บทที่ 287 – ต้องพบกับท่านยาย ?
บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินหลายสิบเมตร มีลำแสงหนึ่งพุ่งตรงด้วยความเร็วเหนือกว่าความเร็วของเสียงเป็นสิบๆ เท่า..
อันที่จริงอาจจะมากกว่านั้นเพราะว่าระหว่างอาณาจักรอาเดฟ กับโรงเรียนลิเบอร์นั้นห่างไกลกันพอสมควรเลย ไม่สิ
หากเทียบกับขนาดของทวีปแห่งนี้แล้ว.. ระยะทางของสองแห่งนี้คงเรียกว่าใกล้กันมากกว่า เพราะขนาดของทวีปแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลมากจนมิอาจนิยามขนาดได้
นอกจากเหล่าผู้กล้าและจอมมารบางทีคงไม่มีใครเคยไปถึงสุดขอบของพื้นทวีปอย่างแท้จริงได้ นอกจากเหล่าคนที่อาศัยอยู่ขอบของแผนที่ทวีปเลยน่ะนะ
หากไม่รู้จะนิยามยังไง ขนาดมันใหญ่กว่าทวีปยุโรปในโลกเดิมของเลทิเซียเป็นสิบๆ เท่าเลยแหละ.. แม้แต่เลทิเซียเองก็ไม่คิดว่ามันจะมีขนาดที่กว้างมากขนาดนี้
กลับมาเรื่องเดิม บนท้องฟ้า มีเลทิเซีย เลวี่และซิลเวียนำทางด้วยเลเวียกำลังพุ่งไปทางอาณาจักรอาเดฟด้วยความเร็วสูง
เลวี่ในตอนนี้กอดแขนเลทิเซียไม่ยอมปล่อยเลย เพราะช่วงนี้เธอเองก็ไม่ค่อยว่างเพราะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้น.. อันที่จริงเธอพบเบาะแสบางอย่างแล้ว
แต่เพราะเลเวียเรียกกลับทำให้เธอต้องหยุดเรื่องอื่นไว้กะทันหัน เพราะเลเวียที่บอกเรื่องนี้ก็ดูกังวลมากเช่นกัน
ทั้งสี่คนมุ่งหน้ากลับด้วยบรรยากาศตึงเครียดเช่นนี้.. ใช้เวลาไม่นานก็กลับถึงอาณาจักรอาเดฟแล้ว ต่างจากการเดินทางไปครั้งแรกเลย
พอกลับมาถึงซิลเวียก็ไม่ทำธุระของตัวเอง ทั้งเลวี่และเลทิเซียก็ไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมเลเวียที่กำชับว่า
“ฟังแม่นะ.. ต้องมีมารยาทมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ.. เลวี่ เลทิเซีย”
สำหรับการดูแลเลทิเซีย เอลร่าไม่ได้เข้ามายุ่งก็จริง แต่ทั้งสองก็พบปะกันบ่อยๆ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะกล่าวถึงเรื่องนั้น
ไม่ว่าจะเลทิเซียหรือเลวี่ก็ไม่เคยเห็นท่านแม่มีท่าทางเป็นแบบนี้มาก่อน เลวี่มองหน้ากับเลทิเซีย เลทิเซียก็มองหน้าเลวี่
เลวี่ในตอนนี้เธอตัวโตกว่าพี่สาวไปเยอะมาก ความสูงของเลทิเซียนั้นประมาณไหล่ของเลวี่เท่านั้น
เลยกลายเป็นว่าเลทิเซียต้องเงยหน้าขึ้นส่วนเลวี่ต้องก้มมอง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรก็รู้ใจ ไม่คิดว่าท่านแม่ที่ชอบคิดเอง พูดเองตัดสินใจเองทุกอย่าง
ราวกับห้ามใครขัดคนนั้นจะมีท่าทางแบบนั้น.. เลวี่ที่ทนไม่ได้จึงถามออกไป
“เอ่อ.. ท่านแม่.. สิ่งที่พวกข้าต้องทำคืออะไร..?”
พวกเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้คืออะไรกันแน่ ทำไมท่านแม่ถึงมีท่าทีลุกลี้ลุกลนเช่นนั้นด้วย
“อ่า.. อ่า ข้าลืมบอกไปเลย”
เธอทุบมือตัวเอง อาจจะเพราะความกังวลหรือความกลัวทำให้เธอลืมบอกเรื่องสำคัญหลังจากนี้..
“อันที่จริงแล้ว.. ที่พวกเจ้าต้องไปเจอคือ.. ท่านยายของพวกเจ้าน่ะ”
“ท่านยาย..?”
เลทิเซียกับเลวี่พูดแทบจะพร้อมกัน พอมานึกๆ ดูแล้วพวกเธอแทบจะไม่เคยเห็นปู่ ย่า ตา ยายของตัวเองเลย
ไม่สิ ปู่กับย่าเองก็เสียไปนานแล้ว เพราะงั้นลูเซียโน่ถึงได้สืบบัลลังก์ต่อจากพวกเขา แต่ว่ายายนี่มัน.. แม่ของซิลเวีย.. เป็นเทพ?
แต่ว่าตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจอมาก่อนเลยนะ แล้วทำไมพึ่งมาเอาตอนนี้ละเนี่ย ไม่สิ ถ้าเป็นเทพก็อาจจะยุ่งอยู่บนสวรรค์สินะ
เพราะซิลเวียเองก็ท่าจะมีงานอะไรอยู่บนนั้นด้วย แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมท่านแม่ถึงได้มีท่าทางสั่นกลัวขนาดนั้นด้วยล่ะ..
เป็นแม่ของตัวเองไม่ใช่หรือไง เลทิเซียที่ไม่ได้สันทัดเรื่องนี้จึงไม่คิดออกความเห็นมาก กลับกันเลวี่เองก็พอเดานิสัยของท่านยายตัวเองจากท่าทางของซิลเวียได้แล้ว..
บงทีคงจะเป็นคนที่ดุมาก เพราะถึงขนาดทำให้คนแบบท่านแม่กลัวได้เนี่ย.. ซิลเวียมองซ้ายมองขวาพร้อมกับกวักมือเรียกเลทิเซียและเลวี่
“เอาหูมาใกล้ๆ สิ”
ทั้งคู่มองหน้ากันพร้อมกับยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ .
“ท่านยายของพวกเจ้าน่ะมีนิสัยที่แปลกๆ มาก ขี้วีนสุดๆ แถมเอาแต่ใจมากด้วย พวกเจ้าระวังให้ดี สมัยข้าเด็กๆ ท่านแม่น่ะชอบตีข้าตลอดเลยล่ะ”
“…..”
“อีกอย่างนะ ท่านแม่ของพวกเจ้านะไม่ชอบมนุษย์กับปีศาจมากเลยล่ะ อันที่จริงเรื่องข้ากับพ่อของพวกเจ้าท่านยังไม่ได้ยอมรับเลยแท้ๆ ”
“นี่ยังไม่ใช่แค่นั้นนะ……”
พอได้เล่า เลเวียก็เหมือนจะเริ่มสนุกปาก จึงระบายความอัดอั้นของตัวเองให้ลูกๆ ฟังเสียเลย.. แต่พอมานึกว่าตัวเองไม่เคยตีลูกก็อดจะรู้สึกว่า
ตัวเองแตกต่างจากแม่มาก ทำให้เธอรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย ..
“ใครว่าลูกมักเหมือนแม่มากกว่าพ่อ.. ข้านี่ไม่เหมือนแม่เลยสักนิดนี่น่า”
เลเวียคิดอย่างภูมิใจ แต่ทั้งเลวี่และซิลเวียก็รู้ทันทีว่าเลเวียคิดอะไรอยู่พวกเธอจึงได้แต่ถอยห่างออกมาอย่างเงียบๆ ..
“แม่คนนี้.. เล่าเรื่องแบบนี้ให้ลูกๆ ฟังได้ไงเนี่ย..”
เลทิเซียคิดในใจ แน่นอนว่าทั้งเลทิเซียหรือเลวี่ต่างก็ไม่ใช่เด็กๆ ทั่วไปเธอจึงได้แต่รู้สึกขำปนสงสารเลเวีย
ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะดูกลัวขนาดนั้น เพราะดูจากคำพูดคำจาแล้วสมัยเด็กน่าจะโดนบ่อย.. ถูกตีน่ะ ..
“ท่านพี่ ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ ไหนๆ ท่านยายก็จะมาหาเราทั้งที ต้องแต่งชุดสวยๆ สิถูกไหม?”
“อืม.. ก็จริงแฮะ แต่ว่าทำไมพึ่งมาอยากเจอเราเอาตอนนี้กันนะ?”
“บางทีท่านยายอาจจะดูพวกเราอยู่ตลอดก็ได้นะ แบบดูอยู่บนสวรรค์อะไรแบบนี้ไง”
“ฉันรู้สึกว่ามันน่ากลัวแปลกๆ นะนั่น”
เลทิเซียคิดว่าพอมีคนมองอยู่ตลอดก็รู้สึกขนลุก พวกเธอเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนชุด ถึงจะผ่านมาแล้วห้าปีแต่ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่เคยกลับมา
ห้าปีที่ผ่านมาพวกเธอเคยกลับมาอยู่ครั้งหนึ่งนั่นคือตอนขึ้นปีสี่.. สองปีที่ผ่านมาเหมือนจะนานแต่ก็ไม่นานขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามสำหรับสองพี่น้องที่ไม่ได้กลับมานานก็ยังคงคิดถึง พวกเธอไม่ได้เร่งรีบแต่กลับเดินเรื่อยเปื่อย เดินอ้อมปราสาทไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากที่ทั้งสองเดินชมความเปลี่ยนแปลงก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่าเลทิเซียเปลี่ยนเสร็จก่อนเธอจึงเดินเล่นแถวนั้นก่อน
แต่ในตอนนั้นเอง.. เธอก็ได้ยินเสียงคุยกันของลูเซียโน่กับเลเวีย..
“เราจะพาเลทิเซียไปเจอกับท่านแม่จริงๆ เหรอเลเวีย..”
“แน่นอนสิ เลทิเซียก็คือลูกของพวกเรานะ”
“แต่ว่าถ้าหากเรื่องที่ว่าเลทิเซียไม่ใช่ลุกแท้ๆ ของพวกเราถูกเปิดเผยละก็ เจ้าเดาได้เหรอว่าแม่ของเจ้าจะไม่ทำอะไรแปลกๆ กับเธอน่ะ”
เลทิเซียที่เงี่ยหูฟังก็เข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมเลเวียถึงดูลุกลี้ลุกลนนัก เพราะเรื่องของตัวเธอนี่เอง
ในขณะที่เลทิเซียกำลังจะถอยห่างออกมา เลเวียก็พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า..ท่านแม่เองก็ใจดีจะตาย..ละมั้ง”
“ละมั้งงั้นเหรอ.. อีกอย่างท่านแม่ของเจ้าเกลียดปีศาจสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง หากความแตกละก็เลทิเซียอาจจะถูกฆ่าก็ได้นะ คนคนนั้นเป็นเทพเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ต่อให้เป็นท่านแม่ตอนอยู่โลกนี้ก็ชนะข้าไม่ได้อยู่ดี”
“พูดบ้าอะไรของเจ้า เจ้าจะสู้กับท่านแม่จริงๆ หรือไงกัน”
“เพื่อเลทิเซีย”
เลเวียกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ เลทิเซียที่ฟังอยู่ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น สรุปแค่ไม่ให้ความแตกก็พอสินะ เลทิเซียพยักหน้า
ลูเซียโน่ส่ายหน้าเบาๆ
“เจ้านี่ก็ดึงดันเสียจริงนะ”
“นี่ก็เพื่อเลทิเซียนะ หากทำเธอเหมือนไม่ใช่คนในครอบครัวแบบนั้นมันผิดไม่ใช่หรือไง”
“เรื่องนั้นก็จริงนั่นแหละนะ”
แต่ในตอนนั้นเองทั้งลูเซียโน่และเลเวียก็ต่างพากันนิ่งลงกะทันหัน เลทิเซียหรี่ตาลงและเข้าใจในทันทีว่ามีใครสักคนกำลังพูดกับพวกเขาอยู่
ผ่านจิตน่ะนะ.. คงคล้ายๆ กับพลังของลาน่านั่นแหละมั้ง พอรู้แบบนั้นเลทิเซียก็ถอยออกมาพร้อมกับมุ่งหน้าไปหาเลวี่