วันทั้งวันมีนาเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ตลอดเวลา หลังจากที่ฝืนทำการผ่าตัดเสร็จไปเคสหนึ่งแล้วนั้น เธอก็ยืนพิงกำแพงด้วยความเหนื่อยล้า แล้วค่อยๆ เลื่อนตัวลงมาช้าๆ
นิภาธรผู้ช่วยของเธออดที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ : “ผู้อำนวยการ เป็นอะไรหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่มีสมาธิเลย”
เธอฝืนยิ้มออกมา : “ฉันไม่เป็นไร ตอนบ่ายยังมีผ่าตัดอีกกี่เคส”
“สามเคส”
“ช่วยฉันยกเลิกการผ่าตัด เปลี่ยนเป็นคุณหมอคนอื่นมาทำแทน”
ตอนนี้เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากจริงๆ รู้สึกสับสนไปหมด เธอพยุงตัวเองขึ้นมาจากกำแพง แล้วค่อยๆ กลับมายังออฟฟิศ ตาจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือนิ่ง กลัวว่าจะพลาดข้อความจากคุณหมอจิณณ์
เวลานี้เธอรู้สึกเป็นกังวล กระสับกระส่าย ไม่สบายใจ ร้อนรน ถ้าหากท่านประธานาธิบดีเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนฆ่าแม่ของเธอ ถึงอย่างไรฐานะของเขาในตอนนี้ การมีตัวตนอยู่ของแม่ก็เป็นจุดด่างพร้อยทางด้านความประพฤติและคุณธรรมของเขา แต่เขากลับปล่อยให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมที่ตระกูลพรหมพิริยะมาหลายปีขนาดนี้ ไม่รู้การมีตัวตนอยู่ของเธอจริงๆ หรือว่าเป็นความตั้งใจ?
ติ๊ง! คุณหมอจิณณ์ส่งผลการตรวจมายังมือถือของเธอ เวลานี้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับฟ้าผ่า บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมา เธอรอคอยผลอยู่แบบนั้น แต่พอตอนนี้ผลออกมาแล้ว เธอกลับเกิดความลังเลและรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา
เธอรู้ บางทีตัวเองไม่ต้องเห็นผลนี้ เธอกับณภัทรก็จะยังสามารถหวานชื่นกันได้อยู่เช่นเดิม และเธอก็ยังคงจะสามารถเป็นภรรยาของท่านนายพลได้ต่อ แต่คนที่ฆ่าแม่ของเธอ เธอไม่ยอมอยู่ร่วมโลกเดียวกันกับเขาแน่ เธอไม่สามารถทิ้งความเกลียดแค้นนี้ แล้วทำเป็นคนไร้หัวใจได้
ดูเหมือนกับเธอตัดสินใจได้แล้ว พอนิ้วเลื่อนไป เนื้อหาในข้อความนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ : ความสอดคล้องทางพันธุกรรม 99.9%
เผชิญกับความจริงที่โต้แย้งไม่ได้นี้ สมองของเธอนั้นราวกับกำลังจะระเบิดขึ้นมาในเวลานั้นทันที เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอจริงๆ !
เธอนั่งเหม่อเหมือนกับท่อนไม้อยู่บนเก้าอี้ ผ่านไปนาน เธอจึงถอดชุดกราวด์สีขาวออก แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรีบร้อน
กลับมาที่บ้านตระกูลพรหมพิริยะอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองประตูแกะสลักทองสัมฤทธิ์สองบาน แสงอาทิตย์ตกดินย้อมเป็นสีแดงเข้ม ทำให้บ้านหลังนี้ดูเหมือนกับถูกสะกด ทั้งยังให้ความรู้สึกที่น่าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย เธอผลักประตูใหญ่เข้าไป ทุกๆ ก้าวที่เดินนั้นมีความหนักแน่นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับทุกก้าวที่จะเข้าใกล้คฤหาสน์มากขึ้นนั้นอยู่ใกล้กับคำตอบมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ตอนที่ไกรเลิศเห็นเธอราวกับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจใดๆ เอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ : “ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้”
เสียงของมีนานั้นดูเหมือนกับหมอกหนาทึบที่ลอยอยู่เหนือน้ำ ราวกับว่าเป่าแล้วก็จะกระจัดกระจายออกไป : “ฉันรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร”
“อืม แกนี่นิสัยดื้อรั้นเหมือนแม่แกจริงๆ เลยนะ บางทีไม่ต้องรู้ความจริงก็อาจจะดีกว่า”
เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาที่แดงก่ำ : “ฉันเพียงแค่อยากจะรู้ว่าแม่ตายได้ยังไง ถ้าหากคุณบอกว่าแม่ตายเพราะอุบัติเหตุ ฉันไม่เชื่อคุณหรอกนะ!”
ไกรเลิศราวกับเข้าไปอยู่ในความทรงจำ ตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถาม : “ฉันรู้ว่าในใจของแม่แกมีผู้ชายคนนึงอยู่ตลอด แต่ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา จนกระทั่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อหลายปีก่อน แม่ของแกคิดว่าใช้ร่างกายเป็นแต้มต่อ เพื่อแลกกับการสนับสนุนของฉัน หรือจะพูดแบบนี้ก็ได้ ว่าหากไม่มีการสนับสนุนทางการเงินจากตระกูลพรหมพิริยะของพวกเรา เขาก็ไม่มีทางมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้เหมือนอย่างทุกวันนี้หรอก เพียงแต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้มีคนต่ำทรามเยอะ เหอะๆ หลังจากที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งแล้วไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณฉัน แต่กลับยังโจมตีฉันอีกด้วย”
เธอกำหมัดแน่น เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา : “พูดมาแบบนี้เขาไม่ได้เป็นเพียงคนที่ฆ่าภรรยาและทอดทิ้งลูกเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนต่ำทรามที่ละทิ้งคุณธรรมและไม่รักษาคำพูดด้วยอย่างนั้นหรือคะ?”
ทันใดนั้นเองไกรเลิศก็คุกเข่าลงตรงหน้าเธอแล้วร้องไห้โดยปราศจากเสียง : “มีนา ขอโทษ ฉันไม่สามารถปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรักได้ ถึงได้ทำให้คนชั่วทำแผนเลวๆ ได้สำเร็จ”
เพียะ! มีนาตบหน้าเขาไปอย่างแรง แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด : “คุณมีสิทธิอะไรมาพูดว่ารัก ไม่มีแม้แต่จะแย่งโอกาสที่เรียกความยุติธรรมมาได้เลยด้วยซ้ำ!”
เขาร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตา : “มีนา ตอนนั้นที่พ่อยอมแพ้ ไม่เพียงแค่เป็นเพราะเขาเป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศซีดาน เขาควบคุมชีวิตทั้งตระกูลพรหมพิริยะ แล้วก็ยิ่งอยากจะให้แกกับทิวาเติบโตมาอย่างมีความสุขด้วย ไม่ใช่ว่ามีความเกลียดแค้นมาบังตา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อรู้นิสัยของแกเป็นพวกหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่ถ้าหากแกไปแข็งกับเขา ก็เหมือนกับการเอาไข่ไปกระทบหิน พ่อเสียแม่แกไปแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองดูการส่งแกไปตายอีก”
มีนาเดินออกไปข้างนอกอย่างสิ้นหวัง สีของท้องฟ้าเข้มขึ้น ลมและเม็ดฝนพัดผ่านกระทบลงบนใบหน้าของเธอ เธอเดินไปบนถนนอย่างล้มลุกคลุกคลานแบบนี้ แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งที่พุ่งเข้ามาท่ามกลางสายฝนนี้ ลำแสงสาดลงบนร่างของเธอ และเวลานี้เธอถึงได้ตื่นตัวขึ้นมาทันที แต่ทุกอย่างก็ไม่ทันแล้ว
ทันใดนั้นเองร่างดำๆ ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา กอดเธอแล้วกลิ้งไปหลายตลบ คนขับรถตะโกนด่าออกมาเสียงดัง : “บ้าไปแล้วรึไง ไม่มีตาใช่ไหม!”
เมื่อครู่นี้เธอเกือบจะได้ไปเจอกับเทพแห่งความตายแล้ว ความดีใจหลังจากชีวิตที่เหลืออยู่พลุ่งพล่านเข้ามาในใจของเธอ เธอหายใจหอบ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาถึงได้พบว่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้เมื่อครู่นี้คือการันต์นั่นเอง เวลานี้เขามองพิจารณาเธออย่างตื่นเต้น : “มีนา เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เธอส่ายหน้า แล้วลุกขึ้นมาอย่างโซเซ : “ขอบคุณนายมากนะ ฉันจะกลับบ้าน”
เห็นเธอมีท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้แล้ว หัวใจของเขานั้นก็รู้สึกเจ็บปวด เขาเดินตามเธออยู่ข้างหลังอย่างโง่ๆ มองดูเธอเดินโซเซไปทางด้านหน้า มีอยู่หลายครั้งที่เกือบจะล้มลง จนในที่สุดเขาก็ทนต่อไปไม่ไหว วิ่งไปข้างหน้าแล้วจับไหล่เธอเอาไว้ พลางเอ่ยเสียงดังขึ้น : “ณภัทรทำผิดต่อเธอใช่ไหม?”
มีนาส่ายหน้า แต่เมื่อนึกถึงณภัทรแล้ว หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมา : “เขาดีกับฉันมาก ดีมาก ดีจนฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว”
เธอรู้ว่าถ้าหากเธอต้องการจะแก้แค้น เธอจำเป็นที่จะต้องทิ้งเรื่องความรู้สึกและการแต่งงานกับณภัทรไป เธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน เรื่องความเป็นความตายเป็นเรื่องของเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“มีนา ขอโทษ…….”
เขากอดเธอเอาไว้แน่น เขารู้สึกเสียใจมาก ตอนนั้นถ้าหากตัวเองกล้าอีกซักหน่อย เห็นแก่ตัวอีกซักหน่อย บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปแล้ว
เวลานี้มีนากำลังอ่อนแอ เธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด การันต์ปลอบเธอเหมือนตอนเด็กๆ : “มีนา อย่าร้องไห้เลย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอนะ”
หลังจากที่เธอร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วนั้น สติก็ค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม แล้วผลักเขาออกไป : “การันต์ ขอโทษนะ เมื่อกี้นี้ฉันสูญเสียการควบคุมไป”
ความเหินห่างของเธอทิ่มแทงหัวใจของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจแล้ว เขาจับแขนของเธอเอาไว้ และตอนที่กำลังจะสารภาพรักนั้น มือหนึ่งที่แข็งแรงก็มาจับข้อมือของเขาเอาไว้ แทนที่จะเป็นแค่การจับแต่ดูจะเป็นการประลองฝีมือกันมากกว่า แรงของอีกฝ่ายนั้นมีมากเสียจนน่าตกใจ ราวกับบีบกระดูกของเขาจนแตกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น แต่เขาก็รั้นไม่ยอมถอยไปง่ายๆ กัดฟันมองไปยังณภัทร
เห็นใบหน้าซีดขาวของการันต์ที่ไม่มีสีแดงของเลือดฝาดแล้วนั้น มีนาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ : “ณภัทร ปล่อยมือก่อน!”
น้ำฝนทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเบลอไป แฝงไปด้วยความเยือกเย็นและความชั่วร้าย : “หึ? ปล่อยมือ? ผมแทบอยากจะทำลายมือเขาที่จับมือคุณให้เละไปเลยเถอะ!”
“ณภัทร เมื่อกี้นี้เขาช่วยฉันเอาไว้”
ณภัทรสะบัดมือของการันต์ออกอย่างแรง เสียงกระดูกหักนั้นดังลอยขึ้นมากลางอากาศ เขาดึงมือของมีนาแล้วเดินไปที่รถออฟโรด
มองเธอถูกคนนั้นพาตัวไปแล้ว หัวใจของการันต์เหมือนกับมีเลือดออก เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดพลางตะโกนออกมาเสียงดัง: “ณภัทร ฉันเคยบอกแล้วว่าถ้าหากเธอกับนายอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ฉันจะแย่งตัวเธอกลับมา!”
ณภัทรหยุดเท้าลง ตอนที่หันกลับมานั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วเดินมาทางการันต์ ราวกับปิศาจในนรก ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น