เพียะ! รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของยิหวา เธอจ้องมองมีนาอย่างแค้นเคือง: “นี่เธอกล้าตบฉันเหรอ?”
มีนาแบมือออกด้วยรอยยิ้ม ในมือมียุงที่ทานเลือดจนอิ่มนอนอยู่ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “ยุงในต้นฤดูใบไม้ร่วงนี้ร้ายกาจมากเลยล่ะ และน่ารำคาญที่สุด บินตอมไปมาทำให้คนอยู่ไม่เป็นสุข คุณยิหวาต้องระวังหน่อยนะ”
ยิหวาทำได้เพียงเก็บความโมโหเอาไว้ในใจ เธอรู้ว่ามีนาจะต้องจงใจแน่นอน แต่มีนากลับตบยุงให้เธอ อย่างมากก็นับได้แค่ทำเพราะความหวังดี เธอยังจะพูดอะไรได้อีก? ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องรักษาหน้าคุณหนูใหญ่ของตระกูลยุกตานนท์เอาไว้ จะให้ส่งเสียงดังโวยวายเหมือนพวกไร้การศึกษาก็ไม่ได้หรอกว่าไหม?
เธอไม่เพียงกลืนความอัปยศนี้ลงไป แถมยังต้องเอ่ยคำขอบคุณเธออย่างนอบน้อม
เมื่อเห็นท่าทางเสียหน้าของยิหวา เธอยิ้มพลางสัมผัสใบหน้าที่ถูกตบจนบวมแดงข้างนั้นของยิหวา: “ดูสิว่ายุงนั่นร้ายกาจขนาดไหน แค่แป๊บเดียวเองก็บวมแล้ว คุณยิหวาไปทายาหม่องหน่อยจะดีกว่า”
ยิหวาพลันเหมือนกับได้กินแมลงวันตายลงไป รู้สึกคลื่นไส้แทบตายอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอกลับไปที่เต็นท์ของกำผลด้วยสีหน้าซีดเผือดและดื่มน้ำคำโตอยู่หลายอึก
“ดื่มน้ำน้อย ๆ หน่อย อีกเดี๋ยวต้องแข่งขันการโจมตี เธอไม่กลัวอิ่มท้องแตกหรือยังไง?”
กำพลเดินเข้ามาและแย่งเอาขวดน้ำไปจากมือของเธอ เมื่อเห็นรอยฝ่ามือสีแดงบนใบหน้าของเธอ ก็รู้ว่าเธอได้รับความโมโหจากความไม่เอาไหนของตัวเอง จึงพลันกล่าวเหยียดหยามขึ้นมา: “แค่ผู้หญิงคนเดียวเธอยังจัดการไม่ได้ยังคิดจะจับณภัทรอีก? ฉันว่าเธออย่าฝันไปเลย ตอบรับการขอแต่งงานจากส.ส.ชนะพลจะดีกว่า บางทีอาจจะพอได้รับการสนับสนุนมาให้ฉันบ้าง”
ยิหวาใบหน้าซีดเซียว ทันทีที่เธอนึกถึงท่าทางอ้วนลงพุง ท่าทางบ้ากามของส.ส.ชนะพลเธอก็อยากจะอ้วก เขาเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมของณภัทรด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นความปรารถนาเดียวในชีวิตของเธอก็คือแต่งงานกับณภัทร ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางวางมือ
“คุณพ่อคะ คุณพ่อวางใจเถอะค่ะครั้งนี้หนูจะต้องคว้าโอกาสอยู่ข้างกายของณภัทรไว้ให้ได้อย่างแน่นอน และนี่มันก็เป็นความปรารถนาของคุณพ่อมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอคะ?”
กำพลตบไหล่ของเธอเบา ๆ : “เป็นแบบนี้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นละก็เธออย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูกในหลายปีมานี้”
ยิหวาบีบไหล่ให้เขาอย่างออดอ้อนพลางกล่าว: “คุณพ่อคะ หนูจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังแน่นอน”
ก่อนที่จะออกไป กำพลได้สวมแหวนวงหนึ่งเข้าที่นิ้วนางของเธอ: “พ่อทำให้เธอได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือตั้งอาศัยตัวลูกเองแล้ว”
ยิหวาหมุนแหวนที่อยู่บนนิ้วมือเบา ๆ เห็นเพียงเศษเพชรเล็ก ๆ ที่ไม่สะดุดตาก้อนนั้นกลายเป็นผง ความดีใจปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเธอ: “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
การแข่งขันในครั้งนี้มีทั้งหมดสี่ด่าน โจมตี วิ่งวิบากแบกสัมภาระ ยิงปืนและการเอาชีวิตรอดในป่า
ยิหวามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเธอฝึกฝนพวกนี้กับณภัทรมาโดยตลอด และดูพวกสาวบอบบางจากโรงพยาบาลใหญ่พวกนั้น เธอสามารถจัดการพวกหล่อนได้ภายในพริบตา สายตาของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าของมีนา และยิ้มอย่างหาเรื่อง
มีนายิ้มเยาะออกมา และส่งสายตาเหยียดหยามกลับไปให้เธอ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน การทดสอบพวกนี้อาจทำให้เธอหวาดกลัว เพราะยังไงสองมือของเธอก็มีเอาไว้ทำการผ่าตัด อีกอย่างมีมือการต่อสู้ของเธอใช้ได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอถูกณภัทรฝึกมาด้วยตัวเองเชียวนะ ทั้งสองคนยังได้ต่อสู้ในสถานที่ต่าง ๆ บ้างเป็นบางครั้ง เช่นห้องน้ำ โซฟา ระเบียง บนเตียง……ถึงแม้เธอจะสู้ณภัทรไม่ได้ทุกครั้ง ผลลัพธ์คือถูกเขากินจนเกลี้ยง แต่รับมือกับผู้หญิงกลุ่มนี้ มันเพียงพอแล้ว!
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังขา ณภัทรไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งนี้เลยสักนิด เพียงแค่ใส่ชุดทหาร สวมแว่นตาดำนั่งทำหน้าหล่อยืดตัวตรงอยู่ด้านล่างเวที ต่อให้เป็นแบบนี้ มีนาก็รู้สึกได้ว่าสายตาของเขาเลื่อนไปบนร่างกายของเธออยู่ตลอดเวลา
ยิหวาเดินเข้าไปหาณภัทร และยื่นน้ำให้เขาหนึ่งขวด: “พี่ณภัทรคะ พี่วางใจเถอะฉันจะต้องดูแลพี่สะใภ้อย่างดีแน่”
“ผู้หญิงของฉันไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาดูแลทั้งนั้น”
ยิหวายิ้มอย่างประหม่า: “ถึงยังไงพี่สะใภ้ก็ไม่เคยได้รับการฝึกฝนสมรรถภาพทางร่างกายมาก่อน ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา ฉันก็ว่าพี่ณภัทรจะเป็นห่วงเอา”
ณภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายิ้มกล่าวเยาะเย้ย: “เธอเป็นห่วงตัวเองเถอะ ขอแค่ไม่ทำให้อาจารย์เป็นห่วงก็พอ”
เขาไม่สนใจเธออีก และเอาน้ำที่เธอให้มายื่นให้กับวายุที่อยู่ด้านข้าง วายุถือน้ำขวดนั้นเอาไว้ จะดื่มก็ไม่ใช่ ไม่ดื่มก็ไม่ใช่อีก จึงก้มหน้าลงไปมองรองเท้าทหารของตัวเอง
มีรสชาติที่บอกไม่ถูกเกิดขึ้นมาภายในใจของยิหวา เธอกัดริมฝีปากมองณภัทรอย่างน่าสงสาร: “พี่ณภัทรคะ พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ เหรอ?”
“นับจากตอนที่เธอวางแผนทำร้ายผู้หญิงของฉัน เธอก็ไม่ใช่ศิษย์น้องเล็กในหัวใจฉันอีกต่อไป”
ที่แท้ก็เป็นเพราะนังสารเลวนั่นนี่เอง! ในใจของเธอเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น จึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “แล้วฉันนับเป็นตัวอะไร? ความสัมพันธ์นับยี่สิบปีของพวกเราเทียบไม่ได้กับผู้หญิงคนหนึ่งงั้นเหรอ?”
พวกเขาเข้าไปในบ้านตระกูลยุกตานนท์พร้อมกัน ล้มลุกคลุกคลานเบ่งบานออกมาจากหมู่เด็กกำพร้าพร้อมกัน เขาถูกกำพลส่งเข้าไปในค่ายทหาร ส่วนเธอกลายเป็นลูกสาวของกำพล เขาจะไปเยี่ยมเธอทุกครั้งที่กลับมา และจะต้องลูบหัวของเธอพลางกล่าวกับเธอ ยิหวา ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ แต่มาตอนนี้เขากลับละทิ้งความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างพวกเขาเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ”
“มันเทียบกันได้เลยสักนิด เธอเป็นโลกทั้งใบของฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ หัวใจของยิหวาตกลงไปในเหวลึกทันที ณภัทรไม่อยากจะพัวพันกับเธอ และกำลังจะลุกเดินจากไป จู่ ๆ เธอก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขา และกล่าวเสียงสั่น: “งั้น……ฉันนับเป็นอะไรกันแน่?”
ณภัทรยิ้มอย่างเย็นชา: “เมื่อก่อนเป็นเพื่อนเล่น ตอนนี้น่ะเหรอ? เธอเป็นลูกสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณ เนื่องด้วยสถานะนี้ ฉันจะไม่ทำอะไรเธอ แต่ถ้าเธอกล้าทำร้ายมีนา ฉันก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
“เพื่อนเล่น?”
“ใช่ เมื่อก่อนฉันกับเธอต่างก็เป็นหมากตัวหนึ่งของเขา แต่ฉันได้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขาแล้ว ส่วนเธอน่ะเหรอ? คิดจะใช้ฉันเพื่อหลุดพ้นออกมาจากหมากกระดานนั้น ถ้าเธอสารภาพกับฉันในตอนนั้น ฉันอาจจะช่วยเธอ แต่การกระทำทุกอย่างของเธอในตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจ!”
เขาสะบัดมือของเธอออก และเดินไปตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าที่สุด แบบนี้ถึงจะดูได้ชัดเจนหน่อย
ยิหวาเหมือนกับถูกสาดน้ำเย็นใส่ ความเหน็บหนาวแผ่ซ่านจากหัวจรดเท้า เธออยากจะบอกกับณภัทรมากกว่าความจริงตัวเองมีโอกาสหลุดพ้นจากการควบคุมกำพลอยู่หลายครั้ง แต่เธอกลับไม่จากไปเพียงเพราะเพื่อที่จะได้เห็นหน้าเขา ตอนนี้เธออายุ 26 แล้ว ควรที่จะแต่งงานมีครอบครัวไปตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่แต่ ก็ไม่ใช่เพื่อรอเขาหรอกเหรอ?
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถเอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมาได้อีกแล้ว เธอหันไปมองดูแผ่นหลังที่ดูเท่และเหยียดตรงของณภัทร น้ำตาไหลอาบหน้า รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาเป็นระยะ มีนาเป็นโลกทั้งใบของเขา แต่เขาก็เป็นโลกทั้งใบของเธอเหมือนกัน ไม่สิ! ชาตินี้เธอจะต้องชนะและเอาโลกทั้งใบของเธอกลับมาให้ได้!
เธอเช็ดน้ำตา ดวงแดงก่ำเบิกโพลง และเดินกัดฟันขึ้นไปบนเวที
ผู้เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ทักษะทางการแพทย์ผ่านเกณฑ์ และมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งจากโรงพยาบาลใหญ่ทั่วทุกสารทิศ จุดประสงค์เดียวที่พวกเธอต้องการเข้ากองทัพ ก็คือได้กลายเป็นคนข้างกายของผู้นำสักคน นี่นับว่าเป็นความลับอย่างหนึ่ง
มีนามักคิดจะหลบเลี่ยงข้อกังขากับณภัทร แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ ถ้าหากไม่มีณภัทร เธอก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมแข่งขัน
เธอเอาชนะผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว อาศัยร่างกายที่คล่องแคล่วอัดจนอีกฝ่ายล้มลง
บนเวทีเป็นหญิงสาวร่างกายบอบบางกำลังต่อสู้กัน ส่วนด้านล่างเต็มไปด้วยพวกผู้ชาย ที่มองดูอย่างกระปรี้กระเปร่า
ทันใดนั้นวายุก็ได้ตะโกนขึ้นมา: “แย่แล้ว พี่สะใภ้ล้มลงไปแล้ว!”