโยค ก็เกิดเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา ผู้หญิงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะกดดันเช่นนี้ จึงพากันร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่

ตอนนี้เอง มีเสียงตะคอกดังขึ้น : “ถ้าไม่อยากตาย หุบปากให้หมดเดี๋ยวนี้ !”

เสียงร้องไห้หยุดลงในทันที พวกเธอหันมองตามเสียงไป เห็นมีนาที่สีหน้าเรียบเฉย แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก : “ทุกคนยังกล้าพูดอีกหรือว่าตนเองนั้นเกิดมาในครอบครัวของทหาร ? ท่าทางที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เกรงว่าผู้ร้ายยังไม่ทันจะหันปลายกระบอกปืนมาจ่อที่หัว ก็คงกลัวจนฉี่ราดไปก่อนเสียแล้ว ช่างทำให้ประเทศชาติขายหน้าจริง ๆ !”

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอีก มีผู้หญิงหลายคนยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอับอาย

“เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ถูกส่งกลับประเทศไปหมดไม่ใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราอยู่บนเครื่องบินของทางการ พวกเขายิ่งไม่กล้าทำอะไรพวกเรา อย่างมากก็คงรีดไถเงินบางส่วน คุณผู้หญิงทุกท่านควรเอาเวลาที่ร้องไห้ไปคิดหาวิธีแอบซ่อนของมีค่าที่อยู่บนตัวจะดีกว่า”

ทุกคนบนเครื่องบินสงบลง กัปตันเดินเข้ามาด้วยความซาบซึ้ง แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า : “ขอบคุณมากครับคุณผู้หญิง”

“ฉันแค่ทนดูต่อไปไม่ไหวก็เท่านั้น”

“คุณผู้หญิง ขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยครับ”

ทั้งสองเดินตามกันมาถึงห้องอเนกประสงค์บนเครื่องบิน

“คุณผู้หญิงครับ ผมรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนกับเหล่าอาชญากรที่เคยเจอมา คุณห้ามเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณเด็ดขาดนะครับ”

“คุณเองก็เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายต้องการโจมตีณภัทรใช่ไหม ?”

“ใช่ครับ ตอนนี้ท่านนายพลณภัทรเอง ก็กำลังซ้อมรบอยู่ในประเทศเอสพี อีกทั้งคนเหล่านี้ก็รู้ดีว่าเครื่องบินทหารลำนี้เป็นของทางการ แต่ก็ยังตั้งใจที่จะสกัดกั้นอีก”

“หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าพวกเราเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว”

เครื่องบินทั้งลำ มีเพียงกัปตันคนเดียวที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ เขากำหมัดแล้ววางทาบลงบนอก : “คุณผู้หญิงวางใจเถอะครับ ต่อให้ผมต้องตาย ก็ไม่มีทางยอมเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณเด็ดขาด”

มีนาเกิดความคิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เกรงว่าฐานะของเธออาจถูกเปิดเผยนานแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะสกัดกั้นเครื่องบิน นั่นหมายความว่ามีการเตรียมการมาก่อนแล้ว

ไม่ช้า เครื่องบินก็ลงจอดในบริเวณที่อีกฝ่ายกำหนดไว้ ตอนที่ประตูเครื่องบินเปิดออก ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่น ไม่มีใครรู้ว่าหากต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาแล้ว หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ตุ้บ ! ตุ้บ ! ตุ้บ ! เสียงรองเท้าหนังดังใกล้เข้ามา ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

เห็นเพียงแค่ชายสองสามคนในชุดลายพราง บนใบหน้าฉาบไปด้วยสีน้ำมัน และสวมใส่แว่นกันแดดเดินเข้ามา พวกเขามีรูปร่างกำยำ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนแบบพิเศษมา

“ใครคือผู้หญิงของณภัทร ?”

มีนาไม่ขยับเขยื้อน เธออยากรู้ว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่

ชายคนนั้นแสยะยิ้มออกมา จากนั้นจึงจ่อปืนที่อยู่ในมือไปที่ผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่ง : “ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าหากเธอไม่ลุกขึ้นมา ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ทันที 1……2……”

ได้ยินเสียงน้ำไหล หญิงอ้วนคนนั้นตกใจจนกระทั่งฉี่ราดแล้ว

มีนายืนขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง : “ปล่อยเธอไป คนที่พวกแกต้องการตามหาคือฉัน”

ได้ยินเสียง “ปัง” ดังขึ้น หญิงอ้วนล้มลงไปนอนจมอยู่ในกองเลือด ทุกคนต่างกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

แววตาของมีนาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น : “เพราะอะไร ?”

ชายคนนั้นเป่าปากกระบอกปืน : “เธอทำให้รองเท้าหนังของฉันสกปรก”

เขาก้าวเข้าไปแล้วใส่กุญแจมือมีนา จากนั้นจึงดึงแขนของเธอให้เดินออกไปด้านนอก โดยไม่ลืมที่จะกำชับคนที่อยู่ด้านหลังว่า : “ฆ่าผู้ชายที่อยู่บนเครื่องซะ ผู้หญิงที่หน้าตาสวยให้พาไป ส่วนที่เหลือก็ให้พวกแกเสพสุขได้ตามสบาย”

ทุกคนที่อยู่บนเครื่องบิน เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางรอดแล้ว จึงได้กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวในทันที มีบางคนที่พยายามต่อสู้กับคนเหล่านี้อย่างสุดกำลัง

มีนาอาศัยช่วงชุลมุน ยกเท้าขึ้นเตะผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอยืนตะโกนอยู่ด้านหน้าประตูเครื่อง : “หยุดให้หมดเดี๋ยวนี้ ! ไม่อย่างนั้นฉันจะกระโดดลงไปจากตรงนี้ ! หากฉันตาย พวกแกก็อย่าหวังว่าจะมีหน้ากลับไปพบหัวหน้าของพวกแกได้อีก !”

คนร้ายเหล่านั้นหยุดใช้ความรุนแรงในทันที

“คุณนายของนายพล คุณคงต้องระวังหน่อย เพราะหากกระโดดลงไปจากตรงนี้ เกรงว่าร่างกายที่เพรียวบางของคุณจะหักไปเสียก่อน”

“เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ฉันต้องการคุยกับหัวหน้าของพวกแก !”

ตอนนี้เครื่องต่อรองเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ก็คือตัวเธอเอง จึงจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้แสวงหาโอกาสรอดจากคนพวกนี้ให้ได้ ณภัทรเป็นวีรบุรุษของประเทศซีดาน และตัวเธอเองก็ไม่อาจเป็นตัวถ่วงให้เขาได้

จอมพลที่รัก

จอมพลที่รัก

Status: Ongoing
ครั้งแรกที่เจอเธอ เธอไล่เขาไป เจอกันครั้งที่สอง เธอถือมีดผ่าตัดจ่อที่คอของเขา……แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรักเธอได้ถึงขนาดนี้ แม้จะโดนหลอกยังไงก็ตาม เขาก็จะเอาเธอมาเป็นภรรยา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท