การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 96

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 96 – การเปลี่ยนแปลง

ข้า ทสึรุ.. ในตอนนี้กำลังหาอาหารอยู่ ตั้งแต่มาอยู่ในที่แห่งนี้ก็ผ่านมาสักสิบวันเห็นจะได้แล้วละมั้ง

แม้เลทิเซียจะกินไม่ได้เพราะกำลังพักผ่อนอยู่ แต่ข้าเองก็ต้องกินเหมือนกันนี่น่า.. แต่วันนี้อากาศเหมือนจะไม่ดีข้าเลยต้องให้เลทิเซียนอนอยู่บ้าน

ยังไงซะตอนนี้ก็มีบ้านแล้วพวกสัตว์ป่าเองก็ทำอะไรเลทิเซียยากเหมือนกัน.. อ้อ ลืมบอกว่า ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีพวกอสูรมอนสเตอร์เลย

ในที่แห่งนี้มีเพียงแค่สัตว์หลากชนิดเท่านั้น อีกทั้งสัตว์ต่างๆ ก็มีแค่สัตว์ที่ไม่ดุร้าย ข้าเลยไม่ต้องกังวลอะไรมาก

ถ้าพามาด้วยกลัวเลทิเซียจะเป็นไข้เอาหากฝนตกลงมา.. ในตอนนี้นั้นข้ากำลังเคลื่อนที่เข้าไปในป่าลึก..

ถึงเลทิเซียจะหลับอยู่แต่ข้าก็จำเป็นต้องหาทางออก หลายวันมานี่ข้าเองก็ไปหาตรวจสอบดูหลายที่ในป่า แต่ก็ไม่มีทางออก

จะไปตรวจสอบรอบๆ หรือเกาะใกล้เคียงก็ดันบินไม่ได้ ทำให้ข้ารู้สึกอิจฉาคนที่ใช้เวทมนตร์ได้อยู่ไม่น้อย

แน่นอนว่าข้าไม่กล้าใช้แบบตอนที่ไปช่วยเลทิเซีย เพราะแม้จะไปได้แต่กลับไม่ได้ก็เท่านั้น ดังนั้นจึงล้มเลิกไป

แต่จากที่พวกเราฟื้นขึ้นมาที่ชายหาด บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับทะเลที่ล้อมเกาะแห่งนี้อยู่นั่นล่ะ บางทีทางออกอาจจะอยู่ใต้ทะเล

แต่ก็อย่างว่าข้าไม่มีเวทมนตร์เหมือนเลทิเซียหรือคนอื่น ถึงตอนนั้นจะเคยใช้ไปแล้วแต่เอาเข้าจริงมาลองใช้ใหม่ก็ไม่สำเร็จ

ดังนั้นเวทมนตร์ยังห่างไกลจากตัวข้ามาก ดังนั้นตอนนี้ก็ได้แต่ มุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกเพื่อตรวจสอบว่าข้างในป่าลึกมีอะไรหรือเปล่า

อันที่จริงข้าไปตรวจสอบล้อมรอบเกาะมาหมดแล้ว มันไม่มีอะไรที่เหลือก็มีแค่ข้างในป่าเท่านั้นแหละ

แต่ไม่รู้ทำไมพอข้าเข้าไปในป่าก็รู้สึกเหมือนมีมือสีดำมาผลักข้าออกไป เหมือนกับไม่ต้องการให้เข้าไป

แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นขามีแต่ต้องเข้าไปตรวจสอบดู เพราะอาจจะมีทางออกอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้

ข้าใช้เวลาไม่นานหลังจากเดินทางเข้าไปในป่าลึกของเกาะ เมื่อไปถึงจุดจุดหนึ่งก็ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอยู่เลย

ข้าสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ทันที ข้าขมวดคิ้วคิดที่นี่มันเงียบจนเกินไป เหมือนกับว่าเสียงจากรอบเกาะดังมาไม่ถึงยังไงยังงั้น

“แปลกๆ แฮะ..”

ข้าพึมพำอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินหน้าต่ออีกนิดหน่อยก็เจอความผิดปกติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น..

“นี่มัน…. อะไร…”

ข้ามองไปยังพื้นดินตรงหน้า พื้นดินตรงหน้าไม่ใช่สีน้ำตาลมีหญ้าสีเขียวแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างเป็นสีดำ!

เพียงแต่ว่าพื้นดินเหมือนจะเป็นสีดำสนิทส่วนหญ้าออกเทาๆ นิดหน่อย แถมต้นไม้ยังเป็นสีดำไม่ต่างกัน

แค่นี้ยังพอว่าแต่รอบๆ กลับมีประกายแสงบางอย่างวิ่งแล่นผ่านไปทุกจุดในอาณาเขตแผ่นดินสีดำ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า

ทุกอย่างมีประกายแสงสีวิ่งผ่านไปทั่วพื้นป่า มองดีๆ แล้วมันเหมือนสายฟ้า! ข้าถึงกับอึ้งไปในทันที

“ไม่ใช่เวทมนตร์แห่งความตาย… ที่นี่มันคืออะไร?”

ข้าพึมพำ เวทมนตร์แห่งความตายคือประเภทหนึ่งของความหลากหลายในเวทมนตร์ ซึ่งเวทมนตร์แห่งความตายคือเวทมนตร์ประเภทที่ยุ่งเกี่ยวกับความตาย

เช่นคนที่เป็นเนโครแมนเซอร์อะไรแบบนั้นนั่นแหละ … ละมั้ง ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องเวทมนตร์สักเท่าไหร่ แต่ว่า…

เวทมนตร์แห่งความตายคือเวทมนตร์ทำให้ทุกอย่างสิ้นอายุขัยแก่เฒ่าตายหรือไม่ก็ชุบหลอมบางอย่างจากความตาย

แต่ที่แห่งนี้แม้จะมืดสนิทแต่กลับมีชีวิตอย่างพืชไม้ใบหญ้าอยู่ ที่น่ากลัวคือสายฟ้าเหล่านี้ที่มันวิ่งแล่นไปทั่วผืนแผ่นดิน

ข้าลังเล ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของสายฟ้าที่วิ่งแล่นอยู่ทั่วพื้นดินสีดำมันมีความรุนแรงขนาดไหน ทำเอาขมวดคิ้วหน่อยๆ

ข้าหยิบหินขึ้นมาก่อนหนึ่งก่อนจะโยนเข้าไปในอาณาเขตที่ว่า.. ทันทีที่มันลอยเข้าไปในเขต สายฟ้าที่วิ่งอยู่รอบๆ เหมือนกับตรวจพบเจอสิ่งที่แตกต่างจากเขตแดนสีดำนี้

“เปรี้ยง!!!”

สายฟ้ารอบด้านแตกลั่นจนน่ากลัว ในชั่วขณะที่สายตาข้าจับจ้องอยู่ที่หินก้อนนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

สาบานว่ามันชั่วพริบตาเดียวหินก้อนนั้นก็หายไป.. ถ้าจะพูดให้ถูกคือมันถูกสายฟ้าฟาดจนสลาย ข้าจินตนาการไม่ออกเลยว่าต้องมีความแรงขนาดไหน

ข้าลังเล ถึงข้าจะพอมีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง แต่นั่นมันในกรณีของการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตในระยะประชิด ใครจะไปคิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะต้องมาเจอกับแผ่นดินสายฟ้า

ที่มีแต่สายฟ้าที่พร้อมจะฟาดผ่าทุกเมื่อ ข้าไม่มีวิธีป้องกันเลย เป็นอีกครั้งที่ข้ารู้สึกอิจฉาผู้ใช้เวทมนตร์

ถ้ามีเวทมนตร์ตอนนี้ข้าคงสร้างม่านพลังงานอะไรก็ช่างที่สะท้อนสายฟ้าออกไป ก็คงเดินเข้าไปได้สบายๆ แท้ๆ

และในตอนที่ข้ากลัดกลุ้มอยู่นั้นเอง ฟ้าที่มืดมาตั้งแต่หัววันก็เริ่มที่จะมีฝนโปรยปรายลงมา แม้จะไม่แรงมาก แต่อีกหน่อยคงกลายเป็นพายุฝนแน่ๆ

“งั้นกลับที่บ้านไม้ก่อนแล้วกัน ค่อยหาวิธีเข้าไปตรวจสอบใหม่”

ข้าคิดได้แบบนั้นจึงตัดสินใจ แน่นอนว่าข้าไม่มีทางที่จะยอมแพ้ในการหาทางออกแน่ๆ แต่เมื่อฝนตกแบบนี้

แถมข้ายังมองเห็นเมฆสายลมที่เริ่มที่จะพัดแรงขึ้นมา อันที่จริงมันก็พัดแรงตั้งนานแล้วแหละ เพียงแต่ที่นี่ป่าไม้มันค่อนข้างหนาทึบ

ลมพายุเลยวิ่งอยู่แค่เหนือต้นไม้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันแรงขึ้นมาก ข้าต้องกลับไปดูแลเลทิเซียที่นอนหลับอยู่

หลังจากตัดสินใจได้แบบนั้นก็หันหลังกลับและในขณะเดียวกันลมพายุเริ่มแรงขึ้นด้วย ยังดีที่บ้านไม้ข้าค่อนข้างที่จะมั่นคง

(ตอกไม้ลงพื้นค้ำบ้านลึกเกือบเมตรหนึ่ง)

เพราะกลัวว่าจะมีพายุฝนหรืออะไรที่เป็นภัยธรรมชาติ เลยเตรียมบ้านไม้หลังเล็กรับมือกับสภาพอากาศได้

ถึงไม่รู้ว่าจะได้ผลขนาดไหนก็เถอะ.. ข้าเดินทางใช้เวลาไม่นานก็ออกจากเขตป่าแล้ว อีกไม่นานคงถึงบ้านไม้แล้วฝนเองก็ตกหนักจนเสื้อผ้าข้าเปียกชุ่ม

“ไม่มีชุดเปลี่ยนนะเนี่ย”

ข้าถอนหายใจ.. พายุเองก็เริ่มเห็นว่ามีลมหมุนบังเกิดขึ้นมาแล้ว โชคดีที่มันอยู่ตรงอีกทิศของเกาะและไม่มีทีท่าว่าจะมาทางนี้เลย

ถ้าพายุระดับนั้นเข้ามาใกล้บ้านไม้สักนิดสักหน่อย คงถูกถอนรากถอนโคนกันไปในทันทีเป็นแน่ แต่ที่สำคัญตอนนี้คือชุด

“ถ้าช้าไม่สบายแล้วใครจะดูแลเลทิเซียที่ไม่ได้สติ”

พอคิดแบบนั้นก็อดที่จะเร่งความเร็วกลับไปบ้านไม้ด้วยความเร็วสูง แต่ยังไงข้าก็เปียกไปแล้ว… อันที่จริงอยากลองใส่เสื้อผืนเดียวกับเลทิเซีย

ก็..ก็มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่น่า! ตอนนอนเลยต้องนอนในชุดของเลทิเซีย.. (ความคิดของทสึรุเริ่มจะหลุดสามัญ)

แต่พอมาคิดไปคิดมาเดี๋ยวเลทิเซียโกรธเอา อีกอย่างชุดเลทิเซียเล็กเกินไป เพราะเลทิเซียเป็นคนตัวเล็ก.. นึกถึงใบหน้าเลทิเซียข้าก็อดที่จะคิดถึงเสียงของเธอไม่ได้

“เลทิเซีย เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้น..”

ในขณะที่ถอนหายใจออกมาแบบนั้น คิ้วข้าก็ขมวดเป็นปม เพราะตอนนี้ก็มองเห็นบ้านไม้แล้ว

แต่ตอนนี้กำลังเห็นใครไม่รู้สองคน แต่เพราะมองงไม่เห็นหน้าเลยไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่พวกมันกำลังจะเข้าไปในบ้านที่เลทิเซียนอนอยู่

ตอนนี้เลทิเซียนอนหลับอยู่ เป็นสภาพที่อ่อนแออย่างมาก…หากมีคนคิดจะทำร้ายเธออีกเหมือนตอนนั้น ตอนที่เธอถูกตัดแขนละก็…

ข้ากัดฟันด้วยความโกรธและความเลินเล่อของตัวเอง ข้าเหยียบพื้นด้วยความเร็วสูงสุด เสียงตู้มหนึ่งดังตามมาติดๆ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนสองคนนั้นจะหันหน้ามาทางนี้พอดี ข้าพุ่งเข้าใส่จับทวนที่จากไม้ด้านหลังฟาดเข้าใส่คนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ข้าที่สุดเมื่อพุ่งมา

แต่ควบคุมแรงเอาไว้เพราะกลัวจะไปทำให้บ้านไม้พัง แต่ทว่าแม้ความเร็วข้าจะเร็ว คนอีกคนที่อยู่ด้านหลัง ผลักคนที่ข้าฟาดทวนใส่จนออกด้านข้าง

แล้วเขาก็ยกดาบเล่มหนึ่งมารับหอกไม้ข้า ก็เกิดเสียงกัมปนาทขึ้นราวกับเหล็กปะทะกับเหล็ก “เคร้ง!!!”

คนคนนั้นถอยหลังลากยาวไปตามพื้นทันที ข้าจับหอกไว้แน่น …. ฟากพวกเขาคิดจะทำอันตรายต่อเลทิเซีย…

แม้จะเป็นมนุษย์… ข้าก็จะ…. ฆ่า!

…….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท