บทที่ 243 – เสียงสะอึกและความสิ้นหวัง
กลางดึกเลทิเซียเธอนอนหลับอยู่บนเตียงห้องพยาบาล ลาน่าได้จากไปแล้วในตอนนี้จึงมีแค่เลทิเซียกับเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่
เลทิเซียในตอนนี้กำลังมีสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานราวกับเจอเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดอยู่..
“ไม่.. สเตฟานี่.. จะไม่พูดแบบนั้น.. ไม่”
เธอพึมพำออกมา ก่อนที่ดวงตาจะเปิดขึ้นและก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
“แฮ่กๆ .. ฝันงั้นเหรอ..”
เธอพึมพำแต่สายตาก็หันไปเห็นร่างของเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ ความทรงจำก่อนที่จะหมดสติก็ไหลเข้ามาในหัว
“ฉัน…”
เธอพูดไม่ออก สีหน้าเจ็บปวดทรมานมันฉายบนใบหน้าของเธอ เธอกัดฟันเอาไว้ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งข้างๆ เซเรส
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเธองั้นเหรอ.. ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้.. นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่
“ฉันเป็นคนทำให้ทุกอย่าง..บิดเบี้ยว..”
เลทิเซียกัดฟัน.. อันที่จริงหากมาลองคิดดูราวกับว่าเลทิเซียเป้นเหมือนตัวดวงซวยสำหรับโลกใบนี้
การกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอในตอนแรกมันนำพาไปสู่อนาคตที่ผิดแปลกออกไป.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิ้นส่วนเวหา
เรื่องเซเรสกับสเตฟานี่.. หรือแม้แต่เรื่องของโคลเอ้ที่ตอนนี้เลทิเซียยังไม่ทราบด้วยซ้ำ การกระทำของเธอมันสอดคล้องไปยังความตายของคนที่อยู่รอบข้างทั้งหมด
ราวกับว่าเธอคือบ่วงโซ่แห่งความโชคร้าย..
“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง.. ฉันขอโทษ..”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ.. แต่ในตอนนั้นเองฝ่ามือของเซเรสก็ยื่นมาจับแขนเลทิเซียไว้แน่น
“ไม่.. ข้า.. ข้าน่ะ…”
เธอพึมพำออกมาแม้ตอนไม่ได้สติมือข้างนั้นคว้าแขนเลทิเซียแน่นจนเป็นรอยช้ำ.. หางตาของเซเรสมีน้ำตาไหลออกมา
สภาพของเธอดูทรมานมาก เลทิเซียกัดริมฝีปากหัวใจเหมือนกับถูกบางอย่างกรีดแทง.. ความเจ็บปวดที่เซเรสได้เจในตอนนี้เป็นเพราะเธอ
ไม่ใช่แค่นั้นในอดีตเธอยังต้องสัมผัสกับความรู้สึกสูญเสียความทรงจำไปเหมือนกับมีเงามืดวิ่งไล่ตามหลังมาเรื่อยๆ ..
ความเจ็บปวดในยามหลับ.. ความทรมานในการที่ต้องฆ่าฟันกับเพื่อน.. ความเสียใจที่ดาบในมือของตัวเองมันตัดคร่าชีวิตเพื่อน..
“มันเป็นเพราะฉันเอง…”
เสียงสะอึกสะอื้นดังออกจากปากของเลทิเซียเงียบๆ เธอใช้มือของตัวเองจับมือของเซเรสเอาไว้.. น้ำตาสีใสหยดลงบนมือของเซเรส
ไม่ใช่ความหวาดกลัวเจ็บปวดทรมาน.. แต่เป็นความสะอึกสะอื้นอย่างเงียบงัน.. ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะพรรณนาออกมาได้มันมีมากเกินไป
แม้แต่การกรีดร้องก็ไม่อาจช่วยอะไร การระเบิดอารมณ์ไม่ช่วยอะไร.. ความรู้สึกที่มากมายเหลือจะกล่าวนั้นสุดท้ายจึงกลายเป็นความสิ้นหวังที่ไร้ทางแก้
มันไม่มีทางออกสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว.. สุดท้ายจึงมีความสะสะอื้นที่จนปัญญาสิ้นทั้งพลังกายหรือพลังใจ
ใบหน้าของเธอก้มลงจนแทบแนบกับมือของเซเรส.. เสียงสะอึกสะอื้นที่สิ้นหวังนี้แทบจะก่อให้เกิดเรื่องเล่าประหลาดขึ้น..
“ฉัน.. จะต้องทำยังไงดี..”
“ฉันควรทำยังไงดี.. ฉัน.. ฉันน่ะ..”
เธอพึมพำอย่างเสียใจ..
“ฉันยังพยายามไม่มากพอเหรอพี่.. ฉันยังไม่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ.. ทำไม.. ฉันถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว..”
“ทุกครั้งที่ไร้ซึ่งหนทางฉันก็จะเรียกหาพี่.. เป็นแบบนั้นอีกแล้วเหรอ.. ทำไมกันล่ะ.. การเป็นผู้ใหญ่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้กัน..”
“ฉันไม่อยากเป็นแล้ว.. ไม่เอาแล้ว.. อนาคต.. ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้.. ใครก็ได้… ช่วยฉันที”
เสียงร้องไห้ของเธอนั้นไม่ได้ดังแต่กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และอ้อนวอนต่อพระเจ้า..
“ได้โปรด.. คืนทุกอย่างกลับคืนมา.. ต่อให้ฉันต้องหายไป.. ก็เอาชีวิตทุกคนกลับมาเถอะ.. ถ้าหากทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน.. แค่ให้ฉันหายไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง.. ทำไมกัน.. ทำไมกัน”
เธอพึมพำ.. แต่ทว่าโลกกลับไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลย.. ประตูห้องพยาบาลถูกผลักออก.. พร้อมกับใครสักคนที่เลทิเซียไม่รู้จักที่วิ่งเข้ามา
“ท่านเลทิเซียแย่แล้ว!!”
เสียงนั้นดูตื่นตระหนกมาก ทำให้เลทิเซียหันกลับมาหาต้นเสียง.. แต่ยังไม่ทันได้ให้เธอเช็ดน้ำตาหรือแม้แต่กล่าวตอบคำพูดสั้นๆ ก็ดังขึ้น..
“มีคนเจอศพของโคลเอ้อัศวินที่มาที่โรงเรียนนี้กับท่านที่ป่าแถวนอกโรงเรียน”
“….”
สีหน้าเลทิเซียแปรเปลี่ยน ภาพของโคลเอ้ลอยขึ้นมาในหัวของเธอ.. สีหน้าของเลทิเซียบิดเบี้ยว..
ตาย..? โคลเอ้น่ะนะ.. พูดอะไรน่ะ..มันเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ.. ตั้งแต่จบเรื่อง.. เธอก็ไม่ได้คุยกับโคลเอ้เลยนะ..
แล้วมาบอกว่าตาย..มัน.. โคลเอ้ที่เติบโตมาด้วยกัน โคลเอ้ที่ฝึกดาบด้วยกัน โคลเอ้ที่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้เหมือนกัน
“….”
เลทิเซียไร้ซึ่งคำพูด ดวงตาของเธอมืดมัวแล้วก็ดึงแขนออกจากฝ่ามือของเซเรสก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปในทันที สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูไม่ได้เลยสักนิด
“มันไม่ใช่เรื่องจริง..”
เลทิเซียกัดฟันพูด เธอเร่งรีบจนไม่ได้มองดูด้านหลังเลยว่าทันทีที่เธอวิ่งออกจากห้องพยาบาลแห่งนี้ไปพร้อมกับคนที่มาบอกเธอนั้น
ดวงตาของเซเรสก็ลืมขึ้นอย่างช้า มือของเธอคว้าได้เพียงความว่างเปล่า..
สีหน้าของเธอสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มจำทุกอย่างได้.. รอยบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏขึ้น
“ไม่.. ไม่”
นั่นคือสิ่งแรกที่เธอพูดขึ้นเสียงตะโกนของเธอไม่ดังมากเพราะไม่ได้เปล่งเสียงมาเกือบสองเดือน.. มือสองข้างยกขึ้นกุมหัว
“ข้า.. ข้า.ง ทุกอย่างเป็นเพราะข้า.. ข้าฆ่าสเตฟานี่.. อ้ากกกก”
เธอในตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ อันที่จริงนั่นเป็นเพราะการสูญเสียสเตฟานี่สำหรับเซเรสนั้นมากเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนสำคัญ.. หรือสิ่งที่เลทิเซียพูดกับเธอมันกระทบกับจิตใจจนทำให้หัวใจเธอพังทลายลง
อันที่จริงยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กดังนั้นเมื่อเจอเรื่องที่รุนแรงขนาดนั้นเข้าไป มันคงเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากกว่าที่เธอยังสามารถเสียใจได้อยู่
ดีที่ความรู้สึกของเธอไม่หายไป.. อย่างไรก็ตามเมื่อไร้ที่พักพิง.. เธอก็เหมือนมีอาการประสาทหลอนเช่นเดียวกัน..
ความกลัว ความรู้สึกผิด ความเกลียดชังตัวเอง.. ทุกอย่างมันทำให้เธอเริ่มเห็นภาพหลอนในแทบจะทันที..
“ไม่.. ไม่…ไม่ ข้า.. ข้า… ข้า”
คำพูดที่เปล่งออกจากปากของเธอไม่เป็นประโยคราวกับคนบ้า.. ไม่สิ เธอในตอนนี้คงกลายเป็นบ้าไปแล้วเสียมากกว่า
“ตายซะเถอะ.. เซเรส”
“ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเซเรส..”
“ไม่ต้องห่วงเซเรสถ้าเธอตาย โดยฝีมือฉันเสร็จ ฉันก็จะฆ่าตัวตายตามเธอไปเอง ฮ่าๆ”
คำพูดของเลทิเซียและสเตฟานี่มันวนอยู่รอบข้างเธอ มันทำให้เธอหวาดกลัว เสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานดังออกมาจากปาก
แต่เพราะห้องพยาบาลไม่ได้อยู่ใกล้หอพักของครูบาอาจารย์หรือหอพักนักเรียนเลย.. เสียงร้องของเธอก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง
เธอเอาหมอนมาปิดหูไว้.. แต่ภาพหลอนอันน่ากลัวก็ยังลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าเธอ ภาพของสเตฟานี่ที่หัวขาดในมือถือหัวตัวเองแล้วพูดกับเธอ
ในขณะที่ด้านข้างมีเลทิเซียด่าทอเธออย่างบ้าคลั่ง.. ไอ้คนฆ่าเพื่อนน่ะ..มันสมควรตายสมควรหายไป..
“ไม่.. ทำไม.. ไม่ ทำไม ไม่.. ข้า.. อ่า.. นะ..”
คำพูดไม่เป็นคำพ่นออกมาจากก้นบึ้งแห่งจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความกลัว..เธอถอยหลังไปจนตกเตียง
“ไม่.. อย่า.. ข้าไม่.. ไม่ใช่ .. ข้า”
ความกลัวมันมากมายจนกัดเซาะหัวของเธอและในตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น..ภายในหัวของเธอมีเสียงดังสนั่น
“ข้า..จำทุกอย่างได้..แล้ว..”
“ฮ่าๆ .. ข้าจำได้แล้ว..ข้าจำได้แล้ว.. ฮ่าๆๆ”
จู่ๆ เสียงหัวเราอันบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเซเรสทั้งอย่างนั้น เธอหัวเราะทั้งน้ำตา