การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 312

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 312 – เด็กสาวลึกลับ?

อันที่จริงหากที่แห่งนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริง เป็นโลกที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือกฎเกณฑ์

บางทีพลังทุกอย่างคงไม่อาจไปถึงตัวอีกฝ่ายได้แน่นอน เพราะอย่างไรเสียตัวตนของอีกฝ่ายก็หลุดพ้นจนอยู่เหนือกว่าทุกตรรกะในต้นกำเนิดไปแล้ว

ไม่สิ จะบอกว่าตัวตนก็ไม่เชิงจะเรียกว่าพลังคงถูกกว่า เพราะพลังที่ว่าได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับความว่างเปล่า

แน่นอนว่าในกรณีตามปกติเรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน แสดงให้เห็นว่าเจ้าหมึกยักษ์นี่เป็นตัวตนที่แข็งแรงปานไหน

แน่นอนว่ามันอยู่มานานมากแล้ว บางทีคงยาวนานยิ่งกว่าจะจำกัดความด้วยเวลาได้เลย

ดังนั้นตัวตนของมันจะหลอมรวมกับความว่างเปล่าได้ก็ไม่แปลก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า

หลักฐานก็คือกายหยาบของมัน แม้จะมีพลังที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างในต้นกำเนิดได้ ซึ่งต่อให้เทพบนสวรรค์ก็ไม่อาจทำได้

แต่นั่นเป็นเพราะพลังที่มันได้มาจากความว่างเปล่าแห่งนี้ กล่าวคือร่างกายของมันนั้นยังคงเป็นส่วนหนึ่งในมิติแห่งความเป็นจริงนั่นเอง

แต่แน่นอนว่าหากอยู่ในโลกด้านนอกบางทีแม้แต่เทพก็ไม่อาจทำอะไรร่างกายมันได้ เพราะถึงจะบอกว่ามีแค่พลังก็ตามที

แต่ยังไงซะตัวตนของมันก็จะถูกนับเป็นตัวตนที่มีไว้ทำลายล้างต้นกำเนิด ไม่มีทางที่ต้นกำเนิดจะทำอะไรมันได้ทุกกรณี

กล่าวคือหากอยู่ในโลกมันจะเป็นจุดสูงสุดโดยปริยาย แต่ทว่า.. ที่แห่งนี้.. ไม่มีการแบ่งแยก.. ใช่ ที่แห่งนี้คือความว่างเปล่า

ไม่มีลำดับชั้น ไม่มีมิติหรือความเป็นจริง ไม่มีกฎไม่มีเกณฑ์ เป็นความว่างเปล่าอันเป็นนิรันดร์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ…

ไม่มีอะไรที่จะมาจำแนกว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าหรือต่ำกว่านอกจากคุณสมบัติพลังของอีกฝ่าย ซึ่งเลทิเซียรู้ว่าอีกฝ่ายแค้นตัวเองกับซิลเวียมาก

มันไม่มีทางลบพวกเธอออกไปง่ายๆ แน่ ดังนั้นความสามารถที่มันได้มาจากความว่างเปล่าแห่งนี้มันคงไม่ใช้แน่ๆ ก็หมายความว่า…

มันกับเลทิเซียสถานะเท่ากันแล้ว ต่างที่เลทิเซียไม่สามารถใช้พลังใดๆ ได้แต่มันสามารถกระทำได้

ทว่าเหตุผลที่เลทิเซียไม่สามารถทำได้เพราะว่าที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลยเป็นความว่างเปล่าอันไร้ความจริงทุกอย่างไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก…

แต่ทว่าเจ้าหมึกนี่ไม่ใช่ความว่างเปล่า ใช่ อย่างที่กล่าวไปตอนแรกมันทำได้เพียงเป็นส่วนหนึ่งและหยิบยืมความว่างเปล่า

ไม่อาจกลายเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่าได้ พูดง่ายๆ คือ… ร่างกายของมันนั้นยังเป็นการดำรงอยู่ ถึงเพราะมีพลังแห่งความว่างเปล่าเลยไม่หายไป

อีกทั้งมันยังดูถูกพวกเลทิเซียสุดๆ จึงเหมือนจะไม่ระวังตัวอะไรเลย.. โดยลืมบางอย่างไปว่าถึงที่แห่งนี้จะไม่มีแนวคิดเรื่องเวทมนตร์หรืออะไรทั้งสิ้น..

แต่เลทิเซียกับซิลเวียก็มีพลังเวทอยู่ในตัว.. เพราะในความจริงแล้วไม่มีทางที่คนจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในความว่างเปล่า

แต่เพราะซิลเวียกับเลทิเซียได้รับการปกป้องโดยบางอย่าง ทำให้ร่างกายพวกเธอไม่สูญสลายไป

หรือก็คือ… ร่างกายของพวกเธอยังอยู่เวทมนตร์ในตัวก็ยังอยู่.. ขาดแค่ความเป็นจริงที่จะแทรกแซง.. และเลทิเซียก็ได้แทรกแซงร่างกายของอีกฝ่าย..

ใช้ร่างกายอีกฝ่ายเป็นทั้งต้นเหตุและผลลัพธ์ในเวลาเดียวกัน.. เรื่องแบบนี้เลทิเซียเคยทำกับร่างกายตัวเองจึงไม่มีความกังวล..

เพราะมันทำได้จริง!

นี่คือแผนเลทิเซียที่พยายามจะแตะต้องตัวอีกฝ่ายให้ได้สักครั้งนั่นเอง แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่เลทิเซียและเจ้าหมึกเองไม่ทราบ

อย่างไรซะนี่ก็คือความว่างเปล่าที่ไม่มีใครเข้าใจอย่างถ่องแท้…

อันที่จริงหากเป็นก่อนหน้านี้เลทิเซียไม่สามารถทำแบบนี้ได้หรอก เพราะต่อให้มีพลังก็ตามสุดท้ายแล้วความว่างเปล่าก็คือความว่างเปล่า

แต่ที่ทำได้ เพราะอีกฝ่ายได้สร้างบางอย่างขึ้นมาจากความว่างเปล่าแห่งนี้.. การทำแบบนี้เลทิเซียไม่อาจทำได้แต่อีกฝ่ายทำได้เพราะอีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของมัน

บางทีอาจจะเพราะความว่างเปล่าแห่งนี้เหมือนสวนหลังบ้านของเจ้าหมึกนี่ไปแล้วมันจึงสามารถกำหนดหรือสร้างอะไรได้ตามความต้องการ

แต่นั่นก็กลายเป็นว่าทำให้ที่แห่งนี้ที่ ‘ไม่มีอะไรสักอย่าง’ กลายเป็น ‘มีอะไรสักอย่าง’ แทนจึงกลายเป็นว่าความว่างเปล่านี้ผิดเพี้ยน

จากความว่างเปล่ากลับมีอะไรขึ้นมา.. คงเป็นเพราะแบบนั้นถึงทำให้เลทิเซียสามารถใช้พลังได้ …

เสียงกรีดร้องของมันดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ เลทิเซียถอยหลังกลับไปอย่างว่องไว ให้ห่างจากอีกฝ่ายหลักกิโลเมตร ก่อนที่เธอจะรักษาบาดแผลตัวเอง

“อ่า.. รักษาได้แล้ว ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้นี่น่า?”

เลทิเซียอ้าปากอย่างตกใจ แต่เธอไม่มีเวลามาตกใจนานขนาดนั้น เธอรีบพยายามใช้พลังเวทแต่ก็พบว่ามันไม่สามรถใช้ได้อยู่ดี

ถึงแม้จะเกิดความจริงที่ผิดแผกในความว่างเปล่าแห่งนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ความจริงที่แข็งแกร่งดั่งต้นกำเนิดที่เคยอยู่

จึงทำให้โลกปลอมๆ ที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างมีความประหลาดอยู่ไม่มากก็น้อย

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า..”

“ข้าไม่เป็นไร.. ว่าแต่เจ้าทำร้ายมันได้ยังไง..”

“ฉันเปลี่ยนให้หลอดเลือดในร่างกายมันฉีกขาดน่ะ..”

“…..”

ฟังดูเหมือนง่ายแต่เหลือเลือดในร่างกายมนุษย์มีเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าเพียงชั่วพริบตาเลทิเซียได้แทรกแซงร่างกายอีกฝ่ายสำเร็จ

ไม่พอยังสร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายได้มากขนาดนี้ แต่วินาทีต่อมานั้นเองเสียงกรีดร้องของมันก็ดังขึ้น

“พวกแก.. พวกแก.. ข้าจะฆ่าพวกแก”

เสียงต่ำนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารเหมือนกับแค้นเก่าและแค้นใหม่ทบกันมั่วไปหมด เลทิเซียและซิลเวียมองหน้ากันก่อนจะมองไปรอบด้าน

ที่แห่งนี้มีทั้งท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เต็มไปด้วยเมืองที่ล่มสลาย.. อันที่จริงหากมองดีๆ .. ที่แห่งนี้คือเมืองใต้น้ำ

ท้องฟ้าที่เห็นนั้นเหมือนจะเป็นแค่ภาพจำลองเท่านั้น แต่นอกเหนือเมืองแห่งนี้เหมือนจะจมอยู่ใต้น้ำลึก..

อีกทั้งซากปรักหักพังยังเก่าแก่มากเลยด้วย.. แต่อย่างไรซะนี่ก็เป็นโลกที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาเพื่อกักขังทรมานพวกเธอ..

จะหนีไปซ่อนที่ไหนก็คงเปล่าประโยชน์… ทางที่ดีที่สุดคือไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้และคิดแผนรับมือ..

“ซิลเวีย เราอยู่ห่างเจ้านั่นให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้กันเถอะ”

“อืม”

ซิลเวียเห็นด้วยทั้งคู่จึงหันหน้าไปทิศตรงกันข้ามจากเสียงคำราม ก่อนที่เลทิเซียจะเคลื่อนไหวนั้นเอง มือของเธอก็ถูกจับแล้วฉุดดึงเอาไว้

เลทิเซียหันกลับไปมองก็พบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจับมือเธอเอาไว้อยู่ เธอตัวเล็กกว่าเลทิเซียซะอีกผมสีดำสนิทไม่เหมือนกับเลทิเซีย

ผมของเธอราวกับไม่สะท้อนแสงเป็นความมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่เพราะเลทิเซียเคยเห็นผมแบบนี้จากไวท์แล้วจึงไม่ตกใจขนาดนั้น แต่ที่น่าตกใจคือผมของเด็กคนนี้

ยาวลากพื้นเลย…

“เธอ…”

“พี่สาว… เป็นใครงั้นเหรอคะ?”

เลทิเซียหยุดชะงักมองเด็กสาว เธออายุราวๆ 7-8 ขวบเพียงเท่านั้น… เลทิเซียขมวดคิ้ว ส่งผลให้ซิลเวียหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรเหรอ เลทิเซีย? รีบหนีเถอะ”

“มีเด็กอยู่ในนี้.. หรือว่าเจ้าหมึกนั่นมันสร้างแม้แต่คนขึ้นมาได้?”

เลทิเซียพูดพลางขมวดคิ้ว.. หากเป็นแบบนั้นเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าคงโดนสิ่งมีชีวิตที่เจ้าหมึกนั่นซุ่มโจมตีเอาได้นะแบบนั้น..

ในขณะที่คิดไม่ตกซิลเวียกับเด็กสาวไม่ทราบนามก็กล่าวขึ้นแทบๆ พร้อมกันว่า

“พี่สาวคุยกับใครเหรอ?”

“เลทิเซียเจ้าพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?”

พอคำพูดนั้นดังขึ้นซิลเวียก็ยื่นหัวไปดูก็ไม่สามารถมองเห็นเด็กสาวที่เลทิเซียมองเห็นได้ ขณะเดียวกันเด็กสาวก็ไม่สามารถมองเห็นซิลเวียได้เช่นกัน

พอกล่าวแบบนั้นเลทิเซียก็ขมวดคิ้ว จะว่าไปมันก็แปลกๆ อยู่ เด็กสาวคนนี้..จู่ๆ ก็โผล่มาโดยที่เลทิเซียยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ..

แถมซิลเวียก็ไม่สามารถมองเห็นได้ .. นี่มันหมายความว่าไง…?

แต่เวลาไม่เคยรอใครในตอนนั้นเองเสียงคำรามของหมึกนั่นก็ดังพุ่งเข้ามาทางนี้.. ทั้งคู่ด้วยความไวสูง

เลทิเซียกัดฟัน อย่างน้อยสู้กับพวกลูกน้องมันก็ยังดีกว่าสู้กับเจ้าหมึกตอนนี้แหละ เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากรีบหนีจากที่นี่..

แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงจับมือของเธอด้วยสายตาที่สับสนและกังวล.. เหมือนกับว่าเลทิเซียเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเธอ…

เลทิเซียที่สัมผัสสายตานั้นได้.. เธอไม่ใช่คนที่จะเมินคำสอนของพี่สาวได้ง่ายๆ .. หากคนต้องการความช่วยเหลือก็ให้ช่วยเถอะ..

ถึงเลทิเซียจะเป็นคนคิดในแง่ลบอยู่เสมอในอดีต แต่เธอก็ยังกล้าที่จะด้าวเท้าออกไปช่วยใครสักคน.. เหมือนกับตอนของสเตฟานี่

ดังนั้น.. สายตานี้ที่จ้องมองมาที่เธอ…รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก เธออุ้มเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา แต่เหมือนผมยาวลากพื้นของเธอจะถูกซากปรักหักพังทับไว้อยู่…

“ขอโทษทีนะ.. แต่เราไม่มีเวลาแล้ว”

“เลทิเซียเจ้าพูดกับใคร?”

ซิลเวียที่เห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงแถมเลทิเซียก็ทำเหมือนอุ้มอะไรสักอย่างอยู่อีกต่างหาก.. แต่เลทิเซียไม่มีเวลามาตอบซิลเวีย

เธอขอโทษเด็กสาวเสร็จก็ใช้วิชาดาวไร้ลักษณ์ออกมาโดยใช้แขนเป็นคมดาบแล้วก็ตัดผมของเด็กสาวคนนั้นก่อนที่จะพูดขึ้น..

“ไปกันเถอะ ซิลเวีย”

“อะ.. อื้ม”

ทั้งคู่หลบหนีไปทิศตรงกันข้าม.. พร้อมกับเด็กผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเลทิเซียที่ซึ่งกำลังตกใจในตอนนี้.. เธอมองเส้นผมที่ขาดสะบั้นขอตัวเองและสลับไปมองเลทิเซียที่อุ้มเธออยู่…

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท