บทที่ 153 – ซิลฟี่
“เจ้าน่ะ… เป็นอะไรหรือเปล่า?”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นและเชือกที่มัดปากข้าก็ถูกปลดออก ข้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเธอมีผมสีขาวสั้น
ดวงตาสีครามเหมือนกับท้องฟ้าก้มมองมาที่ข้า พอข้าเห็นข้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา.. มนุษย์มองข้าเป็นปีศาจ..
ข้าถอยหลังไปด้วยความกลัวโดยสัญชาตญาณ แต่เพราะถูกมัดไว้เลยหนีไม่ได้.. ทำไม ข้าถึงต้องถูกรังแกแบบนี้ด้วย
“ใจเย็นๆ นะ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ”
“มนุษย์…น่ากลัว…”
ผู้หญิงแปลกหน้าพูดแบบนั้น แล้วก็เดินเข้ามาหาข้า ทำให้ข้าถอยหลังออกไปแล้วพูดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นเลยหยุดชะงักมองมาที่ข้า.. แต่ในตอนนั้นเองท้องข้าก็ร้องออกมาจนแม้แต่มนุษย์ที่เป็นผู้หญิงคนนั้นจะได้ยินด้วย
เธอมองมาที่ข้าสักพักก่อนที่จะหยิบกล่องอะไรสักอย่างออกมา แล้วพอเปิดออกข้างในก็เหมือนจะมีของบางอย่างที่เหมือนเนื้อสัตว์ที่เอาไปย่าง
“กินสิ..”
“….”
ข้าถอยหลังอีกครั้ง เนื้อแบบนี้มันกินได้ด้วยงั้นเหรอ เนื้อก็หมายความว่ามาจากสิ่งมีชีวิต.. จะให้กินเนื้อของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับตัวเองเนี่ยนะ
ทำไมมนุษย์ถึง… แต่ท้องของข้าก็ร้องออกมาอีกครั้ง.. ก็ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้วนี่นะ..
“ไม่มีพิษหรอกน่า เจ้าหิวอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“อึก..”
ข้ากลืนน้ำลายเพราะกลิ่นของมันมนุษย์หญิงคนนั้นหยิบเนื้อมาจ่อปากข้า.. ข้ากัดฟันและเปิดปากออกเพื่อกัดเนื้อ
พอลิ้นข้าสัมผัสเข้ากับเนื้อย่างชิ้นนั้น ดวงตาของข้าก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ แล้วข้าก็รีบกินและกลืนเข้าไปจนหมดรวดเดียว
พอกินเสร็จผู้หญิงคนนั้นก็แก้มัดให้ข้า แล้วด้วยความหิวข้าก็รีบกินอาหารในกล่องด้วยความตะกละตะกลาม
“ค่อยๆ กินสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก..”
“อึก—”
“นั่นเห็นไหม พูดยังไม่ทันได้ขาดคำเลยให้ตายสิ ส่วนนี่น้ำ”
เธอยื่นขวดน้ำมาให้ข้าและข้าก็รีบกินน้ำ ก่อนจะกินต่อ.. ผ่านไปสักอาหารในกล่องก็หมดซะแล้วแต่ข้าก็อิ่มพอดี
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ?”
“ข้าชื่อชาร์ล็อต แต่ว่านะ ไม่ใช่ว่ามนุษย์เกลียดข้างั้นเหรอ?”
ข้าถามออกไป เพราะเหมือนเธอคนนี้จะให้อาหารที่แสนอร่อยกับข้าด้วยหรือว่าเธอก็เป็นอสูรเหมือนกับข้า?
ไม่น่าจะใช่ เพราะจากที่ฟังมาพวกอสูรนี่น่าเกลียดน่ากลัวไม่ใช่หรือไง.. ข้าที่กำลังสับสนผู้หญิงคนรั้นก็พูดขึ้น
“ชาร์ล็อตงั้นเหรอ.. อืม ข้าชื่อซิลฟี่ยินดีที่ได้รู้จักนะ! แต่ว่าทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ทำไมข้าต้องเกลียดเจ้าด้วย เจ้าไปทำอะไรไม่ดีเหรอ?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าที่ข้าทำมันดีหรือเปล่า….”
“งั้นแล้วเจ้าทำอะไรบ้างในแต่ละวัน”
“กินเห็ดแล้วก็ง่วงจนหลับ ตื่นมาก็หิวพอหิวก็กินเห็ด.. ทำแบบนี้อยู่ตลอด..”
“อืม งั้นเจ้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ แล้วทำไมข้าต้องเกลียดเจ้าด้วย”
“คนอื่นเขา..”
“ก็เรื่องของคนอื่นสิ งั้นตั้งแต่วันนี้ข้าจะเป็นเพื่อนให้เจ้าแล้วกันนะ!”
“เพื่อน?”
เธอพูดพร้อมกับตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ ดูเป็นคนที่มีแรงเยอะจริงๆ แม้แต่ข้ายังรู้สึกแปลกใจ
แต่ว่าเพื่อนนี่คืออะไรอย่างงั้นเหรอ เพื่อนนี่กินได้อย่างนั้นเหรอ ข้าที่กำลังสับสน ซิลฟี่ก็พูดขึ้นว่า
“แม้แต่เพื่อนก็ยังไม่รู้จักเหรอ เจ้านี่ประหลาดคนจริงๆ เพื่อนก็คือ…”
“คือ ….?”
“เอ๋ ว่าแต่แปลตรงตัวของคำว่าเพื่อนนี่มันคือไรนะ?”
“….”
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเป็นเพื่อนกันพวกเราจะเล่นด้วยกันตลอด อะไรประมาณนั้นนั่นแหละ เจ้าจะได้ไม่เหงาไงล่ะ!”
ด้วยเหตุนี้ข้ากับซิลฟี่ก็ได้เป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่ตอนนั้น.. แต่สิ่งที่ข้าไม่รู้ในตอนนั้นคือห่างไกลออกไปหลายเมตร
มีคนยืนมองพวกเราอยู่ แน่นอนว่าเขาคือเด็กชายที่ชื่อเคนจังนั่นแหละ พอเขามองไปที่ซิลฟี่สายตาก็เต็มไปด้วยความรัก
แต่พอเห็นคนที่อยู่ด้วยสายตาเขาก็มืดคล้ำ กำหมัดเบาๆ แล้วก็พูดขึ้นมา
“เป็นแค่อสูรที่เลวทราม..”
…………
หลายวันต่อมาหลังจากข้าได้รู้จักกับซิลฟี่ ข้านั่งรอซิลฟี่อยู่ใต้โขดหินที่ข้าใช้นอนประจำ เพราะว่าที่นี่ฝนก็สาดไม่ถึง แถมกันแดดได้ดีอีกต่างหาก
เหมาะเป็นที่พักมากๆ เลยล่ะ… ในตอนนั้นเองข้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนดังขึ้นข้ารีบวิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น
“ซิลฟี่”
แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่ซิลฟี่ เป็นเด็กผู้ชายที่มารังแกข้าเมื่อตอนนั้น พอเห็นสายตาของเขาข้าก็ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“ทำไม…”
เขาพูดขึ้นแล้วก็ปาดินทรายที่เหมือนจะกำไว้ในมือมาใส่ข้า ด้วยความตกใจจึงหลบไม่ทัน ทำให้ทรายเข้าตาข้า
แต่พอหลับตาลง เด็กผู้ชายคนนั้นก็วิ่งพรวดเข้ามาเอาแขนศอกกระแทกคอข้าและดันจนไปชนกับต้นไม้ด้านหลัง
“อ็อก..”
“ทำไมอสูรอย่างแกถึงกล้าคุยกับซิลฟี่! แกมันเป็นแค่อสูรชั่วร้ายไม่มีสิทธิ์!! ไม่มี!”
ศอกที่แทงมาที่คอข้าแน่นขึ้นจนข้าเริ่มหายใจไม่ออก ข้าไม่เข้าใจเลย.. ทำไมทุกๆ ครั้งที่คนคนนี้เข้ามาหาข้า
ต้องโกรธข้าตลอดเลย.. ข้าไม่ได้ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ ซิลฟี่เป็นคนบอกแบบนั้น.. แล้วทำไมข้าถึงต้องกลายเป็นฝ่ายครวญคราง
เป็นฝ่ายทรมาน.. ข้า… ข้าพยายามจะยกมือขึ้นและดึงแขนของเด็กคนนั้นออก แต่ว่าข้าไม่มีแรงมากขนาดนั้น
แต่ก็ช่วยให้ข้าหายใจออกและพูดออกไปได้
“ข้า.. ไม่ได้..ทำอะไร..ผิด”
“หุบปาก ตั้งแต่แกเปิดปากอันน่ารังเกียจของแกกับซิลฟี่นั่นแหละคือความผิด ซิลฟี่เป็นของฉัน แกที่เป็นแค่อสูรปีศาจไม่มีสิทธิ์ที่จะคุยกับนางฟ้าอย่างซิลฟี่!”
เขาพูดแบบนั้นแล้วก็ต่อยหน้าข้าแต่เพราะการใช้อารมณ์นั้นทำให้ศอกที่แทงมามันแทงเข้าจนขาดอากาศหายใจและทุกอย่างในสายตามืดบอด
จนดับไปสนิท… ข้าหลับลึกไปโดยไม่รู้ตัว..
สิ่งที่ผิดก็คือการที่ข้าคุยกับมนุษย์งั้นเหรอ อสุรกายอย่างข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกับซิลฟี่อย่างงั้นสินะ..
ใช่ นั่นคงเป็นความผิดของข้า ตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดปาก.. นั่นแหละคงเป็นความผิดของข้า…
ข้ามันสมควรอยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรก เพราะตอนตื่นมามันก็เป็นแบบนั้น ข้าไม่รู้จักว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร
แต่ตั้งแต่แรกเดิมทีข้าก็มาพร้อมกับตัวเปล่า คนเดียว.. ข้าน่ะ.. ไม่ควรที่จะรู้จักกับมนุษย์เลยสักนิด..
……
แต่ที่ชาร์ล็อตไม่รู้คือพอเธอหมดสติลงไป เด็กชายคนนั้นก็หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา…