การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 16

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 16 มือสังหาร ลาน่า?

“เอาเถอะ มากับแม่.. ส่วนเลวี่ศึกษาด้วยตัวเองไปก่อนนะ อีกไม่กี่วันครูคนใหม่ก็มาถึง”

“ค่า!!”

เลวี่ยกมือตอบกลับ ฉันพนันได้เลยว่าเธอกำลังวางแผนจะไล่คุณครูกลับไปด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ยังไงดี

ท่านแม่หันมาฉันแล้วก็พาเดินออกจากห้องสมุดไป เลวี่โบกมือแล้วตะโกนตามด้วยน้ำเสียงน่ารัก.. ไม่ได้อวยน้องตัวเองนะ มันน่ารักจริงๆ!

“ท่านพี่ไว้เจอกันนะคะ”

“อืม”

ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม จะว่าไปตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันสองคนเลวี่จะชอบเข้ามาเกาะแกะฉัน แต่ตอนครูอยู่ดันไม่ทำ

แต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือจนครูยอมแพ้ต่อเธอ ว่าแล้วเชียว เลวี่เป็นพวกต้องคอยมีคนคุ้มสินะ

ไม่งั้นจะไม่ตั้งใจ แต่คุณครูดันอ่อนเองเลยคุมเลวี่ได้ไม่นาน แบบนี้นี่เอง แบบนี้นี่เอง ฉันพยักหน้าพลางคิด

เฮ้อ ถ้าเลวี่ตั้งใจกว่านี้คงเป็นจอมเวทระดับสูงได้ไม่ยากเลยสินะ..

(อันที่จริงแค่อยากไล่คุณครูออกเพราะจะได้อยู่กับพี่แค่สองต่อสอง…)

พอนึกแล้วเอาเลวี่มาเทียบกับตัวเองก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมา ถ้าฉันไม่ความทรงจำจากชาติที่แล้วคงกลายเป็นไอ้โง่ไร้พลังแน่ๆ

ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตก.. พอคิดไปแบบนั้นจู่ๆ แนวคิดใหม่ก็วิ่งแปลบเข้ามาในหัว..

“จริงสิ!!!”

ฉันที่กำลังเดินตามท่านแม่อยู่ ก็ตบมือเข้าฉาดใหญ่แล้วร้องออกมา มันมีวิธีนั้นอยู่นี่น่า ใช่ มันมีวิธีนั้นอยู่ ฮ่าๆ

“มีอะไรเหรอ เลทิเซีย”

“อ๊ะ.. เปล่าค่ะ”

ฉันที่กำลังจะหัวเราะพอใจก็รีบหุบยิ้มทันที อ้อ.. แล้วเรื่องที่ว่าทำไมฉันถึงใช้ ‘คะ, ค่ะ’ ได้อย่างปราศจากความเขินอาย

นั่นเป็นเพราะว่าฉันฝึกมาแล้วยังไงล่ะ! ฉันถูจมูกอย่างพึงพอใจ..

จริงสินะ.. ถ้าจะพูดก็คงต้องย้อนกลับไปชาติก่อน ฉันที่เกิดแนวคิดการถูกจับแปลงเพศขึ้นมา

มันน่าจะมีอยู่แหละ องค์กรลับที่แอบสร้างยาสลับเพศไรงี้ ฉันเลยเตรียมพร้อมอย่างดีตั้งแต่ ฝึกเป็นแม่บ้าแม่ศรีเรือน

(ถามจริง? นึกสภาพชายหนุ่มกล้ามล้ำบึกแผลบนหน้า สวมผ้ากันเปื้อนผืนเดียว นั่งคุกเข่าตรงหน้าโต๊ะอาหาร…)

จึงเป็นเช่นนี้แหละ… ขณะฉันคิดเรื่อยเปื่อยก็ออกมาถึงหน้าคฤหาสน์กับท่านแม่แล้ว หน้าคฤหาสน์มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่

ฉันเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นเธอมีผมสีฟ้าออกเทาๆ สวมชุดเมดที่กระโปรงยาวถึงขาเข่า พอเห็นฉันกับท่านแม่ก็โค้งตัวลง

“ดิฉันเป็นเมดจากแดนปีศาจ เป็นฮาล์ฟเอล์ฟค่ะ”

ฉันมองไปที่หูของเธอที่แหลมนิดหน่อย เอ๋.. นี่มันคุ้นๆ น้า ผู้หญิงผมสีฟ้าออกเทาๆ หูแหลมๆ .. อ๊ะ

นั่นมันคนเมื่อตอนนั้น ฉันตกใจสะดุ้งทันที แต่ไม่มีคนสังเกตุเห็นเลยเธอคนนั้นยังแนะนำตัวต่อ

“ดิฉันมีชื่อว่า ลาน่า… มารับใช้องค์หญิงเลทิเซียค่ะ”

ใช่.. ผู้หญิงคนนี้คือ.. ผู้หญิงเมื่อหกปีก่อนที่ฉันเห็นหน้าเป็นคนแรกเมื่อลืมตาดูโลก ผู้หญิงที่ยิ้มเยาะใส่ฉัน!!

นะ.. นี่… ฉันตะลึงมาก หรือว่ารู้ว่าฉันยังไม่ตายเลยมากำจัดเหรอ!? แบบนั้นจะน่ากลัวไปแล้วนะ โหดร้ายเกินไป

ทั้งที่ฉันคิดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว แต่ส่งคนมาตามฆ่านี่มันมีแค้นอะไรกับฉันตั้งแต่ชาติก่อนไหม แต่ฉันก็ยังตอบกลับด้วยท่าทางขององค์หญิงที่เคยฝึกมาในอดีตชาติ

“เรามีชื่อว่า เลทิเซีย ทีน อาเดฟ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณลาน่า”

ฉันพูดพร้อมกับจีบชายกระโปรงขึ้นมายกเท้าขวาขึ้นปลายเท้าแตะพื้นด้านหลังเท้าซ้าย ในขณะที่ขาซ้ายก็ย่อลง

หึๆ ไม่ได้กินฉันหรอก ฉันเคยฝึกมาแล้วในอดีตชาติ! ก็แบบมีโอกาสที่จะถูกจับไปเป็นตัวแทนองค์หญิงหรือองค์ชายด้วยเหมือนกับ รั* ในโคนั- น่ะนะ

(….)

“ตั้งแต่วันนี้ไปเธอจะมาดูแลลูกตลอดเวลา แล้วก็เธอเป็นเผ่าปีศาจเพราะงั้นสามารถฝึกเวทมนตร์กับเธอได้นะ”

“ค่ะ”

ฉันตอบออกไป แต่ไม่ได้เลิกระแวงผู้หญิงที่ชื่อลาน่าเลยสักนิด หลังจากท่านแม่ก็จากไปโดยให้คนมานำทางให้ลาน่า

ฉันอายุหกขวบแล้ว เลยปลีกตัวออกมานอนคนเดียว และลาน่าเองก็เหมือนจะเลือกนอนอยู่ห้องข้างๆ ฉัน

ว่าแล้วเชียว ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังสินะ… และวันนี้ก็ผ่านไปโดยที่ฉันยังระแวง ตกดึกฉันก็ผ่อนคลายลงมาบ้างแล้วจึงแอบย่องออกจากห้องหวังจะไปห้องสมุด

“คิดจะไปไหนเหรอคะ องค์หญิง”

พอฉันออกมาลาน่าก็ยืนอยู่หน้าห้องของเธอ ทำเอาฉันสะดุ้งมันที ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองการเอาตัวรอดแบบอัตโนมัติ

พลังเวทถูกยิงออกจากมือโดยไม่ทันคิด แต่ว่าเหมือนลาน่าจะตอบสนองเร็วกว่า มือของเธอคว้าจับไปที่พลังเวทของฉันก่อนพลังเวทของเธอจะสั่นสะเทือนและ..

กลืนกินพลังเวทของฉัน.. ฉันถึงกับอ้าปากค้างทันที .. เมื่อกี้มันอะไรด้วยความสงสัยฉันเลยถามขึ้นมา

“เมื่อกี้มันคืออะไร?”

ลาน่าไม่ได้ตอบฉันเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

“ถึงฉันจะไม่ใช่ครู่สอน เป็นแค่คู่ซ้อม.. แต่เมื่อกี้เป็นการสั่นสะเทือนของพลังเวทปีศาจทำให้การแทรกแซงที่เกิดขึ้นโดยมือของมนุษย์ถูกกลืนกินหายไปค่ะ”

เธอพูดแบบนั้นฉันถึงกับงงทันที ฉันไม่มีความรู้เรื่องพลังเวทปีศาจเลย เคยถามท่านแม่ ท่านแม่บอกว่าเวทปีศาจของเวทมนุษย์แตกต่างกันเหมือนคนละโลก

และด้วยสนธิสัญญาบางอย่าง ไม่มีทางที่แดนมนุษย์จะมีคำอธิบายหรือวิธีใช้พลังเวทปีศาจ แม้แต่ลักลอบนำเข้ายังทำไมได้

ราวกับว่ามันคือจุดแบ่งของกฎเกณฑ์ธรรมชาติ นอกจากนี้มนุษย์ก็ไม่สามารถใช้เวทปีศาจได้เพราะการใข้พลังเวทปีศาจสิ่งสำคัญคือปริมาณไม่ใช่การแทรกแซง

ในขณะเดียวกันปีศาจก็ไม่สามารถใช้พลังเวทของมนุษย์ได้เพราะไม่ใช้ปริมาณ แต่อาศัยการแทรกแซง ‘ธรรมชาติ’

มนุษย์ถือเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติมานานก่อนที่จะมีเรื่องเล่าขานเสียอีก ความลึกลับของเผ่ามนุษย์นั้นมีมากเกินกว่าปีศาจมันสามารถแทรกแซงกฎเกณฑ์ธรรมชาติด้วยการใช้จำนวนเวทที่มีน้อยมากๆ แทรกแซงช่องโหว่ของกฎเกณฑ์

ว่าก็คือปีศาจที่มีพลังมหาศาลไม่มีทางแทรกแซงเข้าไปได้นั่นแหละ ถามว่าทำไมถึงใช้ได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะว่าในอดีตชาติฉันเป็นมนุษย์

อย่างที่เคยบอกว่าการแทรกแซงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือหลักการ มันมีอยู่ในหัวมาตั้งแต่เกิดเลยทำให้ฉันสามารถใช้มันได้ละมั้ง

อันที่จริงเวทมนตร์ปีศาจนั้นอาจจะมีระดับชั้น มีอะไรต่างๆ มากมายที่ฉันยังไม่รู้ก็ได้ ถึงเทพธิดาจะให้ข้อมูลโลกมา แต่ก็เป็นข้อมูลในอดีตนานมาแล้ว

แต่ไม่รู้ทำไมลาน่าถึงบอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้แฮะ ช่างเถอะ.. แต่ตอนนี้ฉันสนใจมาก ตาเป็นประกาย

“แล้ว องค์หญิงจะไปที่ไหนเหรอคะ?”

“เปล่าหรอก ที่สำคัญกว่านั้นช่วยพูดเรื่องเวทมนตร์ปีศาจให้ฟังมากกว่านี้หน่อยสิ”

“เอ๋.. เอ่อ.. มันก็ได้อยู่หรอกนะคะ”

เธอพูดแบบนั้นฉันจึงรู้สึกดีใจขึ้นมาแล้วกระโดดโลดเต้น.. เอ่อ.. ไม่ลืมเรื่องที่ว่าเธออาจมาฆ่าฉันหรอกนะ แต่ถ้าบอกว่าจะทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นได้

เพราะฉันเองก็มีพลังปีศาจ แบบนี้มันก็แหล่มเลยทีเดียว .. ลองนึกดูในตอนที่ผู้หญิงคนนี้คิดจะสังหารฉันหลังจากประมาทสอนเวทมนตร์ปีศาจให้ฉัน

เพราะคิดว่าฉันต้องตายแน่ๆ ไม่มีทางหนีพ้นไม่ว่าจะดิ้นรนยังไง.. แล้วถูกฉันเอาชนะ…. ไม่ๆๆๆ เราจะประมาทไม่ได้ นอกจากเวทปีศาจแล้วควรฝึกดาบด้วยสินะ หกขวบแล้วคงเหวี่ยงดาบได้แล้ว

แต่ตอนนี้ก่อนอื่นก็

“เวทปีศาจ เวทปีศาจ ♪♩♬”

ฉันฮัมเพลงพลางเดินเข้าไปในห้องลาน่า… เพื่อฟังการสาธยายเกี่ยวกับพลังเวทปีศาจ

..

.

ซึ่งสิ่งที่ฉันไม่รู้ คือสุดทางเดินเป็นห้องของเลวี่ ซึ่งตอนนี้เธอแง้มประตูออกมาดูอยู่ พอเลทิเซียเข้าไปในห้องลาน่า

มือเลวี่ที่เกาะผนังอยู่ก็บีบของผนังจนดัง “แกร๊ก” ผนังห้องร้าวเป็นรอยใยแมงมุม..

“ท่านพี่เข้าห้องคนอื่นในตอนกลางคืนเป็นครั้งแรก… ทั้งๆ ที่ห้องแรกที่ท่านพี่ต้องเข้าคือห้องของหนู…..”

เลวี่พึมพำด้วยน้ำเสียงเหมือนแต่ละคำแฝงไปด้วยคำสาปดวงตาแดงก่ำจนน่ากลัว.. สาวน้อยนี่น่ากลัวจริงๆ … สาวน้อยที่เป็อ……นนน่ะนะ—

…….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท