บทที่ 273 – ยัยบ้า…
“รอยแผลนั่นมัน…”
เลทิเซียพึมพำด้วยความสับสน.. เธอมั่นใจว่าก่อนหน้านี้ชาร์ล็อตไม่มีบาดแผลที่น่ากลัวเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าร่างกายเธอไม่เคยมีรอยแผลเป็น
แต่มันก็ไม่มากขนาดนี้.. แถมแผลเหล่านี้ยังเหมือนไม่หายดี บางทีคงถูกบังคับรักษาอย่างเร่งรีบและทิ้งรอยแผลไว้บนร่างกาย
เลทิเซียพยายามจะยื่นมือเข้าไปจับชาร์ล็อตแต่ก็หยุดชะงักลง.. เธอควรจะทำอะไรในตอนนี้..
ชาร์ล็อตในตอนนี้..ที่สูญเสียอันน่าไป.. เลทิเซียมั่นใจว่าคนที่เสียใจที่สุดต้องเป็นชาร์ล็อต..
เธอรู้ว่าการที่ต้องสูญเสียครอบครัวนั้นเจ็บปวดขนาดไหน.. ช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันมา ช่วงเวลาที่เคยมีความสุขด้วยกัน
หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่เศร้าใจ.. แต่ช่วงเวลานั้นหายไปแล้วโดยที่ตัวเองไม่อาจไขว่คว้าหรือจับมันเอาไว้ได้..
เธอน่ะเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ดียิ่งกว่าใคร.. เลทิเซียจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า.. เธอในตอนนี้ควรจะทำอะไรกันแน่..
เธอควรอย่างไรถึงจะช่วยชาร์ล็อตออกมาจากบ่วงโซ่แห่งความเศร้านั้นได้ เพราะเธอรู้ว่าหากวนเวียนอยู่แต่กับสิ่งนั้นมันมีเพียงแต่จะเลวร้ายลง
การตายของเซเรสและสเตฟานี่คือคำอธิบาย.. เพราะเธอยึดติดแต่แนวคิดเดิมในอดีต.. จมปลักกับสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว..
เสียใจมาตลอดจนลืมมองข้ามคนที่อยู่ข้างๆ .. พอรู้ตัวว่าบนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ครอบครัวที่ใส่ใจเธอ..
มันก็สายเกินไปแล้ว.. หากที่ชาร์ล็อตตัดสินใจมาอยู่ที่นี่เองก็หมายความว่า บางทีเธอคงจะสิ้นหวังจนถึงขั้นต้องเชื่อใจนิทานปรัมปราของศาสนจักรอะไรนี่
แต่ว่า.. ตัวเธอน่ะ.. ตัวเลทิเซียน่ะมีสิทธิ์ที่จะก้าวเข้าไปอยู่เคียงข้างชาร์ล็อตและอยู่ข้างกายเธอจริงงั้นเหรอ..
แรกเริ่มเดิมที.. อันน่าที่คิดเรื่องของชาร์ล็อตอยู่เสมอตามความทรงจำของเลทิเซียน่ะ.. จะอยากให้ชาร์ล็อตมาอยู่กับคนแบบเธอจริงๆ เหรอ..
คนที่ทำร้ายพวกเธอทั้งสองอย่างเลทิเซียน่ะ..คู่ควรที่จะพูดคำปลอบใจคนตรงหน้านี้อย่างงั้นเหรอ?
เลทิเซียได้เพียงแต่นิ่งเงียบกับความรู้สึกอันมากมายที่เอ่อล้นออกมาจากภายในอก.. ภายใต้เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเสียใจของชาร์ล็อต
ฮิสครอมที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย.. ทั้งความเจ็บปวดของชาร์ล็อตและการตายของอันน่า.. ทุกอย่างมันเต้นอยู่บนฝ่ามือของเขา
ไม่สิ.. ถ้าจะพูดให้ถูกคือบนฝ่ามือของท่านสันตะปาปา.. แผนการทุกอย่างมันเริ่มขึ้นเมื่อท่านสันตะปาปาได้เห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น..
เขาได้เล่าว่าในอนาคตอีกไม่ถึงสิบปี.. จะเกิดมรสุมครั้งใหญ่ขึ้นจนแม้แต่เขาก็มองไม่เห็นอนาคตที่แน่ชัด..
ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาฮิสครอมตกใจอยู่มากเพราะดวงตาของท่านสันตะปาปานั้นคือการเมินเส้นเวลาและมองทะลุไปสู่ความเป็นจริง
ซึ่งมันไม่มีทางจะมีปัญหา.. แต่มันก็มีปัญหาซึ่งคาดเดาได้เพียงว่าในอนาคตคงมีเรื่องราวใหญ่โตบางอย่างเกิดขึ้น
แต่ในตอนที่ท่านสันตะปาปากำลังจะถอยกลับมา.. ท่านก็ได้เห็นชาร์ล็อต.. ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนจักรโอโรโบรอส มีชื่อเสียงไปทั่วทวีป..
ถึงจะไม่รู้เหตุผลจริงๆ ว่าทำไม.. แต่พอตรวจสอบดูก็พบว่าเด็กคนนี้เป็นอสูร.. อสูรเป็นเผ่าพันธุ์ที่ลึกลับเผ่าหนึ่งบนโลกนี้
ไม่รู้ต้นกำเนิด ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร.. แต่ก็มีอยู่อย่างทั่วไป.. แถมพวกเขาบางทีก็อมตะบางทีก็ฆ่าไม่ตาย
แต่พอถึงเหตุการณ์แปลกๆ บางอย่างก็สามารถตายได้อย่างง่ายดาย บางทีก็มีลูกได้ บางทีก็มีลูกไม่ได้.. ซึ่งพวกเหตุผลแปลกๆ เหล่านี้ทำให้..
ท่านสันตะปาปาสนใจในเผ่าพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก ถึงฮิสครอมจะไม่มั่นใจ แต่เขาคิดว่าบางทีท่านสันตะปาปาคงรู้อะไรเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเผ่านี้
และด้วยเหตุนี้การที่จะพาอสูรเข้ามานับถือศาสนาจึงแทบหาได้ยากมาก แต่พอเห็นว่าชาร์ล็อตในอนาคตมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา..
พวกเขาต้องพาเธอมาอยู่ที่นี่ให้ได้.. และดวงตาที่มองข้ามกาลเวลาจึงมองทะลุไปยังอดีตของชาร์ล็อต..และได้พบกับความลับหลายๆ อย่างของเธอ
ดังนั้นแผนการนี้จึงเริ่มต้นขึ้น.. อย่างแรกทำให้อันน่าที่เป็นก้างขวางคอหายไปและก็ทำให้ชาร์ล็อตต้องเจอกับสถานการณ์ที่แสนทรมาน
ซึ่งนั่นก็คือการถูกโจรจับตัวไปและทรมาน แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ฮิสครอมวางแผนเอาไว้ไปจ้างทหารรับจ้างปลอมตัวเป็นโจรไปจับชาร์ล็อตที่สวมชุดของฮิสครอมด้วยความเข้าใจผิด
นำไปสู่การแปรเปลี่ยนทางอารมณ์ของชาร์ล็อตจนกลายเป็นคนที่เกลียดชังคนชั่ว อันที่จริงหากเธอยังไม่เปลี่ยนนิสัยตัวเอง..
ฮิสครอมก็จะยังไม่ไปช่วย.. แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเลทิเซียปรากฏตัวขึ้น.. ฮิสครอมสับสนมาก
เพราะจากการมองอดีตของชาร์ล็อต เธอเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้บ่อยที่สุดนอกจากอันน่ากับชาร์ล็อต.. ซึ่งเหมือนจะเป็นเพื่อนกันดีก็จริง
แต่ผู้หญิงคนนี้ในตอนท้ายก็ทำร้ายชาร์ล็อต ซึ่งสันตะปาปาก็ตีความไว้ว่าคงเป็นเด็กในไข่ที่ไม่เคยพบเรื่องของโลกภายนอกและไม่เชื่อใจใคร
และพอตรวจสอบก็เหมือนจะเป็นงั้นจริงๆ เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างมีชื่อเสียงเป็นถึงลูกสาวของเทพและผู้กล้า
แต่ก็เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคนที่เหมือนจะไม่ชอบชาร์ล็อตและเป็นลูกคนรวยที่ดูต่างระดับกับชาร์ล็อตที่เหมือนเป็นเด็กจากบ้านนอก
พวกเขาจึงคิดว่าเด็กนั่นคงไม่รู้อะไรและไม่ตามหาหรอก ก็ดูไม่ถูกกันวะขนาดนั้น.. แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เลทิเซียไม่ใช่คนเดิม
เพราะงั้นเธอถึงได้ปรากฏตัวตรงนี้นั่นเอง เป็นสิ่งแรกที่อยู่นอกแผนการของท่านสันตะปาปาผู้ที่แม้แต่กาลเวลายังไม่อาจหยุดท่านผู้นั้นได้
และฮิสครอมก็มั่นใจว่า.. บางทีบนโลกนี้คงมีแค่เลทิเซีย.. มีแค่เด็กผู้หญิงคนนี้คนเดียวบนโลกในตอนนี้ที่สามารถเขย่าอารมณ์ของชาร์ล็อตได้
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ความชอบ แต่รวมถึงความเกลียดชังและความเสียใจที่มีต่อเหตุการณ์ในอดีต
แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เลทิเซียก็เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับชาร์ล็อตมากที่สุด ซึ่งนั่นมันเพียงพอต่อการกระตุ้นอารมณ์ที่ค่อยๆ จางหายไปแล้ว
ว่าง่ายๆ เลทิเซียในตอนนี้เหมือนสวิตช์ที่ทำให้อารมณ์ของชาร์ล็อตระเบิดออกมาได้นั่นเอง
ซึ่งหากเป็นแบบนั้นมันจะขัดต่อแผนการของพวกเขา.. เพราะพวกเขาต้องการที่จะควบคุมอสูรที่มีรูปร่างแบบมนุษย์ตนนี้อย่างสมบูรณ์
เหมือนกับหุ่นที่มีชีวิต.. หากไร้ซึ่งอารมณ์คนผู้นั้นก็จะไม่แคร์สิ่งรอบตัวเลย.. นั่นก็ไม่ต่างจากคนที่รอฟังคำสั่งจากพวกเขา
แต่ว่าในทางกลับกัน.. ถ้าหากกำจัดเลทิเซียลงได้ในตอนนี้ เสี้ยนหนามในใจของชาร์ล็อตคงจะหายไป อีกทั้งอารมณ์ที่ต้องการชำระความชั่วคงจะพลุ่งพล่านขึ้นไปอีก
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย.. ต้องกำจัดเลทิเซีย.. แม้จะเป็นการยั่วยุอาณาจักรอาเดฟก็ตามแต่เมื่อนึกถึงท่านสันตะปาปา..
ความลังเลในสายตาของฮิสครอมก็หายไป.. เขาต้องกำจัดเลทิเซียทิ้งซะ เพื่อศาสนจักรโอโรโบรอสและอนาคตของศาสนา..
แด่พระผู้เป็นเจ้า!!!
“เพี๊ยะ!”
ในที่ฮิสครอมตัดสินใจอยู่นั้นเอง เลทิเซียก็ยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมาฟาดหน้าตัวเองอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงกึกก้อง
แม้แต่ชาร์ล็อตที่ก้มอยู่กับฮิสครอมที่วางแผนในใจยังหันหัวขึ้นมาดูต้นเสียง.. เลทิเซียตอนนี้แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงเพราะรอยตบ
แต่ดวงตาที่สั่นคลอนของเธอหายไปแล้ว..
“นี่ฉันคิดอะไรอยู่กันแน่”
“อันน่าน่ะทำเพื่อชาร์ล็อตทุกอย่างไม่ใช่หรือไง.. เรื่องแค่นี้ฉันมองข้ามไปได้ยังไง”
เธอพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยความตำหนิ.. ที่ไม่ได้มีต่อใครนอกจากตัวเธอเอง
ใช่แล้ว.. ตลอดมา ตลอดมาอันน่าก็ทำเพื่อชาร์ล็อตมาตลอดไม่ใช่หรือไง.. ชาร์ล็อตต้องการอะไรงั้นเหรอ.. ตัวเองคู่ควรไหมอย่างงั้นเหรอ
“พอมานึกๆ ดูอันน่า.. เธอนี่มันดูออกง่ายจริงๆ นะ”
เลทิเซียหัวเราะและคิดในใจ ภาพของอันน่าที่มีหน้าตาเหมือนชาร์ล็อตลอยเข้ามาในหัว ภาพของเธอคนนั้นที่ชอบกลั่นแกล้งเลทิเซียตลอด
ชอบทำให้ตกใจกลัวตลอด.. ทำให้เลทิเซียต้องระวังตัวอยู่ตลอด บางครั้งแม้ชาร์ล็อตไม่ต้องการแต่อันน่าก็ยังทำลงไปมองดูบางทีมันอาจจะไม่ใช่การทำเพื่อชาร์ล็อต
แต่สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือชาร์ล็อต… ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.. ที่อันน่าอยู่กับตัวเธอน่ะ..
เพื่อชาร์ล็อต…
“ทำให้ฉันระแวงตัวเองแล้วก็ลดการป้องกันต่อชาร์ล็อตงั้นเหรอ.. แบบนี้นี่เอง.. นี่คือเป้าหมายที่เธอจู่โจมฉันสินะ…”
“ยัยบ้า…”
เลทิเซียหัวเราะ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหางตาที่มีน้ำตาไหลออกมา.. อันน่าหายไปแล้ว.. คนที่ทำให้เธอกลัวจนระวังแค่เธอ ท้ายที่สุดก็เผลอสนิทกับชาร์ล็อตทีละนิด..ทีละนิด..
เป็นตามแผนของอันน่าทุกอย่าง.. บางที.. แค่บางทีนะ..บางทีที่เธอหายไปก็คงเพื่อชาร์ล็อตอีกนั่นแหละ.. คนอย่างอันน่าไม่มีทางมาจิตตกเพราะคนแบบเธอหรอก.. เพราะแบบนั้น..
“ลากันสักคำก่อนไม่ได้หรือไง…”
………
[ไม่เนียน.. ไปเรียนมาใหม่นะ.. แต่น่าเสียดายที่เธอเรียนไม่ได้อีกแล้ว….]