บทที่ 225 – บัลลังก์มาร
สามารถกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรเลย.. แน่นอนว่าเลทิเซียเองก็ไม่ทราบว่ามันจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้เหมือนกัน
นี่คือพลังที่เขาสามารถใช้ได้นานแล้ว อันที่จริงที่มันชัดเจนขึ้นมาได้ล้วนเป็นเพราะเลมิสทาเรียที่สร้างแขนจากความว่างเปล่าก่อนหน้านี้
เหตุผลที่เลทิเซียไม่เคยใช้ท่านี้ออกมานั่นเป็นเพราะแม้แต่เธอเองก็ทราบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ในตอนนี้ มันก็คือท่าที่กำจัดทุกอย่างโดยไม่มีเหตุหรือผลลัพธ์ที่แน่นอน
จะว่าเหมือนความไร้ตรรกะก็ไม่เชิง เพราะว่ามันไม่มีแม้แต่แนวคิดความไร้ตรรกะหรือตรรกะในตัวเลย
จะพูดให้ถูกก็คือปรากฏการณ์ที่พลังนี้จะมอบให้เป็นสิ่งที่ไม่สามรถควบคุมหรือจัดการได้ด้วยแนวความคิดของสิ่งมีชีวิต
เพราะมันคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือรากฐานของสรรพสิ่ง แน่นอนว่ามันถูกสร้างขึ้นจากองค์ความรู้ พลังเวท พลังแห่งการแทรกแซงหรือแม้แต่ความทรงจำ
มันถูกสร้างขึ้นจากทุกๆ อย่างในตัวของเลทิเซียหลอมรวมเป็นพลังที่ไร้ซึ่งสรรพสิ่งและมีทุกสรรพสิ่งในเวลาเดียวกัน
เป็นสิ่งที่ทำลายทุกกฎเกณฑ์และสร้างทุกกฎเกณฑ์ในตัวได้เช่นกัน ไม่อาจนำเอาสิ่งใดมาจำกัดความพลังนี้ได้ทั้งสิ้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเมื่อใช้ท่านี้ออกไปเลทิเซียก็หน้าซีดเผือด เพราะมันกลืนกินทุกอย่างในร่างกายเธอไปจนหมด
เหตุผลที่เธอไม่ยอมใช้ท่านี้ตอนสู้กับหมึกแห่งกาลเวลาตนนั้นแต่เลือกใช้ร่างมารแทนเพราะว่า ท่านี้มันไม่มีผลลัพธ์ที่แน่นอน
หากใช้ไปมีความเป็นไปได้ว่าสังหารไม่สำเร็จแล้วตัวเองก็อาจจะถูกฆ่าซะเอง อีกทั้งหากใช้ไปแล้วบางทีเธอคงไม่มีแรงแม้แต่จะลอยตัวกลางอากาศด้วยซ้ำ
แต่ในคราวนี้เหตุผลที่เธอเลือกที่จะใช้ท่านี้เพราะว่าเธอต้องการจะกำจัดทุกคนที่ขวางทางให้หมดและภายใต้ความโกรธที่มากมหาศาล
มันส่งผลให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ อีกทั้งถ้าหากใช้ร่างมารแม้มันอาจจะไม่ได้กลืนกินพลังเวทมากมายเหมือนท่านี้
แต่ถ้าหากจะกำจัดศัตรูนับแสนการจะใช้ร่างมารแล้วปลดปล่อย วาจามาร ที่สามารถบิดเบือนกฎเกณฑ์ได้โดยตรงต่อให้เป็นเธอก็ยังยาก
สู้จัดการทีเดียวให้หายไปหมดดีกว่า เลทิเซียไม่ได้รอดูผลลัพธ์ เธอพุ่งดิ่งไปทางเมืองหลวงด้วยความเร็วสูงสุด
ในปราสาทชั้นบนสุด เลมิสทาเรียกำลังเตรียมการเคลื่อนย้ายพร้อมกับไบรอัสนั้นเองหลังคาปราสาทก็พลันมีเสียงดังสนั่นดังขึ้น
“ปัง”
เงาร่างของเลทิเซียพุ่งดิ่งลงมาจากกลางอากาศเพื่อลงไปทางเลมิสทาเรีย ไบรอัสตอบสนองอย่างรวดเร็วผลักเลมิสทาเรียออกไปด้านข้าง
“ท่านพี่!!!”
เลมิสทาเรียตะโกนออกมาอย่างตกใจแต่ทว่า ฝ่ามือของเลทิเซียก็แทงทะลุอกของไบรอัสเข้าไปเสียแล้ว
หัวใจสดๆ ของไบรอัสเต้นอยู่บนมือเลทิเซียอย่างน่ากลัว เลมิสทาเรียรู้สึกเหมือนเคยเห็นภาพนี้มาก่อน เธอถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
แต่ทว่าเมื่อเลทิเซียสะบัดมือร่างของไบรอัสก็กลิ้งลงบนพื้น ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเลมิสทาเรียด้วยความเร็วสูง
เลมิสทาเรียเหวี่ยงหมัดออกไปใส่เลทิเซีย แต่ทว่ามันกลับพลาดเป้าเพราะเมื่อโดนร่างเลทิเซียก็สลายหายไปพลันปรากฏขึ้นมาขากด้านหลังเลมิสทาเรีย
เลทิเซียจับหัวกับไหล่ของเลมิสทาเรียด้วยมือสองข้างก่อนที่จะฉีกมันออก เสียงกรีดร้องโหยหวนของเลมิสทาเรียดังขึ้น
เลือดสดๆ พุ่งออกมาจากคอของเธอกระดูกสันหลังที่ติดกับกระโหลกถูกดึงออกมาพร้อมกัน
ภาพนี้มันดูสยดสยองไม่น้อย เลมิสทาเรียก็เจ็บปวดทรมานน้ำหูน้ำตาไหลและตายไปทั้งแบบนั้น ไบรอัสที่ฟื้นขึ้นมาพอดีเห็นใบหน้าที่น่าอเนจอนาถของน้องสาว
และความตายอย่างไร้ปรานี
“ข้าจะฆ่าแก.. ไอ้ปีศาจ อ้ากกก”
ไบรอัสตะโกนออกมาด้วยความโกรธ หยิบดาบขึ้นพร้อมกับพุ่งแทงใส่เลทิเซีย แต่ทว่าเลทิเซียก็ใช้มือที่ถือหัวของเลมิสทาเรียมารรับดาบของไบรอัส
ปลายดาบนั้นแทงทะลุหนังศีรษะเข้าไปโดนมือของเลทิเซียแต่ทว่าสีหน้าของไบรอัสกับมืดครึ้มเขาปล่อยมือออกจากดาบ
แม้จะไม่ตายแต่ทว่าเขาก็ยังเจ็บปวดเหมือนเดิมที่ทำให้น้องสาวมีสภาพเช่นนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากปากเขา
“ไม่ ไม่ ไม่!!! ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้.. ทำไม… ทุกอย่างเป็นเพราะแก ไอ้ปีศาจ ข้าจะฆ่าแก อ้ากกกก”
ความสิ้นหวัง ความโกรธ อารมณ์มากมายถาโถมเข้ามาในหัวของไบรอัสจนแทบจะเป็นบ้า เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งนั่นทำให้เลทิเซียหัวเราะออกมา
“ปีศาจ..? ฉันน่ะเหรอ ปีศาจ..? แล้วพวกแกมันคืออะไร พวกแกพรากชีวิตคนสำคัญของฉัน พวกแกพรากความสุขไปจากเธอ พรากครอบครัว พรากทุกอย่าง ถ้าหากฉันเป็นปีศาจ แล้วพวกแกจะต่างอะไรไปจากเดรัจฉาน ฮ่าๆ อย่ามาพูดให้ตลกเลย.. พวกแกทุกคน.. พวกบัดซบที่เห็นด้วยกับแกทุกคน.. ฉันจะลากคอมันออกมาฆ่า.. ฆ่า.. มาดูกันว่าฉันจะต้องฆ่าพวกแกอีกกี่รอบถึงจะตาย”
เมื่อเจอกับความบ้าคลั่งเลทิเซียกลับเหมือนจะบ้าคลั่งยิ่งกว่า เธอราวกับคนบ้าเสียงตะโกนของเธอดังขึ้นกลบเสียงทุกอย่างไปจนหมด
“หุบปาก.. หุบปาก.. พวกแก.. พวกแกทุกคนมันก็แค่หมาก แค่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็ดีแล้วแท้.. แกมันนอกคอก ไอ้ปีศาจชั่ว”
เสียงร้องของไบรอัสดังขึ้น แต่ทว่ายังไม่ทันได้พูดจบ หมัดเลทิเซียก็ตรงใส่ปากของเขา ร่างกายที่แม้จะแข็งแกร่งแต่พอโดนกำปั้นเล็กๆ ของเลทิเซีย
กรามเขาก็แตกทันที ร่างกายปลิวละล่องไปอัดผนังจนกระดูกหักไปทั่วทั้งร่าง ในขณะที่เลมิสทาเรียฟื้นคืนชีพกลับมาก็ถูกเลทิเซียอัดอีกรอบ
บัดนี้ห้องแห่งนี้ไม่ใช่การต่อสู้อีกต่อไป.. เพราะทั้งเลมิสทาเรียและไบรอัสเองก็ต่างไร้ซึ่งพลังที่จะต่อต้าน กำปั้น ฝ่ามือ คมดาบ และคมเขี้ยว
ทุกอย่างที่สามารถสร้างบาดแผลให้สองพี่น้องได้ เลทิเซียใช้ทุกอย่าง เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง การทรมาน
ราวกับความบ้าคลั่งทั้งหมดของเลทิเซียตลอดชั่วชีวิตได้ระเบิดออกมา บนพื้นเต็มไปด้วยรอยเลือด ทุกครั้งที่เลทิเซียโจมตีจะต้องมีใครสักคนบาดเจ็บสาหัส
ดวงตาของเลทิเซียเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและชิงชังเธอไม่เคยโกรธใครขนาดนี้มาก่อน เลือดของอีกฝ่ายกระเซ็นโดนแก้มของเธอ
ร่างกายของสองพี่น้องในตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เลทิเซียเคยทำเรื่องราวโหดร้ายแบบนี้กับคนอื่น
เลมิสทาเรียฟันแตกกระดูกขาหักบิดงอ แขนขาดตาหลุดออกจากเบ้านอนจมกองเลือดราวกับว่าจะตายมิจะตายแหล่
ต่อให้เป็นเธอที่มีชีวิตมาอย่างยาวนานในตอนนี้ยังมีน้ำหูน้ำตาไหล หวาดกลัว.. หวาดกลัวต่อความโหดร้ายเบื้องหน้า
ไบรอัสเองก็มีสภาพไม่ต่างกันซะ เลทิเซียจ้องมองอีกฝ่ายที่เหมือนจะใกล้ตาย แต่พอนึกถึงใบหน้าของสเตฟานี่
นึกถึงรอยยิ้มของเธอ นึกถึงเสียง.. นึกถึงพ่อแม่ของเธอ นึกถึงครอบครัวของเธอ เลทิเซียกัดริมฝีปาก
“อ้ากกกกกกก”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวดยกแขนสองข้างขึ้นและทุบใส่ร่างของสองพี่น้องนี้
“ตู้ม ตู้ม ตู้ม”
พื้นหินต่างพังทลายลงไปเพราะแรงกระแทก สองพี่น้องตกตายไปในชั่ววินาทีเดียวกัน แผ่นดินถล่มลงมาพร้อมกับทำให้หอคอยปราสาทถล่มลงไป
และร่างพวกเขาทะลุลงมาจนถึงห้องโถงพระราชามีพรมแดงลากยาวไปจนถึงบัลลังก์ที่เคยเป็นของไบรอัส
แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาสองพี่น้องนอนกรองราบอยู่บนพื้น.. เลทิเซียที่แทบจะไม่เหลือพลังให้ใช้ เธอถอยหลังโซเซไปนั่งบนบัลลังก์ของไบรอัส
สภาพเธอในตอนนี้เองก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นักเพราะพลังที่ใช้ไปก็เยอะมาก เธอไม่ได้ใช้พลังในการรักษาตัวเองด้วย
ถึงจะเป็นการฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายก็ตอบโต้บาง ดังนั้นในตอนนี้สภาพของเลทิเซียก็นับว่าแย่ไม่ต่างกัน
ตาของหนึ่งมีเลือดไหล คอเองก็หัก ร่างกายทั้งร่างมีบาดแผลเลือดไหลซิบ…
เธอจ้องมองไปยังไบรอัสและเลมิสทาเรีย.. ก่อนที่ในตอนนั้นเองหัวของสเตฟานี่ก็ปรากฏขึ้นบนตักของเลทิเซีย
เธอยกแขนขวาขึ้นมาค้ำคางตัวเองไว้จ้องมองไปที่ไบรอัสและเลมิสทาเรียพร้อมกับหัวของสเตฟานี่ที่วางอยู่บนตัก
ไร้ซึ่งคำกล่าว มีเพียงดวงตาที่จดจ้องไปเบื้องหน้าไปยังบุคคลที่ต่ำกว่า
ภาพนี้มันช่างดูน่าพิศวงอย่างยิ่ง..