มีนากลับไม่ได้เห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น ไร้ซึ่งอ้อมกอดอันรุนแรงที่คาดหวังเอาไว้ ใบหน้าที่เธอเห็นมีเพียงใบหน้าที่มืดหม่นใบหน้าหนึ่งเท่านั้น
เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา : “ณภัทรล่ะ ? เขาแวะซื้อมื้อค่ำหรือ ?”
ทุกคนเหลือบมองวายุ เขาจึงแข็งใจพูดออกมา : “พี่สะใภ้เล็ก พวกเราเข้าไปคุยกันช้างในเถอะครับ”
หลังจากเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เธอดื่มน้ำติดต่อกันสามแก้วใหญ่ ๆ จากนั้นจึงถือแก้วน้ำเอาไว้ด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย : “พูดมาเถอะ ฉันรับได้”
“พวกเราหาหัวหน้าไม่เจอครับ ได้ยินว่า……ได้ยินว่าคนของไบร์ทเก็บกู้ศพของหัวหน้าขึ้นมาได้ครับ”
เธอลุกยืนขึ้นทันที แก้วที่อยู่ในมือร่วงลงบนพื้นและแตกกระจัดกระจาย : “เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีวันตายเป็นอันขาด !”
“พี่สะใภ้เล็ก อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปครับ ผู้ช่วยธนาได้พาคนไปสืบหาความจริงของข่าวเรื่องนี้แล้ว พวกเราเองก็เชื่อว่าหัวหน้าจะต้องไปเป็นอะไรแน่นอนครับ”
มีนาเงียบไป ทุกคนหันมองหน้ากัน จากนั้นจึงเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ
ตลอดทั้งคืน มีนากินไม่ได้นอนไม่หลับ เธอไม่อาจข่มตาลงได้ ในสมองมีแต่ภาพของณภัทรปรากฏขึ้น เพียงแค่หลับตาลง ก็จะเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วทันใดนั้นเนื้อตัวของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด เธอตกใจจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว จึงไม่อาจนอนหลับได้ลง
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้ช่วยธนาก็เดินทางกลับมา มีนารีบออกไปต้อนรับด้วยสภาพที่ผมเผ้ารุงรัง เมื่อเอ่ยพูดน้ำเสียงของเธอก็แหบพร่า : “คนคนนั้นไม่ใช่เขา ใช่ไหม ?”
ผู้ช่วยธนายื่นเครื่องรางทองคำให้แก่มีนา : “สายรายงานว่า ศพนั้นถูกเผาไปเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นของที่ดึงออกมาจากตัวเขา ซึ่งเหมือนกับเครื่องรางที่นายพลสวมใส่อยู่พอดีครับ”
มีนารู้สึกเพียงแค่เครื่องรางทองคำนั้นร้อน เธอค่อย ๆ กำเครื่องรางทองคำเอาไว้ในมือ : “แล้วยังไง ? เครื่องรางแบบนี้ออกจะธรรมดา มีคนเยอะแยะมากมายที่มี……”
เธอไม่อาจโน้มน้าวให้ตัวเธอเองเชื่อได้ เพราะเธอจำได้ว่าณภัทรเคยบอกกับเธอว่า เครื่องรางชิ้นนี้แม่เป็นคนขึ้นไปบนภูเขาธรรมาสน์เพื่อนำมาให้เขาอย่างยากลำบาก อาจารย์ท่านนั้นเห็นว่าบนตัวของเธอมีเงินอยู่ไม่มาก จึงได้โยนแผ่นโลหะแกะสลักรูปพระพุทธเจ้าให้กับเธออย่างลวก ๆ แต่เธอกลับนำมาสวมใส่บนคออย่างตั้งใจ ราวกับว่าสิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่า
เป็นเพราะเธอรู้ถึงความสำคัญของเครื่องรางนี้ดี ตอนนั้นจึงได้มอบให้แก่เขา ถ้าหากไม่มีเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นริง ๆ เขาไม่มีทางถอดของสิ่งนี้ออกเด็ดขาด
ผู้ช่วยธนาพูดอย่างเคร่งขรึม : “สายของเราได้แอบเก็บตัวอย่างเลือดจากศพแล้ว และผมได้ส่งเลือดไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ผลการตรวจน่าจะออกมาก่อนอาหารมื้อค่ำ”
“ดี ฉันจะรอ”
วายุซื้ออาหารมาให้เธอ แต่เธอกลับไปแตะเลยแม้แต่น้อย
“พี่สะใภ้เล็ก คุณทานอะไรสักหน่อยเถอะครับ ถ้าหากหัวหน้ากลับมาเห็นคุณในสภาพนี้ จะต้องเอาเรื่องพวกเราแน่นอน”
“ฉันง่วงแล้ว พวกนายออกไปก่อนเถอะ”
พวกเขาเองก็ค่อย ๆ เดินออกไปด้วยความไม่สบายใจเช่นกัน
ผู้ช่วยธนา : “ฉันกับคิวจะไปเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อผลการตรวจออกมาแล้วฉันจะรีบแจ้งให้ทุกคนทราบทันที พวกเราเอง……ก็ต้องเตรียมใจไว้บ้างเช่นกัน”
เมื่อส่งทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็กลับมาอยู่ในสภาพที่เคร่งเครียดอีกครั้ง พวกเขากลัวว่ามีนาจะคิดสั้น หากเป็นเช่นนั้นคงไม่อาจสู้หน้าณภัทรได้ จึงเฝ้าอยู่หน้าที่หน้าห้องของเธอตลอดเวลา
วายุเดินไปเดินมาที่โถงทางเดิน : “ลูกพี่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดเลยนะครับ ขอพระโพธิสัตว์ทรงคุ้มครองด้วย”
คิม : “ลูกพี่ทั้งฉลาดและใจเย็นเสมอมา ฉันเชื่อว่าศพนั่นต้องไม่ใช่ลูกพี่อย่างแน่นอน”
คิงเกาหัว : “ใช่แล้ว ลูกพี่ไม่ใช่คนโง่อย่างนั้น !”
ภายในห้อง มีนานอนอยู่บนเตียง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนอนอยู่บนกระทะที่ร้อนฉ่า ความคิดของเธอสับสนวุ่นวาย จนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้น เธอเคยคิดมาตลอดว่า ตนเองนั้นไม่มีทางตกหลุมรักใครอย่างเด็ดขาด คงต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายร่วมกับการันต์ไปจนแก่ แต่เขากลับเป็นเหมือนก้อนหินที่โยนลงมาในทะเลหัวใจคนเธอ จนเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น เขาปกป้องเธอ ทะนุถนอมเธอ ถึงแม้จะเผด็จการและดุดันไปเสียหน่อย แต่เธอกลับตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว
“ณภัทร ฉันตั้งใจที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต และรักคุณไปตลอดชีวิต คุณจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
เวลาผ่านพ้นไปถึงช่วงค่ำอย่างทรมาน ผู้ช่วยธนาและคิวถือผลการตรวจมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนในที่สุด วายุไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาร้องไห้ออกมาแล้วพูดว่า : “ลูกพี่ ทำไมถึงได้ใจร้ายเช่นนี้ แบบนี้จะให้พี่สะใภ้เล็กกับพวกเราทำอย่างไร ?”
“หุบปาก ! ณภัทรไม่มีวันตายแน่นอน !”
มีนาฉีกผลการตรวจที่อยู่ตรงหน้าทิ้งทันที ต่อให้ผลการตรวจปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอแล้วทำไม ? หากยังมีชีวิตอยู่ต้องเจอคน หากตายไปแล้วต้องพบศพ !
“ออกไปสั่งอาหารให้ฉัน ฉันหิวแล้ว”
สักพัก บริการก็ยกอาหารเข้ามา เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่าทนหิวมาเป็นเวลานาน มีเพียงดวงตาแดงก่ำ ที่เผยความรู้สึกภายในจิตใจของเธอออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นมามองทุกคน : “มัวแต่ยืนนิ่งทำไม ? รีบกินเร็วเข้า”
เธอกินเข้าไปจานแล้วจานเล่า ราวกับว่ากินจนแทบจะอาเจียนออกมา แต่ก็ยังคงส่งอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่องไม่หยุด : “ฉันจะบอกพวกนายให้นะ คนบ้าอย่างณภัทรไม่มีวันตายแน่นอน อย่างที่โบราณเคยว่าไว้ คนชั่วมักอายุยืน เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรสักเท่าไหร่ แหวะ……”
เธอไม่สามารถฝืนกินได้อีกต่อไป มิหนำซ้ำยังอาเจียนข้าวจานเมื่อครู่ที่กินเข้าไปออกมาด้วย
เธอก้มตัวอยู่นานโดยไม่ได้ลุกขึ้น ไหล่ของเธอสั่นไม่หยุด เธอร้องไห้ออกมาแต่ไม่ต้องการให้ใครเห็น เธอทำทีเช็ดปากแล้วฉวยโอกาสเช็ดน้ำตาบนใบหน้าไปด้วย
ผู้ช่วยธนาขมวดคิ้วเล็กน้อย : “คุณผู้หญิงต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะครับ นายพลคงไม่อยากเห็นคุณเป็นอะไรไปแน่นอน”
วายุ : “พี่สะใภ้เล็กคิดอะไรออกหรือครับ ?”
มีนาวางส้อมจิ้มผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างแรง : “ฉันจะไปหาไบร์ท ถ้าหากณภัทรยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะพาเขากลับมา แต่ถ้าหากเขาตายแล้ว……ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตไบร์ทให้ได้ เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับเขา !”
คิมที่ปกติแล้วเป็นคนเคร่งขรึม พูดพึมพำออกมาในทันที : “ไบร์ทเป็นหัวหน้าของซาส รอบกายเขามีบอดี้การ์ดอยู่นับไม่ถ้วน เขาเป็นคนฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยม ตอนนี้คงจะกลับไปถึงยังที่กบดานแล้ว เรื่องนี้ยังมีเวลาวางแผนอีกนาน”
คิงซึ่งมีนิสัยมุทะลุดุดัน พูดโพล่งออกมาด้วยความใจร้อน : “คิม นายจะมัวชักช้าอะไรอีก ลูกพี่ตายไปแล้ว ยังไม่รีบจัดการกับมันอีก พี่สะใภ้เล็ก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองเถอะครับ !”
แววตาของมีนาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ : “ห้าใครตามไปทั้งนั้น ! ตอนที่เขาไปช่วยฉันก็ไปตามลำพัง แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้ ? อย่างมากก็แค่เอาชีวิตแลกชีวิต ฉันไม่มีวันลากพี่น้องของเขาเข้าไปเดือดร้อนด้วยเด็ดขาด”
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเช่นนี้ ถึงขั้นออกคำสั่งอย่างเผด็จการ ที่คนอื่นยากจะขัดขืนออกมา
ตอนที่ณภัทรเลือกเธอ พวกเขาต่างรู้สึกว่า นอกจากความสวยของเธอแล้วก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่น แต่ตอนนี้กลับได้รู้ถึงเหตุผลแล้ว บนโลกนี้มีผู้หญิงสวยมากมาย แต่ผู้หญิงที่กล้าได้กล้าเสียและยอมตายพร้อมกันเช่นเธอนั้น หาได้ยากยิ่งราวกับงมเข็มในมหาสมุทร
ตอนนี้โทรศัพท์ของผู้ช่วยธนาดังขึ้น เขาหันหลังเดินออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก บนใบหน้าปรากฏท่าทีแปลก ๆ ขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นเขาจึงเดินกลับเข้ามา แล้วเรียกทุกคนออกไป : “ให้คุณผู้หญิงสงบสติอารมณ์สักพักเถอะ”
ทุกคนกลับออกมา มีเพียงวายุที่ยังคงกล่าวเตือนเธอ : “พี่สะใภ้เล็ก หัวหน้าคงหวังให้คุณปลอดภัย อย่างไรเสียผมก็ทนมองดูคุณเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงไม่ได้”
เขาเอาแต่พูดพร่ำอยู่ข้าง ๆ ไม่หยุด มีนาอาศัยจังหวะที่เขาเผลอทำให้เขาหมดสติไป จากนั้นจึงถอดชุดลายพรางของเขามาสวมใส่
เธอส่องกระจกและจัดระเบียบเครื่องแต่งกายในการปลอมตัวของตนเอง จากนั้นจึงเดินออกไปด้วยความมั่นใจ แต่ทันใดนั้นก็มีเงาดำแวบผ่านหน้าของเธอไป
“ใคร !”