บทที่ 236 – สเตล
ฉันเลทิเซีย… หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น.. ดูเหมือนว่าจะผ่านมาแล้วสองเดือน ฉันเองก็พึ่งฟื้นเมื่อเดือนก่อน
แต่เหมือนจะมาอยู่ในโรงเรียนแล้ว.. ฉันจำทุกอย่างได้ดี.. และฉันก็จำสิ่งที่ฉันทำได้.. คนมากมายนับล้านตายไปด้วยฝ่ามือของฉัน
ฉันเป็นคนฆ่าพวกเขา.. สเตฟานี่ก็ตายส่วนเซเรสก็ตกอยุ่ในสภาวะโคม่า.. ตลอดหลายสิบวันที่ผ่านมาฉันได้แต่ตั้งคำถามว่า..
ทำไมฆาตกรที่ห่าคนไม่เกี่ยวข้องอย่างฉันถึงมาอยู่ในรั้วโรงเรียนเหมือนคนธรรมดา.. ทำไมฉันถึงไม่โดนลงโทษอะไร..
ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันฆ่าสองคนนั้น.. ต้นเหตุที่ทำให้สเตฟานี่ตายนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและควรทำ.. แต่ฉันไม่คิดเสียใจในสิ่งที่ฉันทำ
พี่เอลน่าคอยบอกฉันตลอดและสอนฉันเสมอมาว่า การพรากชีวิตไม่ใช่การแก้ไขเมื่อสูญเสียชีวิต
ใช่ ต่อให้ฉันฆ่าสองคนนั้นไปมันก็ไม่เปลี่ยนอะไร ฉันไม่คิดว่าคำพูดของพี่มันผิด แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็จะคงทำแบบเดิม
นี่ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวฉันเอง.. แต่ที่ฉันยังรู้สึกกลัวในตอนนี้.. คือคนนับล้านที่ตายเพราะฉัน.. ฉันฆ่าพวกเขา
มือของฉันสั่นตลอดเวลาที่ฟื้นขึ้นมา ความรู้สึกสิ้นหวัง เจ็บปวด ทรมาน เหมือนเสียงเหล่านั้นกรีดร้องอยู่รอบตัวฉัน..
มันเป็นเหมือนคำสาปแช่ง ความเกลียดชังที่ตายจากตัวฉัน พวกเขาสาปแช่งฉันด้วยความเกลียดชังแม้จะตกตายไปแล้ว
ความรู้สึกเหล่านั้นมันมีมากมายและไม่เคยหยุด แม้แต่ตอนกลางคืนฉันยังนอนแทบไม่หลับ..
“ทำไมพวกเราต้องตาย? บ้างล่ะ”
“ทำไมแกถึงไม่โดนโทษทัณฑ์? บ้างล่ะ”
“แกมันเป็นปีศาจสมควรตายยิ่งกว่าใครทั้งสิ้น บ้างล่ะ”
เสียงที่ไม่มีอยู่จริงแต่ก็เหมือนมีอยู่มันดังขึ้นอยู่ข้างหูของฉันแทบตลอดเวลา
ฉัน.. ควรจะทำยังไงดี..
สเตฟานี่…
ฉันยืนจ้องมองหลุมศพสเตฟานี่ ฉันเอาศพของเธอมาฝังไว้ที่เดียวกับที่ศพของครอบครัวเธอฝังอยู่
ข้างๆ หลุมศพสเตฟานี่มีหลุมศพ พ่อแม่ของเธอและปู่และคนจากรุ่นสู่รุ่นหลายชั่วอายุคนฝังอยู่ในป่า.. ฉันรู้จักที่นี่เพราะความทรงจำสเตฟานี่
ส่วนสร้อยคอผลึกชีวิตที่ได้มาจากแข่งขันฉันก็แขวนไว้ตรงป้ายหลุมศพเธอ ฉันรู้ว่านี่เป็นแผนของสองพี่น้องคู่นั้น
เพราะว่าตอนที่เลมิสทาเรียจะแย่งร่างฉันไปแต่ก็ไม่สำเร็จฉันได้ความทรงจำของเธอมาบางส่วน
ในที่แห่งนี้นอกจากฉันก็ไม่มีใครอีก เธอตายลงไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครมาแสดงความเสียใจด้วย..
อ่า.. จู่ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาจากดวงตา.. ทำไมกัน.. ทำไมบนโลกนี้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าความตาย
ทำไมเธอต้องตาย ทำไมทุกคนต้องตาย.. บนโลกที่มีพระเจ้าที่เห็นทุกอย่างแบบนี้ พวกเขาไม่เคยรู้สึกสงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรแต่กลับต้องมาตายทั้งแบบนี้งั้นเหรอ
ทำไมพระเจ้าถึงได้โหดร้ายแบบนี้กันล่ะ..
ไม่สิ.. ฉันคงว่าคนอื่นไม่ได้เพราะสุดท้ายแล้วฉันก็ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับคนนับล้าน.. ฉันน่ะ..
“เอ่อ….”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันหน้าไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขาสูงกว่าฉันไปเยอะมาก ผมสีดำยาวสวมชุดรุงรังเหมือนกับคนไร้บ้าน
แต่ใบหน้าที่ดีของเขามันกลับยังคงชัดเจน มองดูแล้วมีหน้าตาเหมือนกับสเตฟานี่อยู่บ้างเล็กน้อย
“…”
พอเขาเห็นหน้าฉันเขาก็เหมือนตกใจก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน บางทีอาจจะมีแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ที่สะอาดที่สุดที่มีบนตัวเขา
ฉันก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร..
“ขอบคุณมาก.. ท่านพี่”
ฉันรับมาแล้วก็พูดออกไปแบบนั้นแต่คำสุดท้ายที่เพิ่มเติมเข้าไปฉันยังตกใจ แน่นอนว่าชายตรงหน้าก็ตกใจเหมือนกัน..
ในแทบจะจังหวะนั้นเขาก็ก้าวเข้ามากอดฉัน กอดฉันด้วยความรู้สึกมากมายยากจะกล่าว ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดนี้..
ฉันเคยสัมผัสมันมาก่อน.. จากพี่เอลน่ากอดที่อ่อนโยนของผู้เป็นพี่..
“พี่ขอโทษ..ขอโทษจริงๆ สเตฟานี่..”
ใช่ เขาคือพี่ชายของสเตฟานี่ที่ออกจากบ้านไป.. แม้สเตฟานี่จะโกรธพี่ชายที่ทิ้งเธอกับพ่อแม่ไป แต่ก่อนหน้านั้นสเตฟานี่ก็รักพี่ชายตัวเองมาก
เธอทั้งชื่นชมและนับถือพี่ชายของเธอ แต่อยู่มาวันหนึ่งพี่ของเธอก็ทำตัวเสเพลทั้งที่บ้านยากจนและจู่ๆ เขาก็ออกจากบ้านไป
“ฉันไม่ใช่สเตฟานี่หรอกนะ”
ฉันพูดออกไป อันที่จริงที่ฉันเรียกเขาว่าพี่อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งของความทรงจำสเตฟานี่ที่คิดถึงพี่ชายตัวเองอยู่ตลอด
พอเจอเขาเลทิเซียที่มีความรู้สึกของสเตฟานี่จากความทรงจำของเธอ ฉันเลยเผลอเรียกออกมาโดยไม่รู้ตัว..
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ก็เป็นผ้าเช็ดหน้าที่สเตฟานี่ถักทอให้พี่ชายเธอเองกับมือ และมันยังคงสะอาดเห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับมันมาก
ฉันจึงพอเดาได้ว่าเขาคงมีเหตุผลอะไรของตัวเอง
“อ่า… ขอโทษนะ”
ชายคนนั้นจึงกล่าวขอโทษพร้อมกับรีบปล่อยฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไร.. พวกเรายืนมองหลุมศพสเตฟานี่เงียบๆ เพียงสองคน
“ข้ามีชื่อว่า สเตลยินดีที่ได้รู้จักนะ เป็นพี่ชายของสเตฟานี่ ส่วนเธอคือ..?”
หลังจากเงียบไปหลายนาทีเขาก็กล่าวถามขึ้น ฉันก็ตอบกลับไป
“รู้อยู่แล้วล่ะ.. ฉันมีชื่อว่าเลทิเซียยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ฉันตอบกลับไปแบบนั้น และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกันพวกเราตกอยู่ในสถานการณ์เงียบงันอีกรอบ
หลายนาทีต่อมา ชายคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“สเตฟานี่น่ะ.. เธอเป็นเด็กดี.. เอางานเอาการยิ่งกว่าข้า”
“อืม..”
“ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อย่างไหนเธอก็ไม่ยอมแพ้”
“ฉันรู้..”
“ถูกส่งไปเรียนในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ไม่มีเพื่อน ไม่มีเงิน ไม่แม้แต่ที่พักพิงเธอก็ไม่เคยยอมแพ้”
“ฉันรู้”
เขากล่าวพึมพำ เสียงที่เบาๆ ในตอนแรกก็เหมือนจะเริ่มเป็นการตะเบ็งเสียงและกลายเป็นตะโกน.. น้ำตาของเขาไหลออกมาจากดวงตา
“ไม่เหมือนกับข้า.. ข้าที่ขี้ขลาดตาขาวไปยืมเงินจากพวกองค์กรมืด เล่นพนันสุดท้ายแพ้หมดเนื้อประดาตัวถูกจับไปเป็นขี้มือขี้เท้าของคน”
“…เป็นแบบนั้นเองสินะ”
พยายามที่จะช่วยครอบครัวในแบบของตัวเองแต่สิ่งที่เขาเลือกทำกลับเป็นการพนันสุดท้ายหมดเนื้อหมดตัวจนถูกจับ
เพราะแบบนี้เองสินะ
“ข้าน่ะ.. ข้าน่ะไม่เข้าใจทำไมเธอต้องมาตายตอนนี้ด้วย เธอยังไม่ได้เห็นแม้แต่ปลายทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่รอเธออยู่”
นั่นสินะ..
“เธอน่ะลำบากตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลกครั้งแรก จนถึงวันสุดท้ายเธอก็ยังลำบาก วันที่เธอสูญเสียพ่อแม่ไป ข้าผู้เป็นพี่ชายกลับไม่ได้อยู่เคียงข้าง”
อืม..
“เธอต้องทนเจ็บปวดทรมานอยู่เพียงคนเดียว แต่ข้ากลับไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เพื่อให้เธอปรึกษา”
….ฉันไม่สามารถกล่าวคำพูดอะไรออกไปได้ เพราะฉันเองก็เป็นเหมือนกับชายตรงหน้า ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอตอนที่เธอเป็นอะไรไป
ตอนที่เธอเศร้า ตอนเธอเจ็บปวด… แต่ทว่าความรู้สึกฉันในตอนนี้กลับมีอย่างอื่นอยู่อีก.. มันมีมากกว่านั้น.. มันคืออะไรกันน่ะ..?