บทที่ 298 – ความว่างเปล่าอนันตกาล
“ซิลเวีย… งั้นเหรอ..”
ในตอนนั้นเองไม่รู้ว่าผ่านไปนานแต่ไหนแล้ว อาจจะสักพันปีหรือหมื่นปี หรืออาจจะมากกว่านั้น.. เพราะในตอนนี้สมองของซิลเวียราวกับลอยเคว้งไปในความว่างเปล่า
พอเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ซิลเวียจึงรีบลืมตากลับมาทันทีพลันพบว่าเลทิเซียนั้นได้นั่งอยู่ข้างๆ กับเธอ..
พร้อมกับลืมตาตื่นด้วยความสับสน.. ซิลเวียที่เห็นภาพเช่นนี้ก็โผล่เข้ากอดเลทิเซียด้วยความห่วงใย
“เจ้าฟื้นแล้ว..”
“….”
เลทิเซียที่กำลังจะตอบอีกฝ่ายก็หยุดนิ่งเพราะสัมผัสถึงความกลัวอีกฝ่ายอย่างชัดเจน.. นั่นแน่นอนว่าควรจะเป็นเรื่องปกติ
เพราะในสถานที่อันไร้ซึ่งสรรพสิ่งมีเพียงสิ่งเดียวที่ตัวเองคิดถึงและคะนึงถึงในยามนี้อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้
ทว่ากลับไม่อาจเข้าใกล้หรือเพรียกหาได้ ราวกับถูกบั่นทอนกำลังใจอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ยังคงภาวนาถึงชื่อเลทิเซีย
เลทิเซียหลังจากนิ่งไปสักพัก เธอก็ลูบหลังซิลเวียเบาๆ พร้อมกับพูด
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ..”
“ข้าน่ะ.. ข้าน่ะกลัวว่าจะไม่ได้เจอกับเจ้า..”
“ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่มีทางทิ้งเธอไปอย่างแน่นอน”
เลทิเซียพูดด้วยความอ่อนโยนราวกับความเหนื่อยล้าของซิลเวียถาโถมเข้ามาไม่หยุดจนทำให้เธอสลบไปทั้งแบบนั้น..
ในขณะที่กอดเลทิเซียอยู่.. พอซิลเวียกอดเลทิเซียแล้วก็สลบไปเลทิเซียก็ขมวดคิ้ว.. เธอพึมพำ
“แบบนี้เองสินะ..”
อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฟื้นขึ้นมา แต่เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกที่เธอฟื้นขึ้นมานั้นเธอก็ได้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่โลกเดิม
ถึงจะไม่รู้ว่าคือที่ไหนเหมือนซิลเวียที่เป็นเทพ แต่ก็ยังรู้ว่าที่นี่มันแปลกๆ อยู่บ้าง ใช้ทั้งเวทมนตร์อะไรไม่ได้สักอย่าง
สิ่งที่เรียกออกมาได้ก็ไม่มีเรียกได้ว่าราวกับกลายเป็นคนธรรมดาไปโดยสิ้นเชิง แต่การหายใจก็ไม่อาจจะทำได้
ลักษณะทางกายภาพทุกอย่างยกเว้นความคิดหยุดนิ่งทั้งหมด.. ต่อให้เป็นเลทิเซียที่ไม่รู้จักที่นี่ก็พอจะเดาออกแล้วว่าที่นี่คือพื้นที่ที่ไร้ซึ่งทุกๆ อย่าง
“พื้นที่และเวลา กฎเกณฑ์ สสาร ความเป็นจริง โครงสร้างมิติหรือแม้แต่แนวคิดบนโลกใบนี้ก็ไม่มีอยู่ คือความว่างเปล่าที่แท้จริง”
“แถมยัง…”
เลทิเซียก้มมองซิลเวีย เมื่อกี้ที่สามารถสื่อสารกันได้ไม่ใช่ทางปาก แม้ซิลเวียจะไม่รู้สึกตัวแต่เป็นเพราะเมื่อครู่สื่อสารผ่านจิตใจกัน
ถึงจะไม่รู้หลักการแต่อาจจะเป็นเพราะซิลเวียนั่นแหละ.. อีกอย่าง.. สำหรับเลทิเซียเธอเพียงแค่หลับไปตื่นหนึ่งแต่ซิลเวียกลับรอนานขนาดจมปลักกับความสิ้นหวัง..
เหมือนตอนที่เลทิเซียตื่นมาครั้งแรกเลย.. พอเธอตื่นมาครั้งแรกเธอที่ไม่สามารถจำกัดเวลาในที่นี้ได้จึงเริ่มนับมันขึ้นมาในความคิด
ซึ่งมันผ่านไปนานกว่าหลายร้อยปีก่อนที่เธอจะหลับไป..
“บางทีในที่แห่งนี้เพราะไม่มีเวลาจึงไม่มีความจริงที่แน่นอนสินะ”
เวลาคือสิ่งที่ผู้สังเกตการณ์สามารถระบุได้แต่หากเมื่อไร้ซึ่งผู้สังเกตการณ์กาลเวลาก็จะไม่มีอยู่จริง..
เอาง่ายๆ คือตัวเลทิเซียกับซิลเวียนั้นสามารถจำกัดเวลาในพื้นที่ที่ไร้เวลาผลเลยออกมานานช้าอยู่ที่ตัวเราสามารถจำกัดกรอบได้
บางทีอาจจะผ่านไปแป๊บเดียว แค่สังเกตการณ์ผิด แต่ก็อาจจะผ่านไปพันปีเพียงการกะพริบตาหนึ่งครั้ง
ในเมื่อไม่มีมุมมองหรือหลักการที่ชัดเจนนอกจากผู้สังเกตการณ์.. ที่แห่งนี้ก็ไม่มีอะไรเลยอย่างแท้จริง
“รู้แบบนี้ ไม่น่าหลับเลย..”
เลทิเซียบ่นออกมาพลางกอดซิลเวียเอาไว้แน่นๆ .. เลทิเซียนั่งอยู่แบบนั้นไม่หลับและไม่ตื่นราวกับไม่สังเกต ไม่รับรู้ ไม่คิดหรือทำอะไรเลย..
พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง..
“ตื่นแล้วเหรอ”
“อืม..”
ซิลเวียสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อย แต่พอเห็นหน้าเลทิเซียเธอก็นึกถึงก่อนจะหลับไปได้ เธอก็ค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีจริงๆ ที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
“ฉันบอกไปแล้วนะ ฉันไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอกน่า การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าฉันสุดยอดขนาดไหน”
“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้น แต่แผลที่ท้องยังอยู่นะ”
ซิลเวียกล่าวพร้อมมองไปที่ท้องเลทิเซียที่ท้องเลทิเซียมีรอยแผลถูกแทงแถมมองทะลุไปอีกด้านได้ด้วยแหละ
แต่ไม่มีเลือดไหลสักหยด เหมือนแผลที่มือซิลเวียเลย.. พอทั้งคู่มองหน้ากันก็หัวเราะออกมา
“แปลกดีนะ ท้องเป็นรูซะขนาดนี้ยังพูดได้หน้าตาเฉยเนี่ย”
“ฉันก็คิดงั้น”
ทั้งสองคนจับมือกันเหมือนกับไม่อยากจะปล่อยออกจากกัน หลังจากคุยกันไม่กี่ประโยคเลทิเซียก็หันไปรอบข้างพร้อมกับกล่าว
“ที่นี่น่ะ….”
แต่ก่อนที่ทันจะได้พูดอะไรซิลเวียก็พูดขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าที่แบบนี้เลทิเซียไม่มีทางรู้จักแน่นอน ดังนั้นเธอจึงอธิบาย
“ที่นี่มันถูกเรียกว่า ‘ความว่างเปล่าอนันตกาล’ น่ะ”
อันที่จริงข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่โลกมนุษย์ไม่อาจจะรับรู้ได้.. เพราะเป็นสิ่งต้องห้ามไม่ให้สิ่งมีชีวิตเบื้องล่างทราบ
นั่นคือความจริงที่เทพทุกคนรู้ แต่ซิลเวียรู้ว่าความจริงมันไม่ใช่ ความรู้นี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง..
เพราะว่าถูกสืบทอดกันมาแบบผิดๆ ทำให้เทพส่วนใหญ่เข้าใจไปแบบนั้น จนกลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ห้ามบอกมนุษย์ไปโดยไม่มีใครขัดได้
แม้แต่เทพสูงสุดยังไม่อาจจะออกมาแก้ไขได้เพราะมันกลายเป็นความจริงไปแล้ว แต่แน่นอนว่าในที่แห่งนี้นั้นผีไม่รู้ เทพไม่ห็น
ซิลเวียแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดมาตั้งแต่แรกเธอจึงกล่าวออกไปอย่างไม่ปกปิดด้วย
“เธอรู้จักมันเหรอ ?”
“ใช่ รู้จักดีเลยล่ะ”
ซิลเวียพยักหน้า ในแดนเทพนั้นมีหลายสิ่งที่คนบนโลกไม่รู้แต่บนนั้นเป็นความรู้สามัญทั่วไป.. ซึ่งเจ้าที่แห่งนี้ ไม่สิ จะเรียกว่าที่ก็ไม่ได้
เพราะมันไม่ใช่สถานที่ที่มีอยู่จริง มันคือความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ที่ห่อหุ้มความเป็นจริงและทุกสรรพสิ่งไว้อีกทีหนึ่ง
“ความว่างเปล่าก็ตามชื่อเลย มันคือความว่างเปล่าอย่างแท้จริง”
“ความว่างเปล่าอนันตกาล ก็คือความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย ความจริง ความเชื่อ แนวคิด และโครงสร้างมิติทุกอย่าง”
“เลทิเซียก่อนที่ข้าจะสลบไปมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ..”
ซิลเวียหันไปถามเลทิเซียด้วยความสงสัย.. พอถามถึงจุดนั้นเลทิเซียก็นิ่งเงียบไป ภาพของลูเซียลอยเข้ามาในหัว
เธอกัดริมฝีปากเบา ท่าทาง บาดแผล ทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นมามันทำหัวใจเธอปวดร้าว แถมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอลูเซียในโลกนี้
แต่เป็นเมื่อห้าหกปีก่อนที่โรงเรียนลิเบอร์… แต่เธอลืมไปเพราะอะไรสักอย่างแต่พอเจอครั้งที่สองความทรงจำมันจึงกลับมา..
ซึ่ง.. พอมาคิดว่าในขณะที่ตัวเองลืมเรื่องน้องสาวแล้วน้องสาวต้องเจออะไรมาบ้างมันก็ทำให้เธอโกรธตัวเองจนแทบจะเป็นบ้า
“เลทิเซีย..?”
ซิลเวียเรียกชื่อเธอทำให้เธอกลับมาอยู่กับตอนนี้ พอเห็นท่าทางของเลทิเซีย ซิลเวียก็พูดขึ้นว่า
“หากไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ”
“เปล่า.. ที่จริงแล้ว…”
เลทิเซียไม่ได้คิดจะปิดบังซิลเวียแต่แรก ดังนั้นพอเธอถามเลทิเซียจึงไม่ลังเลที่จะตอบสิ่งที่เกิดขึ้นออกไป
“เธอจำที่ฉันเคยบอกได้ไหม.. ว่าฉันมาจากต่างโลก”
“ข้าจำได้สิ”
“ที่จริง.. ตอนนั้น.. คนที่แทงพวกเราคือน้องของข้าจากโลกเดิมน่ะ”
“ห้ะ หมายความว่าเธอเองก็มาที่นี่เหมือนกัน”
“ใช่..”
เลทิเซียพยักหน้า ซิลเวียถึงพอเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมเลทิเซียที่เหมือนจะรับมือกับศัตรูที่แม้แต่ตัวเองยังแทบรับมือไม่ไหวได้
ถึงโดนท่าแบบนี้..
“แต่ทำไมน้องเจ้าถึงทำแบบนี้…”
“อย่าเข้าใจน้องฉันผิด.. เธอเหมือนจะถูกสวมปลอกคอทาสที่หยุดความคิดและความรู้สึกน่ะ..”
“เอ๊ะ นั่นมัน….”
“ใช่ มันไม่ควรจะมีอยู่แล้ว.. แต่ก่อนที่พวกเราจะถูกความว่างเปล่ากลืนกิน..ฉันน่ะเรียกเธอเหมือนจะได้สติมาครู่หนึ่งด้วย.. ไม่ผิดแน่”
เลทิเซียรีบอธิบาย ซิลเวียไม่ได้ตอบแต่ในฐานะที่เป็นเทพและเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักว่าเทพได้ร่างกฎเกณฑ์ที่เวทมนตร์ควบคุมจิตใจจะหายไปจากโลก
เธอนั้นรู้ดียิ่งกว่าเลทิเซียว่าผลของปลอกคอทาสนั้นร้ายแรงขนาดไหน.. และต่อให้จะเป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขนาดไหน..ก็ไม่มีทางที่จะดึงสติคนที่อยู่ในภวังค์กลับมาได้..
ไม่สิ.. อาจจะไม่ถึงขั้นไม่มีทางตามที่ว่า เพราะยังมีในกรณีที่ว่าหากร่างที่ถูกปลอกคอเป็นร่างแยกที่ใช้วิญญาณร่วมกันพอจะดึงกลับมาได้
แต่นั่นมันน้องเลทิเซียนะไม่ใช่ร่างแยกเสียหน่อย?
ซิลเวียเกาหัวด้วยความสับสนพร้อมกับคิดในใจว่า
“หรือว่าจะเป็นไปได้จริงๆ .. เพียงแค่ข้าไม่รู้เฉยๆ ?”