บทที่ 302 – ภูตแห่งความรัก
“มีอะไรเหรอ?”
“เปล่า”
เลทิเซียพยายามปฏิเสธความคิดดังกล่าว เพราะเรื่องที่ซิลเวียพูดออกมาก็เป็นแค่การคาดเดาเหมือนกัน อาจจะไม่ถูกก็ได้
เพราะถ้าหากมีคนแบบนั้นอยู่จริงๆ .. เธอมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ.. ความแข็งแกร่งระดับนั้นมาอยู่อะไรบนโลกเล็กๆ นี้
แต่ถ้าหากใช่ขึ้นมาละก็มีสิ่งแบบนั้นอยู่ใกล้ตัว เลทิเซียก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน.. หากเป็นศัตรูขึ้นมาล่ะ
ไม่สิ หากเก่งระดับนั้นแล้วจะใส่ใจพวกเราไปทำไมล่ะถูกไหม เลทิเซียพยายามปัดความคิดทุกอย่างทิ้ง
แต่พอมานึกๆ ดูผู้หญิงคนนั้นจากคำอธิบายลาน่า เหมือนเธอจะเป็นคนช่วยเลทิเซียจากเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อห้าปีก่อน
แล้วเหมือนเธอจะเป็นเจ้าของโรงเรียนทั้งห้า.. คิดไปคิดมาเลทิเซียก็เจอแต่ทางตันจึงส่ายหัวเบาๆ .. ก่อนที่จะกลับหัวข้อเดิม
“เพราะแบบนี้สินะ.. ฉันถึงใช้เวทมนตร์ในโลกนั้นไม่ได้”
“ใช่แล้ว”
ซิลเวียพยักหน้าตอบเลทิเซีย บรรพบุรุษของซิลเวียใช่ว่าจะไม่เคยตรวจสอบโลกแห่งนั้น แต่เพราะในโลกแห่งนั้นมันไม่ใช่ที่ที่ใครก็สามารถเข้าออกได้ง่าย
“เพราะว่าเป็นคนละต้นกำเนิด เวทมนตร์ที่มีก็แตกต่างกันออกไป จากการวิเคราะห์ของบรรพบุรุษข้า ดูเหมือนเวทมนตร์ในโลกนั้นจะไม่ใช่การแทรกแซง”
“กฎเกณฑ์ของเวทมนตร์ไม่ซับซ้อนมาก มีแต่อณูเวทที่สร้างให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ อีกทั้งเพราะในโลกนั้นอณูเวทนั้นเหมือนอนุภาคพื้นฐานของโลก”
“ทำให้ทุกอย่างมีอณูเวทอยู่กับตัว ทำให้ของทุกอย่างจากโลกนั้นสร้างอาร์ติแฟ็คได้ แต่โลกนี้ใช้สร้างไม่ได้เพราะว่าโลกเราไม่ได้มีอณูเวท”
ซิลเวียกล่าวคำอธิบาย พอได้ยินแบบนั้นเลทิเซียก็เข้าใจได้เพราะมันมีเหตุผลมารองรับว่าทำไมถึงไม่มีใครสร้างอาร์ติแฟ็คได้ในโลกนี้นั่นเอง
พอมานึกๆ ดูแล้วเลทิเซียก็นึกแท่งเหล็กเมื่อตอนนั้นได้ แท่งเหล็กที่เหมือนจะมีพลังเวทในตัวบางงทีนั่นอาจจะเป็นแท่งเหล็กจากชิ้นส่วนเวหาเหรอ..
พอนึกถึงสิ่งนั้นก็อดที่จะนึกถึงผู้หญิงที่ชื่อโรส เธอเหมือนรู้จักแท่งเหล็กนั่นดีเลย เลทิเซียรีบส่ายหัวออก
“ถ้าหากทฤษฎีที่เธอว่ามาเป็นจริง ก็มีความเป็นไปได้ว่านอกจากยุคสมัยสงครามในอดีตอาจจะมียุคก่อนหน้านี้อีกด้วย”
“อันนั้นข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตนั้นหายากยิ่ง”
ซิลเวียไม่สามารถตอบได้ อันที่จริงที่สามารถสืบค้นได้ขนาดนี้ถือว่าสุดยอดมากแล้วล่ะ ทั้งที่ไม่ควรรู้ถึงเรื่องนั้นเลยแท้ๆ
พอเลทิเซียคิดแบบนั้นก็ถามขึ้น
“เดี๋ยวสิเรื่องพวกนั้นมันเรื่องเกินกว่าที่พวกเราจะรับรู้ได้แล้วนี่ แล้วตระกูลเธอรู้ได้ไง?”
“เรื่องนี้เองข้าก็ไม่ม่นใจ.. แต่ว่าบางทีคนที่อยากให้เราทราบเรื่องนี้อาจจะคือผู้สร้างที่ไม่ได้คิดว่าจะปิดบังตั้งแต่แรก เลยเหลือร่องรอยประวัติศาสตร์ไว้นั่นแหละ”
เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้น ยิ่งทำให้เธอขมวดคิ้วหากเธอยอมรับเรื่องดังกล่าว เท่ากับยอมรับว่ามีผู้สร้างที่แท้จริงอยู่
สร้างโลกแห่งนี้ สร้างต้นกำเนิดแห่งนี้ สร้างชีวิต..และทุกๆ อย่าง หรือแม้แต่เธอก็อาจจะถูกคนคนนั้นสร้างขึ้นมาก็ได้
ขณะคิดแบบนั้นนั่นเอง เลทิเซียก็นึกถึงเรื่องของอามาเระ ก่อนที่จะถามซิลเวียด้วยความสงสัย
“เธอบอกว่าภูตคือตัวแทนของแนวคิดต่างๆ ที่ถูกรังสรรค์มาในต้นกำเนิดนี้ แต่ต้นกำเนิดอื่นอาจจะมีการรังสรรค์ที่ต่างกันใช่ไหม?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“พูดอีกอย่างก็คือไม่มีทางที่แนวคิดของสองโลกจะเกี่ยวข้องกัน เพราะว่าแต่ละโลกมีต้นกำเนิดผู้รังสรรค์เป็นของตัวเอง?”
“ถูกแล้ว ทำไมเหรอ”
พอได้ยินแบบนั้น เลทิเซียก็ขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดถามซิลเวีย
“แล้วทำไมอามาเระถึงไปโผล่ในอีกโลกได้ ถ้าหากเธอเป็นภูตแห่งความรักตามที่บอก ไม่มีทางที่เธอจะไปหาฉันในโลกนั้นได้นี่”
แถมตอนนั้นยังไม่ได้ทำสัญญาอะไรกัน หมายความว่าทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แล้วทำไมอามาเระถึงไปอยู่ที่นั่นได้
แถมคนที่ช่วยปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากอามาเระ หากตัวตนของอามาเระไปปรากฏตัวที่อยู่ที่นั่น
แล้วตัวตนที่เรียกว่าเป็นแนวคิดแห่งความรักของโลกใบนั้นล่ะ อยู่ที่ไหนกัน?
“อามาเระ? เจ้าพูดถึงเพื่อนเจ้าคนนั้นน่ะเหรอ?”
“อ่า.. ลืมไปเลยฉันยังไม่ได้อธิบายพวกเธอนี่น่า”
เลทิเซียกุมขมับลืมไปเลยว่ายังไม่ได้บอกใครว่าอามาเระคือภูต ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีคนถาม แต่อีกส่วนก็คิดว่าไม่บอกแหละดีแล้ว
เพราะภูตคือตัวตนที่สูงล้ำ.. ยิ่งตอนนี้ที่เลทิเซียได้รู้ว่าภูตนั้นสูงล้ำยิ่งกว่าเหล่าเทพเสียอีก
หลังคิดได้แบบนั้นก็อธิบายทุกอย่างให้ซิลเวียฟังเกี่ยวกับอามาเระ และตัวตนของเธอ พอได้ฟังเธอก็ทั้งตกใจและเบิกตากว้าง
“จะ.. เจ้า.. จะบอกว่าเจ้าสามารถใช้พลังของภูตแห่งความรักได้ทั้งหมด?”
“ก็อามาเระเธอบอกมางั้นนะ?”
ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็เป็นคนที่ตกใจเสียเอง
“มีอะไรเหรอ?”
ซิลเวียไม่ได้ตอบคำถามเลทิเซียทันที แต่เธอนั่งปรับอารมณ์อยู่สักพักก่อนที่จะเหลือบมองเลทิเซียพร้อมกับพูด
“ภูตแห่งความรักถือเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นว่ามีใครสามารถสื่อสารกับภูตแห่งความรักได้”
“ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก แต่เจ้าบอกว่าทำไมเธอถึงไปโผล่ในต้นกำเนิดอื่นได้สินะ?”
ซิลเวียถามเลทิเซียพยักหน้า หลังจากคิดอยู่สักพักเธอก็พอจะเดาบางอย่างได้จากความรู้ของเธอ
“บางที.. คงมีใครสักคนสร้างเรื่องเล่าของเธอในโลกนั้น”
“หมายความว่าไงน่ะ?”
เลทิเซียเอียงคอด้วยความสงสัย ซิลเวียจึงถามเลทิเซีย
“แนวคิดคืออะไร?”
แน่นอนว่าคำตอบนี้เลทิเซียรู้อยู่แล้ว แนวคิดคือรูปแบบหนึ่งของความจริงที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอุปมาอุปไมยขึ้นมา
เช่น ไฟ.. ทำไมไฟถึงเรียกว่าไฟ เพราะมันเป็นไฟ? เปล่าเพราะสิ่งมีชีวิตเรียกมันเช่นนั้นมันถึงเป็นไฟ
ไฟประกอบไปด้วยองค์ประกอบสามอย่างที่ทุกคนล้วนรู้จักกันดี และมีคุณลักษณะการเผาผลาญ นั่นแหละคือไฟ
ใช่และที่ว่ามาทั้งหมดก็คือแนวคิดของไฟ ไฟควรจะเป็นเช่นนั้นถึงจะเป็นไฟได้ แนวคิดเหมือนความเชื่อแต่ไม่ใช่ความเชื่อเพราะมันคือความจริง
แน่นอนว่าแนวคิดไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตรังสรรค์ขึ้น เพราะว่าก่อนที่จะเรียกว่ามันเป็นไฟ มันก็มีคุณลักษณะของมันแต่แรกอยู่แล้ว
เพียงแค่สิ่งมีชีวิตสามารถจำแนกได้ว่ามันคืออะไรเท่านั้น.. กล่าวคือคำว่าแนวคิดเปรียบเสมือนการจำกัดกรอบของบางสิ่งบางอย่าง
แนวคิดก็คือคำที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจำกัดกรอบของสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ใครสักคนได้รู้จักว่ามันคือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม้ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ยังเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เช่นสร้างไฟด้วยเวทมนตร์ปีศาจกับเวทมนตร์มนุษย์ วิธีการและรูปแบต่างกันโดยสิ้นเชิงอันหนึ่งสร้าง อันหนึ่งแทรกแซงปรากฏการณ์
แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือไฟนั่นแหละ
เลทิเซียอธิบายเช่นนั้น ซิลเวียจึงตอบ
“นั่นก็ไม่ผิด เพราะแนวคิดคือคำนิยามอะไรสักอย่างจริงๆ .. แต่ว่า อะไรกันล่ะจะมาจำกัดกรอบของสิ่งที่เรียกว่าแนวคิด?”
“นั่นก็…”
“ใช่ มันต้องเป็นความคิดของใครสักคน หรือก็คือหากไม่มีใครสักคนมาจำกัดว่ามันคืออะไรตั้งแต่แรกมันก็จะเป็นแค่บางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีแม้แต่นามธรรม”
ซิลเวียอธิบายเลทิเซียพยักหน้า จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือที่มันเป็นแนวคิดได้เพราะมีสิ่งมีชีวิตรับรู้ว่าสิ่งนั้นมีอยู่
หากสิ่งนั้นมีอยู่แต่แรกแต่ไม่มีใครสักคนบนโลกรับรู้ถึงมัน มันก็ไม่ต่างจากความว่างเปล่าหรอก นั่นคือสิ่งที่ซิลเวียบอก
“แล้วมันเกี่ยวกับอามาเระยังไง?”
“บางทีภูตแห่งความรักคงจะให้ใครสักคนเผยแพร่เรื่องราวของต้นกำเนิดของตนเองให้ใครสักคนก็ได้ฟัง.. พอเป็นเช่นนั้น… แนวคิดความรักของตัวเธอเองจึงปรากฏขึ้นบนโลกนั้น เป็นแนวคิดที่เหมือนกันแต่ก็คนละอย่าง”
“ต้นกำเนิดของเธอ?”
“ก็คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเกิดมาในโลกนี้นั่นแหละ ใช้หลักการเดียวกันในอีกโลก”
เลทิเซียพยักหน้าเข้าใจเหตุผลได้ แต่ก้ไม่รู้ว่าอามาเระทำได้ไงเหมือนกัน แน่นอนว่าทั้งซิลเวียและเลทิเซียไม่มีทางรู้
คนที่เผยแพร่เรื่องนี้คือทสึรุที่พูดให้กับเซเลียและแอนนี่ฟัง.. แน่นอนว่าคนที่ทำให้ทสึรุรู้จักเรื่องราวนี้ไม่ใช่ใครนอกจากอามาเระที่พยายามจะช่วยเลทิเซีย..
…….