ทหารพวกนั้นเดินยิ้มถือปืนใกล้เข้ามา สายตาถ่อย ๆ ของพวกเขาตกอยู่บนร่างของมีนา แทบอยากจะเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกทันที
สายตาของเธอตกอยู่บนข้อมือที่จับปืนของพวกเขา: “คนของพวกคุณจำนวนมากติดโรคระบาดใช่ไหม?”
ทหารคนนั้นชะงักไปสักพัก และพิจารณาดูเธอด้วยความสงสัย: “เธอเป็นหมอเหรอ?”
มีนาพยักหน้า: “ระยะนี้คุณน่าจะมีอาการท้องเสีย ปวดหัว ถ้าหากไม่รีบรักษา เกรงว่าต่อให้เยซูกลับชาติมาเกิดก็ช่วยไม่ได้”
สีหน้าของทหารคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ลากตัวเธอไปที่แคมป์ของพวกเขา: “มากับฉัน!”
ในแคมป์เต็มไปด้วยทหาร บางคนไม่สวมเสื้อ บางคนนอนอยู่บนพื้น ในตอนที่พวกเขามองเห็นมีนา ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา ราวกับหมาป่าที่ได้เห็นอาหารอันเลิศรส บางคนทนไม่ไหวถึงกับเดินขึ้นไปข้างหน้าและดึงเสื้อผ้าของมีนา แต่ก็ถูกผู้ชายคนนั้นเตะออก: “ไสหัวไป ผู้หญิงคนนี้ช่วยชีวิตลูกพี่ของพวกเราได้!”
เธอถูกลากเข้าไปในเต็นท์แห่งหนึ่ง และเห็นผู้ชายหนวดเครารุงรังคนหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่ ทหารใช้ปืนจ่อที่หัวของเธอ: “ถ้าเธอรักษาลูกพี่ของพวกเราได้ ฉันจะปล่อยเธอ ไม่งั้นละก็ฉันจะระเบิดหัวของเธอซะ!”
มีนาเดินเข้าไปตรงหน้าชายคนนั้นและจับชีพจรให้เขา และอ้าปากของเขาออกเพื่อตรวจดูลิ้น
และตรวจดูเปลือกตาของเขา เธอรู้ดีว่าชายคนนี้ป่วยหนักเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ ตัวยาธรรมดาทั่วไปออกฤทธิ์ช้าเกินไปไม่สามารถช่วยชีวิตของเขาได้ก็คือผงดับร้อนถอนพิษ เพียงแต่ว่าดูจากสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้คงไม่มียาชนิดนี้
เธอครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และนึกวิธีที่สมบูรณ์ออกมาได้ทันที แต่ปากกลับบอกว่า: “คนคนนี้หมดทางช่วยแล้ว!”
ปัง! ทหารคนนั้นยกปืนขึ้นและยิงขึ้นไปบนฟ้าหนึ่งนัด: “เธอว่ายังไงนะ? เชื่อไหมว่าฉันจะยิงเธอให้ตายในนัดเดียว!”
เธอสีหน้าสงบนิ่ง: “ตัวยาที่เขาต้องการอยู่ในมือกองทัพศัตรูของพวกคุณ แต่อาศัยฝีมือของพวกคุณในตอนนี้ไม่สามารถบุกเข้าไปในเขตแดนของศัตรูเพื่อชิงเอายาออกมาได้หรอก ดังนั้นฉันถึงบอกว่าเขาจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!”
ทหารเอาปืนจ่อที่หน้าผากของเธอ: “เธอต้องการทำอะไรกันแน่?”
แน่นอนว่ามีนาไม่ต้องการเปิดเผยฐานะของตัวเอง เธอเพียงกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “ฉันเป็นคนประเทศซีดาน ก็ต้องต้องการได้รับการคุ้มครองจากกองทัพของประเทศซีดานเป็นธรรมดา ขอเพียงพวกคุณส่งตัวฉันเข้าไปในเขตแดนของกองทัพประเทศซีดาน ฉันก็มีวิธีที่จะเอายามาให้พวกคุณได้”
อาศัยพลังของเธอเพียงคนเดียวคิดจะตามหาพวกณภัทรมันไม่ง่ายเลย ตลอดทางเต็มไปด้วยกองทัพเบ็ดเตล็ดจากหลากหลายประเทศ และยังมีพวกอันธพาลบ้าคลั่ง ในทางกลับกัน ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมขององค์กรซาสถือเป็นร่มกำบังที่แข็งแกร่งที่สุด
ทหารคนนั้นลังเลไปชั่วครู่ แววความเจ้าเล่ห์แวบผ่านไปในดวงตาของเขา: “เธอเขียนตัวยาที่ต้องใช้ออกมาก่อน!”
มีนาหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนตัวยาที่ต้องใช้ออกมา ทหารคนนั้นสั่งให้ลูกน้องพาเธอออกไปและขังเอาไว้ เธอถูกคนพวกนั้นโยนเข้าไปขังไวในกรงเหล็ก ในนั้นเต็มไปด้วยเด็กสาววัยรุ่น ส่วนด้านนอกเป็นพวกชายฉกรรจ์ที่กำลังดื่มเหล้ากินย่างเนื้ออยู่
ชายหลายคนถือย่างเนื้อเอาไว้ในมือพลางกล่าวอย่างยั่วยุ: “คลานออกมา เดี๋ยวพี่จะให้กินเนื้อ”
ที่แท้กรงเหล็กนี่มีประตูเล็ก ๆ อยู่ มีไว้สำหรับถ่ายอุจจาระ ทหารพวกนั้นเห็นผู้หญิงเป็นเหมือนของเล่น มีผู้หญิงหลายคนที่ทนหิวมาหลายวัน พวกเธอทนไม่ได้แล้ว จึงได้คลานออกไปเหมือนหมาอย่างอัปยศ ให้ความสนุกสนานกับทหารเหล่านั้น
คนเหล่านั้นกระทำตามอำเภอใจกับร่างกายของพวกเธอ แต่ในสายตาของพวกเธอมีเพียงเนื้อก้อนนั้น เสียงสนุกสนานของพวกผู้ชายและเสียงสะอื้นของผู้หญิงดังลอยมาที่ข้างหู มีนาหลับตาลง นี่คือความโหดร้ายของโลกความเป็นจริง เพื่อความอยู่รอด มีชีวิตอยู่เหมือนสุนัข!
พวกผู้หญิงที่อยู่ในกรงต่างก็ได้มีการเคลื่อนไหว มีนายื่นมือออกมาห้ามพวกเธอไว้: “อย่าไป ทนอีกสักสองวัน ฉันจะพาพวกเธอออกไปอย่างปลอดภัย”
“ทำไมพวกเราต้องเชื่อเธอด้วย?”
“หึ! งั้นพวกเธอรู้ไหมว่าจุดจบของหมามันเป็นยังไง?”
พวกเธอต่างเงียบไป สุนัขที่ถูกเล่นเบื่อแล้วมีเพียงต้องตายเท่านั้น ใคร ๆ ก็ไม่อยากตาย โดยเฉพาะในสถานที่ที่แย่แบบนี้ ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของพวกเธอนั้นแข็งแกร่งมาก
พอมาถึงวันที่สาม ทหารคนนั้นก็ได้เปิดประตูเหล็กออก จิกเข้าที่ผมของเธอและลากเธอออกมา: “เธอชนะแล้ว พวกเราส่งตัวเธอไปได้ แต่ว่าอาลืมคำสัญญาที่เธอให้ไว้ล่ะ!”
มีนาลุกขึ้นมาและปัดฝุ่นที่อยู่บนตัวออก เธอยื่นมือออกมาและชี้ไปที่เด็กสาวที่อยู่ในกรง: “ฉันจะพาพวกเธอไปด้วย”
สายตาที่ทหารคนนั้นมองเธอราวกับกำลังมองคนบ้า เพียะ! เขาตกมือขึ้นตบหน้าของเธอ: “แม่งเอ๊ยที่ฉันให้เธอมีชีวิตรอดไปได้ก็นับว่าบุญมากแล้ว เธอยังได้คืบจะเอาศอกอีก!”
มีนาใช้ลิ้นเลียรอยเลือดที่มุมปาก เธอยกมือขึ้นและฟาดกลับไป: “ดีนี่ ทุกคนตายพร้อมกัน ยังไงซะโรคระบาดได้เริ่มแพร่กระจายในค่ายของพวกคุณแล้ว เมื่อถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้แล้ว ใครก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของเทพเจ้าแห่งความตายได้!”
ทั้งสองคนถกเถียงกันอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายเขาก็พยักหน้า: “เธอชนะแล้ว”
พวกเขาหารถทหารแบบเปิดประทุนมาคันหนึ่ง ผู้หญิงพวกนั้นถูกยัดเข้าไปที่ด้านหลัง ส่วนมีนาและทหารคนนั้นนั่งอยู่ในห้องขับ
“เธอเป็นแค่หมอคนหนึ่งจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่”
“ฉันดูแล้วเหมือนสักเท่าไหร่ ดูเหมือนเธอจะไม่กลัวความตายเลยสักนิด”
“หมอได้คุ้นเคยกับความตายมามาก ก็ต้องไม่กลัวเป็นธรรมดา”
ทหารคนนั้นเช็ดมือกับเสื้อของตัวเอง แล้วยื่นมือออกมาหาเธอ: “สวัสดี ผมชื่อเดวิด ”
เธอจับมือกับเขา: “ฉันจะจำชื่อของคุณไว้”
รถแล่นผ่านไปในป่าลึก ขับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ได้หยุดรถลง ด้านหน้าเป็นแนวป้องกันที่ทำด้วยลวดหนาม มองเห็นค่ายของกองทัพประเทศซีดานอยู่ไกลออกไป ทหารคนนั้นปล่อยให้เธอเข้าไปในเขตแนวป้องกันของประเทศซีดานเพียงลำพัง ส่วนเขาเอาผู้หญิงที่อยู่บนรถพวกนั้นเป็นตัวประกัน
ทั่วทั้งแนวป้องกันเต็มไปด้วยต้นไม้และลวดหนาม แต่เธอรู้ดีว่าคนของณภัทรอาจจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ และลอบใช้สไนเปอร์โจมตี เธอยกมือขึ้นเหนือหัว และเดินไปข้างหน้าอย่างสงบ
ในเวลานี้มือสไนคนหนึ่งได้หันปลายกระบอกปืนไปที่เธอเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเบื้องบนได้สั่งเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เพียงแค่ปรากฏตัวขึ้นที่แนวป้องกันจะต้องถูกยิงตายเท่านั้น!
แต่มือสไนคนนั้นก็ยังลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงได้รายงานสถานการณ์ตรงนี้ให้เบื้องบนได้รับทราบ
ณ เวลานี้ ภายในเต็นท์ค่ายทหาร ณภัทรกำลังก้มหน้ามองแผนที่แนวป้องกัน นิ้วมือของเขาชี้ไปที่ยอดหน้าผาแห่งหนึ่งของประเทศเอเดน: “ไบร์ทและกองกำลังหลักของมันจะต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่แน่ การไล่ล่าจับกุมในครั้งนี้ ฉันจะเข้าร่วมด้วยตัวเอง!”
“ลูกพี่ ผมจะไปกับลูกพี่ด้วย”
“ใช่ ตอนนี้ลูกพี่เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว พวกเราจะต้องดูแลลูกพี่ให้ดี กลับไปจะได้ไม่ถูกพี่สะใภ้ด่าเอา”
ทันทีที่นึกถึงมีนาขึ้นมา หัวใจของณภัทรก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ดูเหมือนว่าได้ขจัดความเหนื่อยล้าและความหม่นหมองในหลายวันนี้ออกไปจนหมด
ในเวลานี้วายุกำลังก้มหน้ามองหน้าจอกล้องวงจรปิด: “เชี่ย รถขององค์กรซาสมาอยู่ในแนวป้องกันของพวกเราได้ยังไงเนี่ย นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังข้ามเข้ามาในแนวป้องกันของพวกเรา และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ”
ณภัทรขมวดคิ้ว: “ผู้หญิงเหรอ? เหอะ! พวกมันเปลี่ยนใช้แผนสาวงามแล้วงั้นเหรอ? ยังจะพูดมากอะไรอีก ยิงทิ้งซะ!”
“ครับ!”