การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 317

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 317 – นิลคือ…?

“แต่ว่า…. โลกใบนี้มัน”

ขณะที่เลทิเซียเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้วยความว่องไว ยังดีที่แม้จะใช้เวทมนตร์ไม่ได้แล้ว แต่ว่าเวทมนตร์พวกทำงานอยู่ในร่างกลับสามารถใช้ได้แล้ว

เช่นนั้นเวทมนตร์ฟื้นฟูหรือรักษาตัวเอง.. ถึงเวทมนตร์รักษานี้จะไม่ใช่เวทรักษาที่ดีที่สุดที่เลทิเซียสามารถทำได้ในตอนนี้ก็ตาม

แต่ก็คงไม่มีใครมีพลังระดับเดียวกับจ้าคนที่ชื่อฮิสครอมนั้นในนี้หรอก ส่วนเจ้าหมึกปีศาจนั่นแข็งแกร่งกว่าก็จริง

แต่ว่ามันก็ไม่ได้คิดจะสังหารเลทิเซียทีเดียวเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา และเวทมนตร์เสริมกำลังก็ใช้งานได้

เลยทำให้เลทิเซียตามอีกฝ่ายไปด้วยความเร็วสูง แต่เหมือนศัตรูที่จับนิลไปจะเร็วกว่าทำให้ยากต่อการตาม เลทิเซียจึงไม่มีสมาธิขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามเธอยังพอแยกสมาธิมาครุ่นคิดเกี่ยวกับโลกใบนี้ได้.. โลกใบนี้ถูกสร้างโดยเจ้าหมึกยักษ์นั่นไม่ผิดแน่

ดูจากท่าทางของมันเลทิเซียคิดว่า มันคงอยากจะค่อยๆ ทรมานพวกเธอเพื่อจะล้างแค้นแน่ๆ ..

ที่ทำให้มีพื้นที่ให้หลบหนีคงเป็นเพราะมันอยากเห็นการดิ้นรนเอาตัวรอด เพราะยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่และพอตอนถูกทำลายจะสิ้นหวังมากยิ่งเท่านั้น

เรื่องนี้เลทิเซียรู้ดี

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอสงสัยคือทำไมถึงมีคนอื่นนอกจากเธอยู่ในนี้.. นี่มันควรจะหมายความว่าเจ้าหมึกนั่นสร้างขึ้นมาอีกที

แต่ว่าเหมือนจะไม่ใช่เพราะเจ้าหมึกยักษ์นั้นยังไม่รู้ที่อยู่ของพวกเรา แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง

เลทิเซียขมวดคิ้วพร้อมกับเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง พร้อมกับสมองที่กำลังทำงานอย่างหนัก

หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป สิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่

ถึงแม้ในตอนนี้จะกำลังไล่ตามอะไรสักอย่างที่ไม่เข้าใจนั่นอยู่โดยไม่คำนึงถึงอันตรายของตัวเองก็เถอะ..

แต่เลทิเซียคิดดีแล้วเช่นกัน บางทีที่เจ้าหมึกยักษ์นั่นตามมาไม่ได้อาจจะเป็นเพราะ… นิล

เจ้าหมึกที่สร้างโลกแห่งนี้มันต้องรู้ตำแหน่งเราได้แน่ๆ อย่างน้อยก็รู้จากตอนแรกเพราะมันสามารหาตำแหน่งที่เราถอยไปหลบในตอนแรกและได้เจอกับนิลเจอ

ดังนั้นอย่างน้อยมันก็ต้องรู้ตำแหน่งพวกเรา แต่ว่าเลทิเซียยังไม่รู้เหตุผลที่ตามมาไม่ได้.. แต่แน่นอนว่าคำอธิบายนั้นมีไม่กี่อย่า

เพราะสิ่งที่มาพร้อมกับเลทิเซียและซิลเวียนอกจากตอนแรกมีเพียงแค่นิล.. ใช่ บางทีนิลคงเป็นคนที่ทำให้เลทิเซียกับซิลเวียหลบจากสายตาของหมึกนั่นได้

ที่เลทิเซียคิดแบบนี้เพราะว่าตอนที่เธออมองไปที่นิล สิ่งแรกที่เลทิเซียสัมผัสได้คือราวกับเธอไม่มีตัวตนอยู่และไม่มีในเวลาเดียวกัน

