มีนาลำตัวแข็งทื่อ นิ้วมืองอเล็กน้อย รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เป็นเพื่อณภัทร เพราะในเวลานี้เธอได้เข้าใจแล้ว คนที่กำลังแทงข้างหลังเขาอยู่นั้นก็คือท่านประธานาธิบดีคนนี้เอง
เธอค่อย ๆ หันกลับมา และยักคิ้วเล็กน้อย พลางยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม: “อ้อ? ใช่ไหม? หรือว่าเมื่อกี้ท่านประธานาธิบดีไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน?”
เธอยิ้มพลางเขย่ารีโมทคอนโทรลในมือของเธอ และยิ้มอย่างมีเสน่ห์ สั่นคลอนจิตใจผู้คน: “ถ้าจะต้องตายงั้นทุกคนก็ตายพร้อมกันเถอะ ถึงยังไม่ก็มีคนทั่วทั้งทำเนียบประธานาธิบดีตายไปพร้อมกับฉัน แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว!”
เขามองดูเธออย่างตะลึงงัน ในช่วงเวลาที่ตกตะลึงอยู่นั้นหญิงสาวคนนั้นได้ยิ้มให้เขาอย่างเย้ายวนชวนหลงใหล ราวกับโลกทั้งใบได้ตกอยู่ในความเงียบ ในเวลานี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทำเนียบประธานาธิบดีได้เปิดสัญญาณป้องกันทั้งหมดของทำเนียบประธานาธิบดี ทหารรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมทั่วทั้งตึกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
มีนารู้ว่าคืนนี้ตัวเองคงยากที่จะหนีรอดไปได้ แต่เธอกำลังเดิมพัน เดิมพันด้วยชีวิตของตัวเอง!
บอดี้การ์ดประจำตัวของประธานาธิบดีได้จ่อปืนมาทางเธอ: “คุณนาย มือสไนเปอร์ได้ซุ่มประจำการอยู่ทั่วทั้งตึก คุณหนีไปไม่ได้หรอก ขอให้คุณให้ความร่วมมือกับการปฏิบัติการของพวกเราซะ”
“ดีนี่ เพียงแค่ฉันกดเบา ๆ ทุกคนต่างก็ต้องจบเห่ไปพร้อมกัน!”
ทันใดนั้นท่านประธานาธิบดีก็ได้โบกมือให้กับบอดี้การ์ด: “ปล่อยเธอไป”
“ท่านประธานาธิบดีครับ……”
“ทำตามที่ฉันสั่ง!”
ทุกคนต่างก็ทยอยวางปืนลง และเปิดทางให้กับมีนา การตัดสินใจของเขาทำให้มีนาคาดไม่ถึงเล็กน้อย หรือว่าเธอเดิมพันถูกแล้วงั้นเหรอ? คนพวกนี้ยังคงหวงแหนชีวิตของตัวเอง
เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมา ภายใต้สายตาของทุกคน เธอได้ยกมือขึ้นและฟาดลงไปบนใบหน้าของขาเต็ม ๆ ถึงขนาดทำให้แว่นตาที่อยู่บนดังจมูกของเขาถูกตบจนลอยปลิวออกไป
“ฝ่ามือนี่ตบแทนผู้ชายของฉัน ความแค้นในครั้งนี้พวกเราจดเอาไว้ก่อน แล้วฉันจะกลับมาคิดกับคุณอีกที!”
ทุกคนต่างสูดอากาศอันเย็นยะเยือกเข้าไปหนึ่งครั้ง ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือยังไง กล้าตบแม้กระทั่งท่านประธานาธิบดีผู้สูงส่ง
พวกเขาต่างตะลึงงัน ตกใจสุดขีด และมองดูผู้หญิงคนนี้เดินจากไปอย่างอาจหาญด้วยความเงียบ
บอดี้การ์ดทำท่าทำทางใช้ปืนยิงระเบิดหัว: “ท่านประธานาธิบดีครับ จะให้ระเบิดหัวเธอไหมครับ?”
ท่านประธานาธิบดีส่ายหน้า เขาเดินไปที่โต๊ะแล้วดึงหมากฝรั่งที่ติดอยู่ใต้โต๊ะออกมา ข้างในนั้นมีระเบิดขนาดเล็กอยู่ซะที่ไหนกัน เป็นเพียงถ่านไฟฉายขนาดเล็กสองสามก้อนเท่านั้นเอง จู่ ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ : “ท่านนายพลณภัทรนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้มาเป็นภรรยา”
บนโลกใบนี้ยังมีผู้หญิงแบบนี้อยู่ ไม่ได้สวยล้มบ้าน ไม่ได้งามล้มเมือง แต่พอยืนอยู่ตรงนั้นก็เป็นเหมือนภาพวาดที่ทำให้ผู้คนหัวใจเต้นแรง เป็นเหมือนท้องฟ้าที่งดงาม รักแรกของเขาคนหนึ่ง มีนาอีกคน
“งั้นจะให้ตามไปไหมครับ?”
“แค่ทำเป็นตามไปก็พอ อย่าทำร้ายเธอ”
“ครับผม!”
มีนาพึ่งจะเดินออกมาจากทำเนียบประธานาธิบดี ที่ด้านหลังก็มีรถ และพวกบอดี้การ์ดตามออกมา เธอวิ่งไปบนทางเดินเท้าที่คับแคบอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่ามือสัมผัสโดนอะไรเธอต่างก็ปัดมันลงไปบนพื้น เสียงเท้าที่อยู่ด้านหลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอหอบหายใจอย่างรุนแรง แม้แต่หายใจยังรู้สึกแสบร้อน
เอี๊ยดดดดด รถไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งได้จอดลงที่ด้านหน้าของเธอ: “มีนา รีบขึ้นรถเร็ว!”
เธอเปิดประตูออกและกระโดดขึ้นไปบนรถ การันต์ขับรถเข้าไปในเขตตัวเมืองที่คึกคักพลางพุ่งซ้ายชนขวาไปมา โดยรอบเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนด่า และเสียงจากรถตำรวจ
“ตามผมมา!”
เขาทิ้งรถไป และดึงมือเธอวิ่งผ่าฝูงชนเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ตรอกแห่งนี้เชื่อมต่อกับทุกทิศทุกทาง วกไปวนมาจนแม้แต่คนในพื้นที่เองยังงงได้ ตำรวจพวกนั้นตามเข้ามาแต่กลับหาเป้าหมายไม่เจอ จึงกลายเป็นเหมือนแมลงวันหัวขาดที่วิ่งวกไปวนมาอยู่ในตรอกแคบ ๆ
ในเวลานี้การันต์ได้พามีนามาถึงที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง เข่านั่งยองย่อลงแล้วเคาะพื้น จากนั้นก็แงะพื้นออก ข้างในมีบันไดอยู่ เขายื่นมือไปทางเธอ: “มีนา คุณลงไปก่อน”
“การันต์ ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?”
เขายิ้มอย่างขมขื่น: “คุณไม่เชื่อผมเหรอ? งั้นผมจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยตามไปทีหลัง”
จากนั้นเขาก็ปีนบันไดลงไป ตอนนี้มีนาถึงได้ลงไปอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ปิดพื้นลง ที่แท้ที่นี่ก็เป็นทางเดินแคบ ๆ นี่เอง ข้างในมีไฟที่ควบคุมด้วยเสียง ค่อย ๆ สว่างขึ้นมาตามเสียงเดินของพวกเขา
เธอพลันนึกขึ้นมาได้ว่าณภัทรเคยบอกกับเธอ ที่เลขาธิการยศพลถูกสั่งพักงาน ก็เพราะธุรกิจที่เขาทำเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ใช่ธุรกิจถูกกฎหมาย บางทีเส้นทางลับแห่งนี้อาจจะเป็นเส้นทางที่ตระกูลอัครโภคินใช้ทำธุรกิจ
“การันต์ ขอโทษนะ”
เขายอมให้เธอรู้ความลับของตระกูลของตัวเอง แต่เธอกลับไม่เชื่อใจเขา
เขาหันกลับมาและจ้องมองเธออย่างจริงจัง: “มีนา จำไว้นะ ในใจของผมคุณสำคัญกว่าใครทั้งนั้น”
“บางที ถ้าคุณพูดประโยคนี้ในตอนที่ฉันยังไม่รู้จักกับณภัทรฉันอาจจะซาบซึ้งมาก” แต่ตอนนี้เหลือเพียงการประชดประชัน
เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เดินอยู่ที่ด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ ไม่ช้าเบื้องหน้าก็สว่างไสวขึ้นมา ทั้งสองคนเดินมาจนถึงปากทาง ที่แท้ก็เป็นพื้นที่สีเขียวที่กว้างขวาง และบนพื้นที่สีเขียวแห่งนี้มีเครื่องบินจอดอยู่หลายลำ
“มีนา ผมส่งคุณได้เพียงแค่นี้แล้ว”
“ฉันรู้ ขอบคุณมากนะ”
“นอกจากขอบคุณแล้ว คุณไม่มีอะไรจะบอกกับผมอีกแล้วเหรอ?”
เธอยื่นมือออกไปทางเขา: “พวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันตลอดไป”
เขากลับไม่ได้ยื่นมือออกมา เพราะเขารู้ว่าตรงกลางระหว่างพวกเขามีณภัทร มีความลับบางอย่างอยู่ ไม่มีทางที่จะเป็นเพื่อนกันได้
เขาเพียงตบที่ไหล่ของเธอเบา ๆ : “ออกเดินทางเถอะ ผมจะรอข่าวดีจากคุณ”
เขามองดูเครื่องบินจากไป จนมันกลายเป็นเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ และหายไปจากสายตาของเขา: “มีนา ครั้งนี้ คุณจะตายใจจากเขาหรือเปล่า?”
หลังจากที่เดินทางมาสองวันสองคืน เครื่องบินก็ได้ลงจอดที่เขตสิบสามของประเทศเอเดน ผู้ลี้ภัยจำนวนมากรวมตัวกันที่นั่น และเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางขององค์กรซาสมากที่สุด ว่ากันว่าองค์กรซาสได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นที่นี่ และผู้ลี้ภัยที่อยู่รอบ ๆ จะต้องยอมจำนนต่อพวกเขา
มีนาแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากับหญิงลี้ภัยคนหนึ่ง และให้เงินหล่อนไปไม่กี่ยูโร ให้หล่อนน้ำทางให้ตัวเอง เธอสื่อสารกับอีกฝ่ายด้วยภาษาเอเดนอย่างคล่องแคล่ว: “ฉันต้องการตามหากลุ่มคนที่สวมชุดทหารของประเทศซีดาน ได้ยินว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกล”
หญิงลี้ภัยพยักหน้า: “ใช่ค่ะ พวกเขาตั้งแคมป์อยู่ในป่าที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ฉันจะพาคุณไปตอนนี้เลย”
หล่อนพาเธอด่านผ่านแคมป์ผู้ลี้ภัยแคมป์แล้วแคมป์เล่า สามารถพบเห็นผู้ลี้ภัยที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หัวแตกเลือดไหลได้ทุกที่ พวกเขามีท่าทางเศร้าสร้อยหดหู่ ทุกคนต่างหิวจนหน้าเหลืองซูบผอม ยื่นมือออกมาขออาหารจากเธอ เธอจนปัญญา บนตัวไม่เหลือสักแดงเดียว
เพียงแต่ทำไมเธอรู้สึกว่าเส้นทางแห่งนี้เปลี่ยวลงเรื่อย ๆ เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ
“พี่สาว นี่คุณจะพาฉันไปที่ไหนเหรอ?”
“ถึงแล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”
สถานที่ที่พวกเธอเดินผ่านนั้นต่างก็เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บนกำแพงมีสัญลักษณ์ที่แปลกประหลาดอยู่ เสียงหัวเราะของผู้ชายดังลอยมาแต่ไกล เธอได้สัมผัสถึงอันตรายที่มีอยู่ และหันหลังจากไปทันที ผู้หญิงคนนั้นจับเธอเอาไว้แน่น: “คุณวิ่งทำไม ทหารที่คุณตามหาอยู่ข้างหน้านี้แล้ว”
“หลีกไปนะ!”
มีนายกเท้าขึ้นมาถีบเธอ และรีบหนีไปจากที่ที่อันตรายแห่งนี้ทันที ทันใดนั้นเสียงปืนก็ได้ดังขึ้น ฝุ่นละอองปลิวว่อนขึ้นมาภายใต้รอยเท้าของเธอ
เธอยกมือขึ้นและค่อย ๆ หันกลับมา และพบกับทหารกลุ่มหนึ่งค่อย ๆ ขยับใกล้เข้ามา เพียงแต่ว่าพวกเขามีท่าทางเหมือนพวกนักเลงหัวไม้ และผิวปากอยู่ไม่หยุด: “สาวคนนี้หน้าตาไม่เลวแฮะ ไปเล่นกับพวกพี่ ๆ หน่อยปะ”