ดวงตาของเขมิกาค่อย ๆ เบิกโพลง เธอรู้สึกเพียงว่าน้ำในแม่น้ำเนินแสงช่างหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก : “แก……แกรู้ได้ยังไง ?”
“เหอะ ! สวรรค์ไม่มีทางปล่อยคนชั่วให้ลอยนวลหรอก แกคิดว่าแกจะปิดบังเอาไว้ได้หรือ ? ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าแกจะมีนิสัยชั่วร้ายตั้งแต่เด็กเช่นนี้ !”
และนี่ก็เป็นสิ่งที่แม่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ใครกันที่จะระมัดระวังตัวจากเด็กอายุเพียงแปดเก้าขวบ ยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ก็เป็นหลานสาวของเธอเองด้วย
เขมิกาใช้มืออีกข้างที่เหลือจับราวกั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แล้วพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า : “เธอสมควรตาย ! ฉันต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลพรหมพิริยะ แต่เป็นเพราะเธอปรากฏตัวขึ้นในฐานะนั้น ทำให้ฉันกับแม่ไม่อาจกลับเข้าบ้านได้ มิหนำซ้ำฉันยังถูกคนนอกก่นด่าว่าเป็นลูกนอกคอก ทุกครั้งที่เรียกพ่อก็ต้องคอยระแวดระวัง ฉันทนกับชีวิตแบบนั้นมามากพอแล้ว !”
“ดังนั้นแกจึงวางแผนที่จะฆ่าเธอเอาไว้ในใจตั้งนานแล้ว ? เขมิกา แกมันน่ากลัวจริง ๆ”
เธอค่อย ๆ แกะนิ้วมือของเขมิกาที่เกาะอยู่บนราวกั้นออกทันที
“อ้า ! มีนา แกต้องไม่ตายดีแน่ !”
เสียงจ๋อมดังขึ้น เขมิกาตกลงไปในน้ำทันที เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นรน สายน้ำเย็นล้อมรอบเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง ร่างกายของเธอค่อย ๆ จมดิ่งลงไปในแม่น้ำ รอจนกระทั่งคลื่นบนผิวน้ำสงบลง มีนาจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอหันกลับไปมองผิวน้ำอันงดงามที่ส่องประกายระยิบระยับ และเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า : “ฝังแกเอาไว้ในที่ที่สวยงามขนาดนี้ ถือเป็นเป็นความเมตตาสุดท้ายที่ฉันจะมีให้กับคนอย่างแก”
เธอบอกไม่ถูกว่าตนเองนั้นรู้สึกอย่างไร เพียงแต่รู้สึกหนักอึ้งในใจ เมื่อเธอพบกับณภัทร เธอก็รีบจับมือของเขามาวางไว้บนหน้าของตนเอง : “ณภัทร ฉันฆ่าคนแล้ว”
เขาไม่รู้สึกตกใจแม้แต่น้อย ทำเพียงแค่ปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน : “ที่คุณฆ่าเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานเท่านั้น เป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไร้ซึ่งคุณธรรมและความเป็นมนุษย์”
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก
“ต้องการอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากผมไหม ? หือ ?”
เธอก้มหน้าลงไปกอดฝ่ามือที่หนาและหยาบกร้านของเขา : “ไม่ต้องการ ! ฉันเพียงแค่……เพียงแค่รู้สึกผิดในใจเท่านั้น ฉันใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ฆ่าแม่ของตัวเองมาตลอดหลายปี ถึงขั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมากมายขนาดนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่จริง ๆ”
“ไม่เลวนี่ รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองเป็นอย่างดี ต่อไปหัดเอาอย่างผมให้มาก ๆ ผมรับประกันว่าสมองน้อย ๆ ของคุณจะต้องปราดเปรื่องขึ้นมากแน่นอน”
เธอจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง : “คุณจะพูดกับฉันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง ?”
ท่าทางของเขาจริงจังขึ้นทันที : “ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคำถามที่จริงจังกับคุณสักหนึ่งข้อ คุณสามารถให้อภัยเขาได้ไหม ?”
มีนารู้ดีว่าคำว่า “เขา” ในที่นี้หมายถึงประธานาธิบดีดรณ์ จึงตอบออกมาอย่างชัดเจนว่า : “ไม่ !”
ตอนนี้เอง ร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูก็แข็งทื่อไปทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงค่อย ๆ ปิดประตูลง แล้วหันหลังเดินจากไป
ขณะที่มีนาเดินออกไป ก็มองเห็นร่างที่กำลังยืนสร้อยเศร้าอยู่พอดี ตอนที่เธอกำลังเดินอ้อมเขาเพื่อจะจากไป กลับถูกเขาดึงมือเอาไว้ : “มีนา ขอโทษจริง ๆ……”
“คำพูดนี้คุณควรพูดกับแม่ของฉัน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสฟังมันแล้ว”
เขารู้ดีว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา หากในตอนนั้นเขาไม่ละทิ้งความสัมพันธ์นี้เพียงเพราะดูถูกตัวเอง เวธณีก็คงไม่ตัดขาดกับครอบครัวและออกตามหาเขาไปทั่ว ถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เวธณีก็คงไม่แอบใช้ร่างกายของตัวเอง เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง และแต่งงานกับไกรเลิศอย่างเงียบ ๆ เธอช่างโง่เขลา รักเขาอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด คอยปกป้องเขา จนต้องทำลายความสุขทั้งชีวิตของตนเอง
เขารู้สึกสะอึกไป แล้วพูดออกมาว่า : “มีนา ต่อไปให้โอกาสพ่อได้ชดเชยให้กับลูกได้ไหม ?”
มีนาสะบัดมือของเขาออกทันที : “สำหรับคุณแล้ว ฉันไม่อาจรับได้ !”
คำพูดนี้ เหมือนฝ่ามือที่ตบลงมาบนหน้าของเขาอย่างแรง เขามองเธอเดินไปจากทางด้านหลัง แล้วนิ่งเงียบไปอยู่นาน พักใหญ่ เขาค่อย ๆ เปิดกระเป๋าสตางค์ แล้วมองดูหญิงสาวในรูป ที่มีรอยยิ้มราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน และสาบานกับตัวเองว่า : “ณี คุณวางใจเถอะ ต่อไปผมจะดูแลมีนาอย่างดี ส่วนคนที่ทำร้ายคุณจนตาย ผมจะไม่ยอมปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว !”
มีนาแสร้งฝืนทำเป็นแข็งแกร่ง แล้วเดินจากไปทีละก้าว ๆ จนกระทั่งเธอเดินไปถึงมุมทางเดิน ความรู้สึกของเธอก็พังทลายลง เธอทรุดตัวลงนั่งบนพื้น แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว ไม่ว่าสำหรับเธอหรือสำหรับแม่ของเธอ ล้วนแล้วแต่โหดร้ายเกินไป
ไกรเลิศรักแม่ไหม ? คำตอบคือไม่แน่นอน ตอนนั้นเขาสนับสนุนดรณ์ และแอบแต่งงานกับแม่อย่างเงียบ ๆ นั่นเป็นเพราะเขาหวังว่าสักวันหนึ่ง แม่และเด็กในท้องของแม่ จะกลายเป็นเกราะป้องกันให้กับเขา ดังนั้นไกรเลิศจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดกับการตายของแม่เลยสักนิด ส่วนตัวเธอเองกลับหลงเรียกคนที่ไร้คุณธรรม และจ้องจะทำลายพวกเธอสองแม่ลูกว่าพ่อมาตลอดหลายปี”
ความอัปยศอดสูและความคับข้องใจที่แม่และตนเองต้องเผชิญมาตลอดหลายปี จะสามารถอภัยให้กับคำขอโทษเพียงแค่ประโยคเดียวได้อย่างนั้นหรือ ? เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เธอก็รู้สึกราวกับมีมีดมากรีดลงที่หัวใจ
หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว เธอจึงเดินไปล้างหน้าแล้วกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง แต่เพราะกลัวว่าณภัทรจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ เธอจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้ ?
“ปีศาจน้อย มานี่ซิ !”
“มีอะไร ?”
“อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง รีบมานี่เร็วเข้า !”
เธอทำได้เพียงเดินเข้าไปหา แล้วฝืนยิ้มออกมาบนใบหน้า : “นายพลณภัทรมีอะไรให้รับใช้หรือคะ ?”
เขาเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอ สีหน้าก็หมองหม่นลงไปทันที : “ใครรังแกเธอ ? ฉันจะไปฆ่าเขา !”
“เปล่า ก็แค่……มีแมลงบินเข้าตาเท่านั้น ก็เลยขยี้จนแดง”
“มานี่ ให้ผมดูหน่อย”
เธอค่อย ๆ โน้มตัวลงไปใกล้ เขาคล้องคอของเธอเอาไว้ แล้วจุมพิตลงบนดวงตาทั้งสองข้างของเธอ อุณหภูมิที่ร้อนผ่าว และริมฝีปากที่นุ่มนวลสัมผัสลงไปบนดวงตาของเธอ ทำให้หัวใจของเธออ่อนระทวย : “ณภัทร……”
“ไม่ต้องพูดอะไร ผมกำลังขุดหาสมบัติอยู่”
“ขุดหาสมบัติ ?”
“ใช่ ดวงตาคือไข่มุก ส่วนน้ำตาก็คือคริสทัล”
เธอถูกเขาหยอกล้อจนหัวเราะ : “ไร้สาระ !”
“ปีศาจน้อยยิ้มสวยจริง ๆ”
เธอโน้มตัวลงไปโอบเอวของเขาเอาไว้ : “ณภัทร ทำอย่างไรดีล่ะ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันรักคุณแทบบ้าอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะสำคัญยิ่งกว่าใครๆ หรือฉันกลายเป็นพวกหมกมุ่นไปเสียแล้ว ?”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนหวาน เขาค่อย ๆ ลูบเส้นผมของเธออย่างนุ่มนวล : “คุณเป็นภรรยาของผม อยากจะรักแบบไหนก็ย่อมได้ อยากจะเปลี่ยนท่าไหน ผมก็พร้อมจะตอบรับคุณทั้งหมด”
“คุณนี่คิดอะไรดี ๆ ไม่เป็นเลยจริง ๆ !”
ขณะที่เธอกำลังลุกขึ้นเพื่อปลีกตัวออกไป เขาก็ยื่นแขนยาวออกไปดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นจึงพลิกตัวและนอนทับเธอเอาไว้ ลมให้ใจร้อนผ่าวสัมผัสเข้ากับใบหน้าของเธอ คอของเธอ แล้วลอกเลียนน้ำเสียงพูดจาออดอ้อนของเธอ : “ปีศาจน้อย ทำยังไงดีล่ะ ผมต้องข่มอารมณ์เอาไว้จนแทบจะอึดอัดตายอยู่แล้ว รู้สึกอยากมีอะไรกับคุณยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ หรือผมจะเป็นไข้ใจเพราะความคิดถึงแล้วจริง ๆ ?”
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมา : “แหม ! ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณทั้งวัน 24 ชั่วโมงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาคิดถึงอะไรอีก”
“เป็นเพราะนั่งมองทุกวันเลยยิ่งคิดถึง รสชาติที่ทำได้เพียงแค่มองแต่ไม่สามารถกลืนกินเข้าไปได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานจริง ๆ คุณจะต้องชดใช้ให้ผมเป็นทวีคูณ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวบนร่างกายของเขา แก้มทั้งสองข้างของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นทันที : “เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ตอนนี้คุณป่วยอยู่นะ”
“หืม ? สงสัยความสามารถของผมหรือ ?”
มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย แล้วทำสีหน้าจริงจัง : “ขอแจ้งคุณณภัทร การผ่าตัดของคุณเพิ่งจะผ่านพ้นไปเพียงสองสัปดาห์ หรือคุณอยากจะให้บาดแผลของคุณปริขาดและมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง ? ถึงเวลานั้นคุณจะถูกบันทึกเอาไว้ว่า เป็นนายพลคนแรกของประวัติศาสตร์ ที่ต้องสูญเสียชีวิตเพราะการมีเพศสัมพันธ์”
เขาดึงมือเธอมาไว้ตรงจุดที่ร้อนผ่าวบนร่างกายของเขา : “ถ้าอย่างนั้นก็เปิดโอกาสให้หญิงสาวทั้งห้าได้แสดงฝีมือสักหน่อย”