บทที่ 103 – หนทางอสนี
หลังจากตัดสินใจร่วมมือกัน ทสึรุเองก็ไม่รอช้าพวกเธอตัดสินใจเริ่มวันพรุ่งนี้เมื่อพายุลูกใหญ่นี้หยุดลง
และเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วเซเลียก็ไม่กักข้อมูลอะไร เธอบอกถึงเป้าหมายของโรงเรียนเอเรียสที่อาจจะเข้ามาแย่งชิงกับพวกเธอด้วย
ซึ่งมันอันตรายกับพวกเธอทั้งสามมาก อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเลย ดังนั้นหากไม่รีบเคลียร์และเอาอาร์ติแฟ็คชิ้นนั้นละก็พวกนั้นเข้ามาก่อนแน่
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นคือนักเรียนจากโรงเรียนเอเรียส แม้เซเลียจะไม่ได้คิดมากเรื่องนักเรียนใหม่แต่เธอก็ประมาทไม่ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอเรียสผู้ทะเยอทะยานเลย! คนคนนี้อันตรายมาก หากพวกเขาเจอเซเลียอยู่ที่นี่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่ๆ
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็ปิดปากพวกเรายังไงล่ะ ปิดปากน่ะ! หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปนอกโรงเรียนล่ะก็ จะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วทวีปทั้งหมดและดึงดูดความอิจฉา ต้องรู้ว่าอาร์ติแฟ็คน่ะต่อให้ไม่แข็งแกร่งมากก็นับเป็นของหายาก ไม่ต้องพูดถึงอาร์ติแฟ็คที่ดึงโลกจากโบราณกาลให้ดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นต้องกลายเป็นอาร์ติแฟ็คที่ล้ำค่าชิ้นหนึ่งของโลกไปแน่นอน!”
“งั้นเหรอ..”
ทสึรุคิดตามคำพูดของเซเลีย แต่เพราะเธอไม่ได้รู้จักคุณค่าของอาร์ติแฟ็คมากขนาดนั้น สำหรับเธอความต้องการมีเพียงรีบพาเลทิเซียออกไป
ดังนั้นเธอย่อมตกลงอย่างไม่ลังเล อันที่จริงมันก็เป็นตามที่เซเลียว่าไว้ หรือบางทีมันอาจจะรุนแรงยิ่งกว่าเซเลียคิดไว้มากกว่าซะด้วยซ้ำ
ทั้งสามพูดคุยเกี่ยวกับแผนการที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ส่วนเซเลียแม้จะบอกว่าเล่าทุกอย่างแค่เธอก็เล่าแค่ข้อมูลที่ได้มาจากโรงเรียนเอเรียสและที่เธอปะติดปะต่อกัน
เธอไม่ได้บอกความลับเกี่ยวกับโลกหรือที่ตระกูลคริสต์กราฟได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโลกนี้เลย เพราะข้อมูลนี้มันสำคัญมากอย่างแท้จริง
สามารถพูดได้เต็มปากว่าคนที่รู้จักโลกนี้ดีเท่าตระกูลคริสต์กราฟนั้นมีไม่มากเลยสักนิด แถมคนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนแก่ชราหงำเหงือก..
เอ่อ.. หมายถึงโลลิคนหนึ่งก็ได้เหมือนกัน ในแง่รูปร่างน่ะ
และเวลาตอนดึกก็ผันผ่านไปอย่างเงียบๆ ทั้งสามพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ทั้งคืน ส่วนชุดนั้น ทสึรุยืมชุดของแอนนี่มาใส่
เพราะพวกเธอมีรูปร่างไม่ค่อยต่างกันมาก พอทสึรุใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนไลเบอร์ที่มีธีมชุดเป็นสี เขียวขาว
ซึ่งต่างจากโรงเรียนลิเบอร์โดยสิ้นเชิงเพราะมีธีมชุดเป็น สีดำแดง ทำให้บุคลิกของทสึรุเหมือนจะดูเปลี่ยนเป็นคนที่ดูสดใสมากขึ้น… คิดว่านะ
“ทำไมเจ้าดูใส่ชุดข้าเหมาะกว่าข้าใส่ชุดตัวเองอีกละเนี่ย?”
แอนนี่มองทสึรุแล้วพูดออกมา ทสึรุมองชุดแม้จะรู้สึกไม่ชินตาอยู่บ้างแต่เธอก็ขอบคุณแอนนี่กับเซเลีย
พอเวลาเช้ามาเยือน ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังใจกลางเกาะทันที แต่เพราะทสึรุได้ยินว่ามีพวกคนชั่วเข้ามาในเกาะนี้ด้วย
แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ปล่อยเลทิเซียอยู่บ้านไม้คนเดียว จึงอุ้มเลทิเซียมาด้วยหากเกิดอะไรไม่คาดคิดอย่างน้อยทสึรุก็มองเห็น
เพราะในดินสีดำถึงจะมีต้นไม้สีดำ แต่ก็ไม่ได้มีเยอะ หมายความว่าเมื่อเข้าไปเธอสามารถมองออกมาเห็นเลทิเซียได้นั่นเอง
และเมื่อมาถึงเซเลียกับแอนนี่ก็เบิกตากว้างเล็กน้อย แต่ทสึรุเห็นมาก่อนจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเอาเก้าอี้ที่เคยสร้างไว้ออกมาให้เลทิเซียนั่ง
เพราะพื้นดินบางส่วนยังเปื้อนโคลนอยู่เลย ฝนขณะที่เซเลียได้สติกลับมาเธอก็ขมวดคิ้วหัวใจเต้นแรง
“นี่มัน…”
เธอก้มมองลงพื้นดินสีดำตรงหน้าในขณะที่มีสายฟ้าวิ่งแล่นไปทั่ว เธอใช้จมูกดมกลิ่นอยู่เล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมา
แล้วโยนหินเข้าไปในเขตดังกล่าว และก็เกิดภาพเหมือนที่ทสึรุเคยเห็นไม่มีผิดเพี้ยน สีหน้าของเซเลียยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมเข้าไปใหญ่
“มีอะไรเหรอ?”
แอนนี่มองเซเลียแล้วถามขึ้น เพราะเห็นท่าทางหนักใจของเธอ เซเลียตอบออกมาเบาๆ
“นี่มันธาตุมืด..”
“อะไรนะ?!!”
“เอ๊ะ มันทำไมงั้นเหรอ?”
ในขณะที่เซเลียพูดอย่างยากลำบาก แอนนี่ก็ตกใจในทันที แต่ทสึรุกำลังงงและไม่เข้าใจ เซเลียหันหน้ามามองทสึรุก่อนจะพูดขึ้น
“ธาตุมืดน่ะเป็นหนึ่งในสองธาตุที่ไม่มีรูปร่างเหมือนกับธาตุแสง จะพูดให้ถูกทั้งแสงทั้งความมืด ล้วนแต่เป็นตัวแทนของบางสิ่งบางอย่าง ไม่จำกัดแค่ว่าเป็นสิ่งนั้นๆ เหมือนธาตุไฟก็คือไฟ…”
“ถ้าจะอธิบายง่ายๆ คือ แสงคือธาตุแห่งความสว่างไสว เป็นตัวแทนแห่งการมองเห็นและรับรู้ ให้กำเนิดสิ่งต่างๆ ได้สร้างเงาได้.. ในขณะที่ความมืดก็เป็นทั้งสีดำ อันธการ ตัวแทนแห่งความตาย และหากแสงสร้างเงา เงานั่นแหละคือความมืด! สรุปคือ ธาตุทั้งสองจะออกมาในรูปแบบพลังชีวิตกับความตายก็ได้ หรือแสงจะมาในรูปแบบการลบการมองเห็นหรือรับรู้ ความมืดมาในรูปแบบกัดกร่อนความคิดและความเข้าใจ.. นี่คือความลึกลับของธาตุแสงและธาตุมืด!”
เซเลียพูดให้ทสึรุฟัง ในตอนนี้เธอไม่รู้นิยามของความมืดตรงหน้านี้ มันอาจจะเป็นพิษหรือคำสาปหรืออะไรก็ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายฟ้าที่ทำลายก้อนหินไม่เหลือเศษซากเลย! และนอกจากนี้ธาตุมืดกับแสงก็เป็นหนึ่งในความลึกลับของโลกนี้และโลกด้านนอก
เพราะในเมื่อคุณไม่สามารถนิยามคำว่า ‘ธาตุมืด’ ได้อย่างชัดเจน คุณก็จะไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้และต่อให้คุณสร้างคำสาปขึ้นมา
เป็นตัวแทนหนึ่งใน ‘ธาตุมืด’ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นธาตุมืด เพราะมันคือคำสาป ตรงกันข้ามหากธาตุมืดที่มีรูปแบบเป็นคำสาปยังไงก็เรียกว่าธาตุมืด
อืม.. ฟังละอาจจะดูสับสน แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นหนึ่งในความลับของโลกเลยเชียวละ พอทสึรุฟังมาถึงจุดนี้เธอก็เอียงคอ
งง นั่นแหละ..
“ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่เอาเป็นว่ามันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ในคำว่าความมืดสินะ?”
“ใช่”
เซเลียพยักหน้ายังไม่เสร็จขาทสึรุก็ก้าวลงไปในเขตแผ่นดินสีดำไปแล้ว ทำเอาเซเลียถึงกับกับอ้าปากเหวอรีบตะโกน
“นี่เจ้าฟังที่ข้าพูดไหมเนี่—”
เซเลียคิดว่าจะวางแผนให้รัดกุมซะก่อน ไม่คิดว่าทสึรุจะทะเล่อทะล่าเดินเข้าไปไม่สนฟ้าไม่สนฝนแบบนี้ แต่พอขาของทสึรุเหยียบลงพื้นดิน
เสียงตูมก็ดังขึ้นในสมองของทสึรุอย่างรวดเร็ว คลื่นความถี่บางอย่างแผ่กระจายออกมาจากด้านในของอาณาเขตสีดำพุ่งตรงเข้าหัวทสึรุ
ก่อนที่สมองทสึรุจะรู้สึกแสบร้อน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวคลื่นนั้นก็ปรับให้อยู่ในระดับสมองของทสึรุพอดิบพอดี
สายฟ้าก็ดี ความมืดก็ช่าง ทุกอย่างเหมือนกำลังจะพุ่งลงมาใส่ทสึรุก็หยุดชะงักลงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของทสึรุ
“พิชิตด่านทั้งสาม.. เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณค่าที่จะถือครอง.. แต่หากไร้คุณค่าก็สมควรโดนบทลงโทษที่ท้าทาย จงก้าวผ่านหนทางอสนีเพื่อเหยียบย่างเข้าบททดสอบที่หนึ่ง!”
มันเป็นเวลาที่เร็วยิ่งกว่าการกะพริบตาคำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ขึ้นในหัวของทสึรุ และพอสิ้นสุดเสียงนั้นสายฟ้าที่เคยหยุดลงพลันพุ่งใส่ทสึรุอย่างรวดเร็ว
“เปรี้ยง!!”
ความมืดด้านล่างพลันปกคลุมประสาทสัมผัสของการมองเห็น ทุกอย่างมืดมิดไปจนหมดในชั่วพริบตา สายฟ้าที่วิ่งอยู่รอบด้านโหมกระหน่ำลงมา
แต่เห็นได้ชัดว่าสายฟ้านั้นกลับไม่ได้รุนแรงเหมือนที่ฟาดผ่าหินจนสลายเลย กลับกันมันเบาลงมาก! และประสาทสัมผัสที่ถูกปิดก็แค่มองไม่เห็นเท่านั้น
อันที่จริงแม้มันจะอ่อนลงมากขนาดไหนสายฟ้าก็คือสายฟ้า หากคนธรรมดาโดนเข้าไปคงเกรียมไปแล้ว แต่ทสึรุกลับไม่เป็นอะไรเลย
ทสึรุยืนนิ่งเพราะมองไม่เห็นอะไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกอะไร เจ้าตัวที่ไม่ทราบว่าตัวเองกำลังถูกสายฟ้าผ่าก็หันกลับหลังมา
แม้จะมองไม่เห็นแต่รู้ว่าเซเลียอยู่ตรงนั้น
“เหมือนสายฟ้าจะไม่ทำอะไรข้านะ แค่มองอะไรไม่เห็นเฉยๆ น่ะ”
ทสึรุไม่พูดก็ยังพอว่า แต่พอเธอพูดเซเลียก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา.. ในสายตาเธอตอนนี้ทสึรุเหมือนกลายเป็นที่รักของสายฟ้าพุ่งกระแทกไม่หยุดแผ่ไปทั่วร่าง
แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกอะไรเลย มันจะแปลกเกินไปไหม?!
ทสึรุพูดเสร็จก็หันหน้ากลับไปเดินหน้าต่อ เธอไม่อยากจะชักช้า อันที่จริงหากเซเลียไม่บอกว่าธาตุมืดทำแบบนั้นแบบนี้ได้ ทสึรุคงตกใจไม่น้อย
แต่ว่าพอเธอทราบมาก่อนเลยไม่คิดมากจึงเดินก้าวต่อไป คราวนี้สายฟ้าที่ฟาดเหมือนจะแรงขึ้นนิดหน่อย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึก ในขณะที่ดวงตาเหมือนจะเลิกดำมืดก็กลับมาดำมืดอีกหนึ่งต่อ…