เหมือนกับมีชีวิตและไม่มีชีวิต.. และซิลเวียกลับมองไม่เห็น.. สิ่งที่เลทิเซียพอจะคิดออกนั้นมีแค่…

“เธอคือ.. ความว่างเปล่า”

ใช่.. จากคำพูดของเจ้าที่ชื่ออาคุสนั้นเหมือนนิลก่อนหน้านี้จะเป็นเด็กที่จะนำพาทุกอย่างไปถึงจุดจบ แน่นอนเลทิเซียรู้ว่ามันไม่ได้โกหก

จากท่าทางต่อต้านและรู้สึกผิดของนิลน่ะ หมายความว่าบางทีก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นความว่างเปล่าเธอก็เคยเป็นสิ่งมีชีวิตมาก่อน..

หลักฐานก็คือ.. อาร์ติแฟ็คสองชิ้นที่พึ่งเห็นไปเมื่อครู่.. เลทิเซียพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าบางทีโลกแห่งนี้นั้นไม่ใช่โลกที่เธออยู่..

ไม่สิ จะพูดให้ถูกคือเป็นต้นกำเนิดก่อนที่จะมีต้นกำเนิดที่เธออยู่ในปัจจุบัน.. เป็นโลกใบเดียวกับที่ชิ้นส่วนเวหามี!

เพราะในโลกที่พวกเลทิเซียอยู่ การหาอาร์ติแฟ็คมาว่าๆ สองชิ้น แถมชิ้นหนึ่งใช้แล้วทิ้งไม่มีใครใช้ของฟุ่มเฟือยขนาดนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเด็กคนหนึ่ง

ต่อให้เด็กคนนั้นน่าจะไม่ใช่เด็กธรรมดาก็ตามอาร์ติแฟ็คใช้แล้วทิ้งแน่นอนว่ามี แต่ก็คงไม่คิดจะใช้ในสถานการณ์นั้นแน่นอน

หรือก็คือโลกนี้เป็นโลกใบเดียวกับชิ้นส่วนเวหาแน่ๆ .. ถึงจะบอกว่าโลกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่ดาวดวงเดียวกันหรอกนะ

เพราะต้นกำเนิดมันสร้างทุกสรรพสิ่งน่ะ.. มันครอบคลุมทุกอย่างตรรกะ แนวคิด ความเชื่อทุกอย่าง… ดังนั้นแม้จะบอกว่าโลกเดียวกันก็แค่หมายถึงต้นกำเนิดเดียวกัน

“ตามคำอธิบายของซิลเวียกับคำพูดของเจ้าหมึกนั่น.. บางทีคงมีบางสิ่งบางอย่างเหลือรอดมาอยู่หลายอย่าง”

เลทิเซียพึมพำ บางทีความว่างเปล่านี้ก็เช่นกัน ถึงจะยังรู้เรื่องเกกี่ยวกับนิลไม่มากเท่าไหร่นัก..

แต่บางที.. นิลคงกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่เหมือนกับหมึกยักษ์นั่น.. แต่เป็นเธอที่เป็นความว่างเปล่าที่แท้จริง

เพราะแบบนั้น..เธอถึงได้ไม่สามารถสัมผัสชีวิตจากนิลได้นั่นเอง.. แน่นอนว่าเจ้าคนที่มาจับนิลก็ไม่สามารถสัมผัสได้เช่นกัน

แต่เลทิเซียสันนิษฐานว่า บางทีคงเป็นภาพลวงตาที่นิลสร้างขึ้นมานั่นแหละ.. คำสาปแห่งจุดจบคงนำพาเธอมาถึงจุดจบที่แท้จริง

และกักขังความนึกคิดของตนเองไว้ในโลกเดิม… จนกระทั่งเจ้าหมึกที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่าได้สร้างโลกขึ้นมา

เพราะมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งกับความว่างเปล่าเลยสร้างโลกตามความปรารถนาของนิลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวจนก่อเป็นรูปร่างบ้านเมืองของนิล

ทำให้เห็นภาพของนิล.. แต่ที่ยังอธิบายไม่ได้คือทำไมเลทิเซียถึงเห็นนิลอยู่คนเดียวล่ะ… อีกอย่างเลทิเซียคิดว่าหากปล่อยให้นิลอยู่คนเดียวในความมืดแบบนี้ต่อไป

มันน่าสงสารเกินไป…

ดังนั้นเลทิเซียจึงเลือกที่จะตามนิลไปโดยไม่ลังเลนั่นเอง

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การรวบรวมข้อมูลจากที่เธอได้พบได้เห็นมาเท่านั้น จริงแท้แค่ไหนเลทิเซียไม่รู้เช่นกัน แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย

“ซิลเวียเธอใช้เวทมนตร์ได้หรือยัง?”

จู่ๆ เลทิเซียก็กล่าวถามซิลเวียที่ตามมาด้วย แต่ทว่าซิลเวียก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงที่ผิดหวัง

“ยังเลย.. ข้าลองไปแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะใช้เวทมนตร์ได้ยังไง?”

“ฉันเองก็ไม่รู้ เหมือนว่าจู่ๆ ก็ใช้ได้.. ตอนแรกคิดว่าใช้ได้แค่การทำลายร่างกายอีกฝ่ายแท้ๆ นะ..”

เลทิเซียได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแต่ก็ยังตอบคำถามซิลเวีย พูดอีกอย่างก็คือเวทมนตร์ของเลทิเซียคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ได้

ไม่สิ จะพูดให้ถูกคือพลังของซิลเวียไม่มีพลังที่เหมือนกับเลทิเซีย ถ้ามีบางทีเธออาจจะใช้มันได้ก็ได้ใครจะไปรู้

“เรื่องนี้มันจะเกี่ยวกับเรื่องของนิลด้วยหรือเปล่านะ”

เลทิเซียคิดในใจ.. เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นโลกในความทรงจำของนิล เพราะว่าถึงจะบอกว่าเป็นต้นกำเนิดเดียวกับชิ้นส่วนเวหา

แต่เหมือนเลทิเซียจะยังสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเองได้ ไม่เหมือนกับโลกนั้นที่ต้องใช้เวทมนตร์ของโลกนั้นเท่านั้น

แต่ในขณะที่เลทิเซียใช้ความคิดนั้นเอง คนที่เลทิเซียไล่ตามอยู่ก็เคลื่อนที่ผ่านช่องแคบมืดๆ แห่งหนึ่งด้านซ้ายหายไปจากวิสัยทัศน์ของเธอทันที

“รู้ตัวแล้วสินะ”

เลทิเซียขมวดคิ้ว รีบตามไปยังมุมนั้น แต่ในจังหวะที่เลี้ยวตามซอกตรอกที่อีกฝ่ายหายไป เบื้องหน้าก็มีเส้นใยสีขาวพาดไปพาดมา

“อาร์ติแฟ็คอีกแล้ว!”

เส้นใยสีขาวเหล่านั้นราวกับเป็นใยแมงมุมที่.. พอเลทิเซียมองเห็นมัน.. มันก็พุ่งเข้ามาหาเลทิเซียทันที

แต่ทว่าน่าเสียดายเพราะตอนนี้เลทิเซียถูกซิลเวียจับมือไว้อยู่ เส้นใยนั้นพุ่งผ่านทะลุตัวซิลเวียและเลทิเซียไป

“นี่มัน.. เหมือนก่อนหน้านี้เลย…”

เลทิเซียอึ้ง ในขณะเดียวกันห่างออกไปเงาสีดำที่เห็นภาพนี้ก็อึ้งอยู่พอสมควรแต่มันก็ไม่อยากรอให้เลทิเซียจับมันได้ มันสบถทีหนึ่งแล้วก็กลายเป้นเส้นแสงจากไป

เลทิเซียเองก็ตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนแรกกะจะใช้กำลังฉีกมันออกไม่ก็ทำลายวงจรเวทของอาร์ติแฟ็คทิ้ง

ถึงจะเสียดายแต่ยังไงก็คงเอาไปใช้เองไม่ได้เพราะขนาดซิลเวียยังมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ มันต่างอะไรจากภาพลวงตาละ

เพราะมันมีผลแค่กับเธอ.. แต่พอจับมือกับซิลเวียอยู่ภาพลวงตาเหล่านี้เหมือนจะไม่มีประโยชน์กับเธอ..

พอคิดได้แบบนั้นเรื่องจะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่.. เลทิเซียรีบตามอีกฝ่ายไปทันที

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท