จริงอย่างว่ามีนาล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง หัวใจของณภัทรเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ลูกพี่ จะให้……”
เขาจ้องเขม็งมองเธอที่นอนอยู่บนเวที ราวกับกำลังปลอบใจตัวเองอยู่: “ฉันเชื่อเธอ”
เมื่อสักครู่เธอยังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เกือบจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว ทำไมแค่พริบตาเดียวก็ล้มลงไปแล้วล่ะ เรื่องนี้จะต้องมีอะไรแฝงอยู่อย่างแน่นอน
“ไปดูหน่อย มีใครเล่นสกปรกหรือเปล่า!”
“ครับ!”
วายุเดินค่อมหลังใกล้เข้าไปทางเวทีแข่งขัน
ขณะนี้กรรมการผู้ตัดสินบนเวทีเริ่มเป่านกหวีดแล้ว หลังจากที่เสียงนกหวีดผ่านไปสามครั้ง ถ้าหากมีนายังไม่ลุกขึ้นก็จะตกรอบไปทันที
เห็นได้ชัดว่ามีนาถูกขว้างจนมึนงง แต่เธอรู้ว่าตอนนี้เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นละก็จะไม่แค่เพียงเสียหน้าอย่างแน่นอน ในตอนที่เสียงนกหวีดครั้งที่สามกำลังจะดังขึ้นนั่นเอง เธอก็ได้ทำท่าปลาคาร์พกระโดด ดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างสวยงาม ในตอนที่คู่ต่อสู้กำลังตะลึงอยู่นั่นเอง เธอก็ได้เตะอีกฝ่ายลอยออกไป
แม้แต่ผู้ตัดสินเองยังอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: “สวยงามมาก!”
มีนาชนะในรอบนี้ได้อย่างราบรื่น เธอเดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงที่นอนโอดโอยอยู่บนพื้นคนนั้น เธอย่อตัวลงและชายตามองลงไปดูหล่อน: “ในเมื่อไม่กล้าแพ้แล้วจะขึ้นเวทีไปทำไม แอบเล่นสกปรกนับเป็นความสามารถอะไร?”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเธออย่างแค้นเคือง: “หล่อนก็แค่อาศัยมีผู้ชายคอยหนุนหลังไม่ใช่หรอกเหรอ จะมีอะไรร้ายกาจกันเชียว?”
มีนายิ้มอย่างเย็นชา: “แต่ความเป็นจริงคือฉันใช้ฝีมือของตัวเองเอาชนะเอ”
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง หล่อนลุกขึ้นและจากไปด้วยความโมโห
ตอนนี้วายุได้กลับไปที่ข้างกายของณภัทรแล้ว เขาแบมือออก เห็นเพียงลูกแก้วก้อนกลม ๆ เป็นประกายแวววาวกลิ้งไปมาอยู่บนฝ่ามือของเขา
“มิน่าพี่สะใภ้ถึงได้ล้มลงไปอย่างกะทันหัน ที่แท้ก็ยัยนั่นเล่นสกปรกนี่เอง”
ณภัทรลูบคลำลูกแล้วก้อนนั้น เมื่อนึกถึงภาพที่มีนาล้มลงไปบนเวทีอย่างแรง เขาก็โมโหร้ายขึ้นมาทันที: “เก็บเอาลูกแก้วที่อยู่บนเวทีขึ้นมาให้ผู้หญิงคนนั้นทิ้งออกมายังไงก็ให้หล่อนกลืนกลับไปอย่างนั้น”
วายุยกนิ้วโป้งให้กับเขา: “ลูกพี่ สุดยอดไปเลย”
ผู้ช่วยธนาที่อยู่ด้านข้างกล่าวเบา ๆ : “ลูกพี่ครับ ผู้หญิงคนนั้นเป็นหลานสาวของส.ส.มีชัย พวกเราทำแบบนี้ไม่เท่ากับว่าล่วงเกินท่านหรอกเหรอครับ?”
ณภัทรชายตามองเขาอย่างเย็นชา สายตาที่ทรงพลังนั่นราวกับกำลังบอกว่า กล้าหาเรื่องผู้หญิงของเขามีเพียงตายสถานเดียว
ผู้ช่วยธนารีบหุบปากอย่างว่าง่ายทันที และสั่งให้วายุรีบไปจัดการ
หลังจากที่การแข่งขันการต่อสู้สิ้นสุดลง ก็จะเป็นการแข่งยิงปืน มีนาและยิหวาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ยิหวาท่าทางยิ่งยโส การยิงปืนเป็นความนัดของเธอเชียวนะ เธอจับปืนไว้แน่น ลูกกระสุนปืนยิงติดต่อกันสิบนัดเข้าเป้าแดงทุกนัด ในตอนที่วางปืนลง เธอจงใจถอดลำกล้องที่บรรจุกระสุนปืนออก และวางลงไปบนโต๊ะ ต้องรู้ว่าเวลาในการยิงปืนนั้นมีเพียงสิบวินาที เธอไม่เชื่อว่ามีนาจะประกอบปืนและยิงได้อย่างสมบูรณ์แบบภายในเวลาสิบวินาที ซึ่งแม้แต่ทหารเองยังทำได้ยากเลย
เธอหันกลับไปและยิ้มแบบปลอม ๆ : “พี่สะใภ้ สู้ ๆ นะ พี่ณภัทรกำลังดูอยู่ อย่าทำให้เขาขายหน้าล่ะ”
แน่นอนว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อยของหล่อนไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของมีนาได้ เธอยิ้มอย่างเย็นชา: “อย่าเรียกฉันพี่สะใภ้ ทำให้ตัวเองจะอ้วกแล้วยังทำให้ฉันคลื่นไส้อีก มันจำเป็นเหรอ?”
“นี่เธอ!”
“อีกอย่าง ฉันจำไม่ได้ว่าสามีของฉันมีน้องสาว”
“ยัยมีนา!”
“หึ ๆ ……ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ไม่จำเป็นต้องมาเสแสร้งหรอก”
ยิหวาโมโหจนพูดอะไรไม่ออก แต่พอนึกถึงว่ามีนาจะต้องหยุดอยู่เพียงแค่นี้ ความโมโหก็พลันสูญสลายไปกว่าครึ่งทันที เธอยิ้มกล่าว: “ได้ ฉันจะคอยดูแล้วกัน”
มีนาเดินไปที่โต๊ะ ท่าทางสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่ได้พบเห็นความผิดปกติใด ๆ เลย ทำให้ยิหวาเบิกบานใจยิ่งนัก หล่อนยืนอยู่ด้านข้าง ในหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความได้ใจ นกกระจอกยังไงก็ไม่มีวันเชิดหน้าชูตาได้ ต่อให้หล่อนเล่นสกปรก เธอก็ไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ คนกระจอกอย่างเธอ บางทีอาจจะไม่เคยจับปืนด้วยซ้ำ
แต่ทว่าในตอนที่เสียงนกหวีดดังขึ้นยิหวาก็ต้องตะลึงงัน ในตอนที่เธอยังไม่ทันจะดูได้ชัดว่ามีนาประกอบปืนยังไง เสียงปืนก็ได้ดังขึ้นที่ข้างหูแล้ว นอกจากนี้ยังเข้าเป้าทั้งสิบนัด!
เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: “เป็นไปไม่ได้!”
ทหารผู้ตัดสินพูดอย่างลำคาน: “ถ้าหากใครมีข้อสงสัย สามารถมาตรวจสอบดูเองได้”
ยิหวาเดินมาที่เป้าและตรวจดูลูกกระสุนที่โดนเป้าอย่างละเอียด เข้าเป้าทั้งสิบนัดจริง ๆ ในตอนที่เธอมองผ่านรูกระสุนปืนไปเห็นผลไม้ที่ถูกยิงตกอยู่บนพื้นเธอก็ต้องตะลึงงัน
ที่นี่เป็นสนามยิงปืนที่เหล่าทหารใช้ยิงปืนโดยเฉพาะ สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ เหมือนจะชินกับเสียงแบบนี้แล้ว และก็ต้องไม่กลัวเป็นธรรมดา ขณะนี้เม่นตัวหนึ่งกำลังกลิ้งผลไม้ที่อยู่บนพื้น และค่อย ๆ เอาออกไป
มีนาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว: “เจ้าเม่นตัวน้อย ครั้งหน้าจะต้องระวังหน่อยนะ ผมไม้แบบนี้ไม่ได้มีให้กินบ่อย ๆ หรอก”
สีหน้าของยิหวามีหลากหลายความรู้สึก ตะลึง สงสัย อิจฉา……
เธอฝึกฝนอยู่ข้างกายของกำพลมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้มีทักษะการยิงปืนที่ภาคภูมิใจอย่างในตอนนี้ แต่มีนาถืออะไรมาเก่งกว่าเธอ?
มีนาอ่านความคิดของเธอออกได้ตั้งนานแล้ว เธอเอาเส้นผมไปเหน็บไว้หลังหูอย่างมีเสน่ห์ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่เหน็ดเหนื่อยและอ่อนหวาน: “สามีของฉันเป็นนักแม่นปืนในค่ายทหารเชียวนะ ฉันแค่เรียนรู้จากเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ที่แท้ก็ณภัทรสอนด้วยตัวเองนี่เอง คำพูดประโยคนี้ของเธอไม่ได้เพียงแค่เป็นเหมือนกับมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปในทรวงอกของยิหวา แถมยังเป็นการป้อนความรักให้เธอเต็ม ๆ ทำให้เอหายใจไม่ออก
ยิหวาโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา เธอข่มความโมโหเอาไว้ ก้มหน้าลูบคลำแหวนที่อยู่บนนิ้ว รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมผ่านแวบไปในแววตาของเธอ ตอนบ่ายยังต้องแข่งขันอีกสองหัวข้อไม่ใช่เหรอ? ดูสิว่าใครจะเป็นคนที่ยิ้มไปจนถึงที่สุด!
มีนายิ้มพลางเดินเข้าไปหาณภัทร เขาอุ้มเธอและหมุนเป็นวงกลมด้วยความดีใจ: “แม่สาวน้อย ทำให้ผมมีหน้ามีตาจริง ๆ”
เธอมีท่างภาคภูมิใจ: “ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันมีพรสวรรค์นี่นา ถ้าฉันเข้ากองทหารให้เร็วหน่อย คงอยู่บนหัวของคุณไปนานแล้ว ชิ!”
เมื่อเห็นท่าทางภาคภูมิใจของเธอ เขาก็รู้สึกชอบมาก อดไม่ได้ที่บีบแก้มเนื้อ ๆ ของเธอ และยิ้มอย่างมีลับลมคมใน: “ขอเพียงคุณยินดี คุณสามารถอยู่ที่บนหัว……ของผมได้ตลอดเวลา”
เอหน้าแดงขึ้นมาทันที กำปั้นเล็ก ๆ ชกลงไปบนหน้าอกของเขา: “ณภัทร คุณไม่อายเลยรึไง?”
เขาหัวเราะดังลั่น เขาชอบท่าทางเขินอายและยิ่งผยองแบบนี้ของเธอ
เสียงหัวเราะของเขาดึงดูดสายตาของทุกคน
“เอ๊ะ ที่แท้ยมราชหน้าตายก็หัวอย่างมีความสุขแบบนี้เป็นด้วยเหรอเนี่ย?”
“ดูเหมือนว่าท่านนายพลณภัทรจะรักผู้หญิงคนนี้มากจริง ๆ แม้แต่สายตายังทะนุถนอมขนาดนั้น”
“ว้าว ที่แท้ท่านนายพลณภัทรก็มีความอ่อนโยนแบบนี้ด้วย หล่อมากจริง ๆ”
ยิหวามองตามสายตาของผู้คนไปดูทั้งสองคนที่กำลังหยอกล้อกันในที่ไกล ๆ เธอริษยาจนแทบพ่นไฟออกมาทันที ความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีก ที่แท้เขาก็สามารถหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้ ยิ้มอย่างทำให้คนมัวเมาแบบนี้ได้เหมือนกัน แต่ความอ่อนโยนแบบนี้ของเขากลับมีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่เธอ?
ผู้เข้าร่วมแข่งขันรับประทานอาหารในที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ทุกคนต่างมีอาหารสี่อย่างและซุปหนึ่งอย่าง ยิหวาถือถาดอาหารของตัวเองและนั่งลงไปตรงข้ามกับมีนา
“พี่สะใภ้ ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
“ว่าสิ ฉันกลัวว่าตัวเองจะทานไม่ลงน่ะ”
มีนายกถาดอาหารขึ้นเตรียมลุกออกไป ยิหวาพลันจับถาดอาหารของเธอเอาไว้ ในขณะเดียวกันนั้นนิ้วมือที่สวมแหวนอยู่ก็เอียงลงเล็กน้อย: “พี่สะใภ้ เธอกลัวฉันเหรอ?”