การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 306

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 306 – ไม่สามารถต่อกรได้

แน่นอนว่าหากเป็นเรื่องปกติทั่วไปคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนแต่ทว่าหมึกยักษ์ตนนี้นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากโลกนี้

อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากอดีตกาลอันไกลโพ้นเพราะอยู่ในชิ้นส่วนเวหา ไม่สิ หากเลทิเซียเข้าใจไม่ผิดละก็

หมึกนี้อาจจะถูกดาบไวท์ผนึกไว้อยู่ ซึ่งหากการคาดเดาของซิลเวียและเลทิเซียถูกต้องหมายความว่า

อีกฝ่ายเป้นตัวตนในระดับที่ผู้ก่อสงครามทำลายล้างต้นกำเนิดที่แท้จริงได้เลยนะ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นผู้ก่อสงครามอาจจะยังไม่ที่สุด

แต่แน่นอนว่าคงเก่งแน่ๆ เพราะสามารถครอบครองไวท์ได้นั่นเอง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการสังหารอีกฝ่าย

ใช้วิธีผนึกแทน นั่นหมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะเก่งกว่าที่คิดนั่นเอง และพอมานึกถึงเรื่องมังกรทั้งสองคนนั้นที่เก่งพอๆ กับซิลเวีย

บางทีเจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจจะไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่สมองประมวลผลของความคิดนั้นเอง หญิงสาวผมสีดำตรงหน้าก็กล่าวต่อ

“แต่ก็เป็นเพราะเจ้า… ข้าถึงได้มาติดอยู่ที่แห่งนี้..”

ดวงตาของมันจ้องมาที่เลทิเซียพร้อมกับยกแขนข้างซ้ายชี้ขึ้นด้านบน ก่อนที่แขนซ้ายนั้นจะค่อยๆ บิดเบี้ยวผิดปกติ

และกลายเป็นหนวดหมึกขนาดค่อนข้างใหญ่หลายสิบหนวด พุ่งขึ้นไปบนฟ้า หนวดหมึกนี้ดูประหลาดอย่างยิ่ง

ราวกับว่ามันได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า มันมีสีดำสนิทดุจความว่างเปล่า หากไม่สังเกตดีๆ คงมองไม่เห็น

อันที่จริงเรื่องนี้เลทิเซียคงไม่รู้ เพราะตัวมันแท้จรริงแล้วไม่ได้มีพลังแหงกาลเวลา ไม่สิ.. มันมีนั่นแหละ

เพียงแต่ว่านั่นเกิดจากการที่มันกลืนกินห้วงเวลาและแปรเปลี่ยนเป็นพลังของตนเอง นั่นแหละคือความสามารถของมัน

แน่นอนว่าสำหรับมันแล้วกาลเวลาเป็นสิ่งที่ต่อให้ไม่ว่าจะหลุดพ้นไปมากขนาดไหนก็จะยังเจอกับมัน

ดังนั้นกาลเวลาจึงถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวสุดแสน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมันถูกลบออกจากโลกนั้นทำให้มันสูญเสียคุณสมบัติของเวลาตนเองไป

จนตัวตนของมันแทบจะสูญหายไป แต่ทว่ามันยังคงไม่หายไปอย่างแท้จริงเพราะมันตื่นขึ้นมากับร่างกายที่ว่างเปล่า

และสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมันก็เตือนมันว่าหากปล่อยไว้แบบนี้สักวันมันจะหายไปอย่างแท้จริงแน่นอน

ดังนั้นมันจึงเริ่มที่จะกลืนกินความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยแห่งนี้ ไม่สิ จะให้เรียกอีกแบบคือการหลอมผสานเข้ากับมัน

แต่ทว่าทุกอ่างย่อมไม่ได้มาโดยง่าย การหลอมรวมกับความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยนั้นราวกับมันทิ้งดิ่งตัวเองลงไปบ่อโคลนที่ไม่สามารถมองเห็นและไม่สามารถพบจุดจบ

สิ่งที่รออยู่มีเพียงความเจ็บปวดเจียนตายที่มิอาจบอกบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

ราวกับดวงวิญญาณถูกชำระ หากโลกใบนี้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างเมื่อตายไปแล้ววิญญาณจะกลับคืนสู่วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด

ดวงวิญญาณถูกชำระ.. นั่นคือสิ่งที่มันต้องเจอ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือทุกอย่างยังคงอยู่ สติสัมปชัญญะยังคงอู่

ราวกับมีน้ำร้อนมาลวกสมองแต่สมองไม่ได้มีอยู่แค่บนหัวแต่มีอยู่ทุกมุมของร่างกาย ทำให้เจ็บปวดสุดแสนจะบรรยาย

วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ความเกลียดชัง ความเคียดแค้น ความโกรธเคืองอัดแน่นอยู่ในอกของมัน.. ทั้งยังมากด้วยความหยิ่งยโส

ทำไมตัวตนเช่นมันถึงได้มาตกอยู่ในสถานการณ์นี้…

จนท้ายที่สุดความว่างเปล่าและมันก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้โลกด้านนอกจากผ่านไปเพียงแค่ห้าปี แต่ในที่แห่งนี้นั้นเพราะไม่มีกาลเวลา

เลยทำให้การหลอมรรวมของมันเหมือนจะเร็วแต่ก็ช้า ผ่านไปเป็นชั่วกัปชั่วกัลป์ จนท้ายที่สุดก็สามารถกลายเป็นหนึ่งกับความว่างเปล่าไร้ขอบเขตแห่งนี้

มันมองย้อนกลับไปว่าทำไม.. มันต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้.. แรกเริ่มก็ถูกผนึก.. ต่อมาก็ถูกไล่ออกจากโลก

ความโกรธและเดือนดาลของมันทำมันแทบจะบ้าคลั่ง พอมันสังเกตเห็นเลทิเซียและซิลเวียจึงเลือกโจมตีแทบจะทันทีพร้อมกับหัวเราะชั่วร้าย

“ไม่คิดว่าจะเจอคนแรกที่ควรต้องล้างแค้น”

ดังนั้นสำหรับมันในตอนนี้จึงสนเพียงแค่เลทิเซียแม้จะมีซิลเวียที่เหมือนจะแข็งแกร่งเช่นกันอยู่ด้านหลังแต่มันกลับไม่สนใจ

แขนที่กลายเป็นหมึกของมันพุ่งโจมตีใส่เลทิเซียพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายยกขึ้นที่มุมปากของมัน

“ไม่ต้องห่วง.. ข้าจะให้เจ้าสัมผัสถึงความทรมานสุดแสนจะคณานับเหมือนที่ข้าเคยเจอเอง.. ไม่ยอมให้ตายหรือหายไปง่ายๆ หรอก”

พอพูดเสร็จหนวดขนาดใหญ่นั้นก็พุ่งโจมตีใส่ทันที แต่หนวดนั้นไม่ได้โจมตีใส่เลทิเซีย แต่เล็งไปที่ซิลเวีย

แน่นอนว่าเจ้าผู้หญิงที่เหมือนจะเป็นหมึกยักษ์นี่รู้ว่าเลทิเซียเหมือนจะใช้กำลังทั้งหมดปกป้องคนที่อยู่ด้านหลัง

ดังนั้นมันจึงเลือกโจมตีซิลเวียโดยไม่ลังเล เลทิเซียตอบสนอง

“ซิลเวีย หล—”

ก่อนที่เลทิเซียจะทันได้พูดหนวดนั้นกลับหายไปและมีหนวดหนึ่งพุ่งใส่หน้าอกเลทิเซียจนทะลุ ทำให้ดวงตาเลทิเซียเบิกตากว้างขึ้นด้วยความเจ็บปวด

และในพริบตาต่อมาเลทิเซียกำลังจะตอสนองหนวดนั้นก็ปล่อยพลังบางอย่างออกมา ความเจ็บแสบที่ยิ่งกว่าดวงวิญญาณระเบิดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

แต่เลทิเซียกัดฟันจนเกิดเสียงดัง เธอใช้จังหวะนี้ผลักซิลเวียออกไปห่างจากตนเอง ก่อนที่พริบตาต่อมาหนวดมากมายก็พุ่งโจมตีใส่เลทิเซีย

จนกระดูกทั่วทั้งร่างแทบหักสะบั้น ก่อนที่หนวดนั้นจะสะบัดเลทิเซียจนปลิวไปด้านหลังทั้งๆ ที่ไม่มีพื้นกลับกลิ้งได้เหมือนอยู่บนพื้น

ดวงตาของเลทิเซียมืดสลัวๆ ลงจนน่าใจหาย เพราะนี่แห่งนี้ไม่มีเวลาและไม่มีการรักษา ทำให้ร่างกายไม่แย่ลงหรือดีขึ้น

แต่ในทางตรงกันข้ามความเจ็บปวดตอนที่ถูกโจมตีจะอยู่ตลอดไป กล่าวคือตอนนี้เลทิเซียแบกรับอาการบาดเจ็บเท่าเดิมจากเมื่อกี้

แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางพอใจแค่นี้ มันสบถออกมา

“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ให้เจ้าตายหรอก”

ในขณะที่เลทิเซียกระเด็นกลิ่งหลายตลบบนพื้นก็เหมือนจะกระแทกกับกำแพงความว่างเปล่าที่มองไม่เห็นกระดูกแขนขวาและขาสองข้าหักงอผิดรูป

ทั่วทั้งร่างมีรอยแผลที่น่ากลัวแต่เลือดกลับไม่ไหลออกมาสักหยด แต่เมื่ออีกฝ่ายกล่าวขึ้นสีหน้าเลทิเซียเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ปากของเลทิเซียเปิดออกพร้อมกับเสียงร้องที่สุดแสนจะทรมาน ในตอนนั้นเองก็มีหนอนสีดำสนิทไต่บนบาดแผลของเลทิเซีย

พร้อมกับกัดบาดแผลอย่างโหดร้าย หนอนนับพันค่อยๆ กัดแทะบาดแผล แต่น่าประหลาดที่ยิ่งกัดแทะมันยิ่งฟื้นฟู

ทว่าและมาด้วยความเจ็บปวดในระดับวิญญาณทำให้เลทิเซียเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา

“ไม่ ไม่”

ซิลเวียพยายามจะดิ้นรนและลุกขึ้นไปช่วย แต่ทว่าชั่วพริบตาต่อมาร่างของเธอก็เหมือนถูกกดลงกับพื้นจนร่างกายของเธอเกิดเสียงกรอบอย่างน่ากลัว

ไร้ทางต้านโดสิ้นเชิง..อันที่จริงหากสามารถใช้พลังได้เลทิเซียกับซิลเวียคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

แต่นี่ใช้พลังได้ไม่พอ ทุกอย่างในที่แห่งนี้ราวกับเป็นศัตรูกับพวกเธอ ซิลเวียกัดฟันพยายามจะลุกขึ้น แต่ยิ่งพยายามจะลุกขึ้นมาเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกกดทับมากเท่านั้น

เธอพยายามจะเรียกร้องเลทิเซียมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนครั้งก่อนแต่ก็ไม่ได้ผล หญิงสาวที่แขนข้างหนึ่งกลายเป็นหนวดหมึกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ…”

มันเดินไปหาเลทิเซียโดยที่ยังไม่ได้เกิดการแปรเปลี่ยนใดๆ มันก็มาอยู่ต่อหน้าเลทิเซียแล้ว

เลทิเซียในตอนนี้มีสภาพที่ดูไม่ได้ ตาข้างหนึ่งบอดไปแล้วด้วยซ้ำเพราะว่าถูกหนวดหนึ่งโจมตีใส่ ทว่าดวงตาอีกข้างก็จ้องไปที่อีกฝ่าย

“ยังทำหน้าแบบนั้นได้อีกเหรอ ทั้งที่อยู่ในสภาพนี้นี่นะ?”

อีกฝ่ายกล่าวแต่เลทิเซียเหลือบมองซิลเวียพอเห็นว่าไม่เป็นอะไรมากเธอก็โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า

อีกฝ่ายเดินมานั่งย่อตัวลงต่อห้าร่างเลทิเซียที่พิงกับผนังที่มองไม่เห็น เพราะไม่มีแรงร่างเลทิเซียจึงแทบจะล้มมาด้านหน้า

แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ใช้เท้าดันไหล่เลทิเซียจนติดกับกำแพงพร้อมกับพูดขึ้น

“แต่ก็ยอมรับเจ้าที่ยังไม่หมดสติทั้งที่ได้รับความเจ็บปวดขนาดนั้น อื้มม.. งั้นข้าจะให้รางวัลแล้วกันนะ”

ในวินาทีที่อีกฝ่ายกล่าวเสร็จไม่ฟังคำพูดเลทิเซียเท้าข้างนั้นก็เหยียบหัวไหล่เลทิเซียจนแตกละเอียดติดผนัง

เลทิเซียกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดตามมาด้วยเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ทว่าเลทิเซียฉวยโอกาสนี้เปิดปากออกพยายามจะกัดคออีกฝ่าย

“ดูเจ้าตอนนี้สิ ก่อนหน้ายังไม่ยอมสูญเสียอะไรสักอย่างเพื่อลบข้า แต่พอมาตอนนี้เหมือนเจ้าจะใช้ทุกอย่างเพื่อตอสู้กับข้าสินะ”

อีกฝ่ายพูดอย่างพึงพอใจ เพราะครั้งนี้คนที่เหนือกว่าคือมัน เพราะก่อนที่เลทิเซียจะได้กัดคอของอีกฝ่ายหมัดขวาของมันก็ต่อยใส่กรามเลทิเซียอย่างหลุดแรง

“ปัง”

กรามแตกหักจนสะเทือนไปถึงสมอง…พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนที่น่าเวทนา.. ไม่สามารถต่อกรได้โดยสิ้นเชิง

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท