การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 126

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 126 – เป็นไปตามขั้นตอน

กล่าวกันตามความจริง เลทิเซียอาจจะไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก หากนับจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาเธอต่อสู้ไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น

หากจะมีก็มีแต่ประสบการณ์ทางการฝึกดาบนั่นแหละ ต่อยังห่างไกลจากคำว่าการต่อสู้จริงไปมากนัก

ประสบการณ์หมายถึงสิ่งที่เคยพบเจอมาจนเริ่มเข้าใจและสามารถตอบโต้หรือพลิกแพลงมันเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของตนเองได้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเลทิเซียนั้นแทบจะกำราบคนอื่นได้อย่างง่ายดายเนื่องเพราะปริมาณเวทที่มากมหาศาลและองค์ความรู้ที่มากมายจากชาติก่อน

ทำให้เธอแข็งแกร่งไร้ผู้ใดทัดเทียม หากจะพูดกันจริงๆ เธอยังสามารถต่อกรกับจอมมารได้แม้อายุจะห่างกันมากด้วยการใช้พลังข่มเลยก็ว่าได้

แต่เมื่อมาอยู่โลกนี้และเจอศัตรูจากอดีตกาลที่กำเนิดมาก่อนที่โลกจะถือกำเนิดขึ้นมาซะอีก ทำให้เธอพบเจอประสบปัญหามากมาย

ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมีความแปลกประหลาดบางอย่างค้างคาอยู่ในจิตใจก็เถอะ แต่ว่ากันตามตรงแล้วเลทิเซียแทบไม่สามารถสู้ได้เลย

ทว่าสิ่งเหล่านั้นมันล้วนถูกชดเชยด้วยการวิเคราะห์ของเลทิเซียที่มีต่อโลกใบนี้ เธอเป็นคนที่ระแวดระวังมากกว่าคนอื่น หรืออาจจะถึงขั้นที่ว่าหากปะทะกันซึ้งๆ หน้า

ถ้าไม่มีแผนตอบโต้เลทิเซียต่อให้แข็งแกร่งกว่าก็คงยากมาก และแน่นอนคนที่แข็งแกร่งเลทิเซียจะมีกันสักกี่คน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงาร่างพร่าเลือนที่สติไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือหนวดที่ขนาดใหญ่เฉยๆ เลย ก่อนอื่นที่เลทิเซียระบุถึงหลักการบนโลกใบนี้

เธอจึงได้หาโอกาสที่จะกระจัดกระจายพลังเวทไปไว้ก่อน พลังเวทที่กระจายออกไม่จำเป็นต้องเยอะมาก เพียงแค่มีปริมาณที่พอกับอนุภาคเวทมนตร์ที่อยู่รอบตัว

เอ่อ อันที่จริงคนทำแบบนี้ได้คงมีไม่มาก.. จากนั้นเลทิเซียก็ใช้ความคิดส่วนหนึ่งคอยควบคุมพลังเวทเหล่านั้นให้จดจำและเข้าใจโครงสร้างของพลังเวทโดยตรง

และตอนที่ทำสิ่งนี้ก็คือตอนที่มีระเบิดไอน้ำก่อนหน้านี้ อย่างที่กล่าวไปว่าไอน้ำมีพลังเวทของเลทิเซียอยู่ยิ่งพอมันปกคลุมด้วยไอน้ำ

พลังเวทที่น้อยนิดจึงแทบไม่ควรค่าแก่การสังเกต หรือแม้จะสังเกตเห็นก็คงคิดว่านี่คือการใช้เวทเสริมพลังให้ยากที่จะมองทะลุไอน้ำเฉยๆ เท่านั้น

พอกระจายพลังเวทไปทั่วแล้ว ก็เข้าใจโครงสร้างโดยรวมจนเสร็จสิ้น อันที่จริงเพราะเลทิเซียต้องแบ่งความคิดเป็นสองส่วน

ส่วนหนึ่งเพื่อเข้าใจโครงสร้างอนุภาคเวทมนตร์ ส่วนหนึ่งต่อสู้ โชคยังดีที่ศัตรูนั้นไม่มีสตินี่จึงแทบเสร็จแผนแรกที่เลทิเซียวางไว้

ส่วนลำดับต่อไปนั่นคือทดสอบว่าตัวเองจะสามารถสั่นคลอนโครงสร้างของอนุภาคเวทมนตร์ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างได้หรือไม่

เพราะเธอเข้าใจโครงสร้างของอนุภาคเวทมนตร์แล้วหากกล่าวโดยลพเอียดมันคงจะมากเกินไป แต่ก็อย่างที่เกิดขึ้น

เลทิเซียก้าวเข้าสู่แผนที่สองซึ่งนั่นคือระเบิดสั่นสะเทือนโครงสร้างของวัตถุของโลกนั่น มองดูเผินๆ เหมือนเป็นแผนลับสุดท้ายแล้ว

แต่ในความจริงมันแค่เป็นแผนที่เอาไว้ซ้อนแผนอีกทีเพราะเลทิเซียไม่มั่นใจว่า อีกฝ่ายจะมีทักษะอะไรพิเศษเพิ่มเติมหรือเปล่า อย่างก่อนหน้าแม้ดูเหมือนเลทิเซียไม่ได้คาดเดาว่า

อีกฝ่ายยังมีท่าไม้ตายก้นหีบ แต่เธอคิดไว้ตั้งนานแล้วดังนั้นเธอจึงใช้ระเบิดเวทมนตร์ของตัวเอง แน่นอนว่าหากกำจัดได้ก็คือกำจัดได้

แต่ว่าหากไม่ได้แรงระเบิดนั่นก็เป็นเพียงแค่ลำดับขั้นหนึ่งของแผนสุดท้ายของเลทิเซียอีกทีเท่านั้น …

เพราะพลังเวทที่ปล่อยไปพร้อมหมอกตอนแรกก็ฉวยโอกาสดูดกลืนเอาแรงระเบิดพลังเวทที่พึ่งเกิดขึ้นไปก่อนหน้าก็ถูกดูดเข้าไปบีบอัด

และควบคุมอนุภาคเวทมนตร์ที่แพร่กระจายอยู่ในเกาะ ก่อนจะบีบอัดจนทำให้กลายเป็นด้ายเวทมนตร์หลายร้อยเส้นที่โยงใยไปทั่วเกาะ

และใช้แรงระเบิดเวทมนตร์ของเลทิเซียผสมลงไปในด้ายเวทมนตร์จนกลายเป็นเหมือนเอ็นที่มีแรงระเบิดเวทมนตร์สั่นสะเทือนอยู่ในนั้นตลอดเวลา!

และด้วยความเข้าใจโครงสร้างของอนุภาคเวทมนตร์ ทำให้แรงระเบิดที่ระเบิดตอนแรกที่ระเบิดทุกอย่างให้พังทลายก็ถูกพลังเวทอีกส่วนในตอนแรกจากหมอควบคุม

ทำให้การสั่นสะเทือนของระเบิดเวทมนตร์นี้ส่งผลถึงแค่สิ่งที่ผู้ควบคุมอย่างเลทิเซียต้องการ แม้หนวดนั้นจะไม่รับผลจากแรงระเบิดเพราะมันมีพลังเวทเยอะ

จนยากที่จะสั่นคลอน แต่แรงระเบิดบัดนี้มันไม่ใช่การสั่นสะเทือนโครงสร้างของวัตถุแล้ว.. เพราะมันพุ่งไปกำจัดอนุภาคเวทมนตร์ด้วยความตั้งใจ

ดังนั้นต่อให้เก่งกาจมากความสามารถระดับไหนก็ตาม ขอแค่เป็นคนบนโลกใบนี้ คมของด้ายก็กลายเป็นใบมีดมรณะที่ไม่สนพลังป้องกันหรือมูลฐานใดๆ

หากไม่สามารถควบคุมอนุภาคเวทมนตร์ให้หายไปจากร่างตัวเองละก็.. ต้องถูกแยกเป็นชิ้นๆ ในเสี้ยวพริบตา!

แต่การจะทำให้เวทมนตร์หายไปนอกจากเป็นไปไม่ได้แล้ว! แต่หากหายจริงคนบนโลกนี้ก็จะไร้พลังเวทและเมื่อมาต่อกรกับเลทิเซียที่แข็งแกร่งมาก…

ก็ไม่มีทางชนะ! นี่คือชัยชนะที่สมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้

เลทิเซียแม้จะไร้ประสบการณ์การต่อสู้จริง แต่หากเทียบกับความระแวดระวังที่ต้องสำรองแผนไว้เสมอของเธอ ประสบการณ์ที่พลิกแพลง…

มีหรือไม่มีแทบไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก!

ภายใต้ภาพที่น่าตื่นตะลึงนี้หมึกยักษ์ก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง! แม้เทียบกับตัวมันแล้วแผลนี้จะดูเล็กด้อยค่าจนไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

แต่ทว่าต่อให้เป็นเข็มเล็กๆ ทิ่มเข้าที่ผิวหนังย่อมเจ็บปวด ไม่ต้องพูดถึงการสั่นโครงสร้างของร่างกายมันจนส่วนหนึ่งพังทลายลง

แม้จุดที่พังทลายลงแต่ร่างกายทั่วร่างของมันแทบจะสั่นสะเทือน พลังเวทในร่างกายปั่นป่วนอย่างมากมหาศาล

“เจ้า…!!!”

เสียงคำรามของมันดังสนั่นท้องฟ้าสะเทือน เสียงคำรามนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง ห่างไกลออกไปหัวของมันค่อยๆ โผล่ออกมาจากใต้ท้องทะเล

หมึกสายหรือหมึกยักษ์ตัวนี้ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนหมึกกล้วยหรือหมึกกระดอง ไม่มีครีบเหมืองหมึกทั้งสอง และมีลักษณะหัวที่เหมือนลูกโป่ง

แม้จะอยู่ๆ กลออกไปก็ยังสามารถมองเห็นมันได้ชัดเจน เพราะขนาดที่ใหญ่เกินความเป็นจริงของมันก่อนที่เลทิเซียจะทันได้ตอบโต้อะไร

เศษเนื้อของมันก็กระจายออกรอบหนวดและพุ่งดิ่งใส่เลทิเซีย รอดผ่านด้ายมากมายอย่างง่ายดาย!

แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเนื้อ แต่เลทิเซียสัมผัสถึงได้เธอก็รู้สึกว่าหากโดนไปคงเจ็บหนักถึงขั้นตายเลย ไม่สิ อาจจะถึงขั้นฟื้นฟูกลับมาไม่ได้เลย

อันที่จริงความคิดแบบนี้เลทิเซียคิดอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ เธอจึงไม่อยากรับความเจ็บปวดเท่าไหร่ ดังเธอไม่มีทางยอมโดนโจมตีแน่ๆ

แต่เพราะทสึรุเองก็อาจจะโดนด้วยเลทิเซียจึงหลบออกด้านข้างพร้อมกับเลทิเซียในแขนทันที

แต่ว่าเจ้าเศษเนื้อนี้เหมือนกับวิญญาณตามติดไม่โดนไม่เลิกรา ทุกครั้งที่ไม่หลบหลีกออกไปมันก็จะตามมาด้วยความเร็วที่สูงกว่า การไล่ล่าครั้งนี้พาเลทิเซียหลบหนีออกนอกเกาะอย่างช่วยไม่ได้

เพราะหากยังอยู่ใต้หนวดนี้ขออีกฝ่ายจะยิ่งทำให้มันเยอะขึ้น. แต่ว่ายังพอโชคดีที่เลทิเซียสามารถย้ายด้ายเหล่านั้นมาด้วยได้

เพราะตอนแรกคิดว่าไม่สามารถย้ายที่ได้ และพอมีไพ่ตายก้นหีบติดตัวเลทิเซียก็รู้สึกครั้งแรกว่าโลกนี้เป็นสีชมพู

แถมยังมีทสึรุในแขนอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่ตัวเองมีความสุขบนโลกนี้อย่างแท้จริง ถึงจะกลางสนามรบก็เหอะนะ

แต่ว่ายังไม่ทันไรเลทิเซียก็ต้องมองโลกเปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะหนวดที่สองพลันโผล่พรวดจากด้านข้างอย่างฉับพลัน

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือมาพร้อมกับจุดสีดำนับไม่ถ้วนเลทิเซียหน้าเปลี่ยนสี กำลังจะใช้แผนลำดับต่อไปเพื่อหลบหลีก

แต่ทว่าเศษเนื้อชิ้นหนึ่งพุ่งมาจากขวามือที่ทสึรุอยู่เลทิเซียถึงกับผงะ วิกฤตความเป็นความตายมาเยือนฉับพลัน

“ทสึรุหมอบ!”

“อ๊ะ!”

เลทิเซียตะโกน ทสึรุก็ถูกกดหัวลงมาที่หน้าอกของเลทิเซียและเลทิเซียก็ใช้เท้าเหยียบด้ายเพราะการพลิกตัวกลางอากาศคงทำไม่ทันแน่ๆ

เธอใช้เท้าดีดตัวตีลังกาขึ้นทำให้เศษเนื้อที่จะโดนทสึรุก็ปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเลทิเซีย “ตู้ม!!!”

เลทิเซียถึงกับเจ็บแสบ ถึงจะไม่เท่าหมัดของผู้หญิงที่เป็นเงาพร่าเลือนแต่ก็ยังเจ็บ! ร่างทั้งสองพุ่งดิ่งลงใต้ผิวน้ำกระแทกลงแผ่นดินใต้ทะเล

จนพื้นใต้ทะเลถึงกลับปริแตก.. ทสึรุตกใจและดิ้นออกจากแขนเลทิเซียด้วยความเป็นห่วงแม้จะหายใจไม่ได้แต่ยังกลั้นหายใจได้

“เลทิเซีย เป็นอะไรหรือเปล่า!”

“อะ..อืม ฉันไม่เป็นไร..”

เลทิเซียตอบมาด้วยเสียงที่แตกต่าง แม้เลทิเซียจะสัมผัสยังไม่ได้แต่เพราะทสึรุได้ยินถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นดูหน้าเลทิเซียด้วยความตกใจ..

“จะ..เจ้า….”

ทสึรุถึงกับอ้าปากค้างจนทำให้สำลักน้ำเพราะอยู่ใต้ทะเล.. สิ่งที่อยู่ในสายตาทสึรุตอนนี้คือภาพพิลึกพิลั่นอย่างหนึ่ง..

เธอไม่ได้มองเห็น ‘เด็กผู้หญิง’ ที่ชื่อ ‘เลทิเซีย’

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเห็น ‘หญิงสาว’ ที่ชื่อ ‘เลทิเซีย’ ซะมากกว่า!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท