บทที่ 318 – แด่พวกเรา!
ในจังหวะที่เลทิเซียก้าวขาตามไปนั้นเองจู่ๆ ก็พลันมีแรงระเบิดปริศนาสั่นสะเทือนขึ้นกลางอากาศต่อหน้าเธอ
แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ทันตั้งตัวก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าจะหลบไม่ได้ ทว่าเธอกลับไม่ได้หลบทันที… เพราะคิดว่าแรงระเบิดนั้นจะไม่ส่งผลถึงตัวเธอ
แต่น่าเสียดายที่เหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในพริบตาที่มีแรงระเบิดซัดเข้ามาสีหน้าเลทิเซียแปรเปลี่ยน
คลื่นพลังเวทมากมายมวลตลบใส่ร่างของเลทิเซียจนลอยกระเด็นอัดเข้ากับซากปรักหักพังอย่างรุนแรง
“ตู้ม!”
“เลทิเซีย เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ซิลเวียที่เห็นจู่ๆ เลทิเซียก็กระเด็นโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้เธอสับสน แต่เลทิเซียก็ลุกขึ้นมาจากซากปรักหักพัง
พร้อมกับตอบซิลเวีย
“ไม่เป็นไร.. แต่ว่า…”
เหมือนมันจะมีผลต่อเธอ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่โดนล่ะ.. ไม่สิ ก่อนหน้านี้เป็นอาร์ติแฟ็ค..
แต่นี่เหมือนจะไม่ใช่อาร์ติแฟ็ค แต่เป็นเวทมนตร์ซะมากกว่า หรือว่าเพราะเป็นเวทมนตร์เลยส่งผลถึงเธอได้?
แล้วทำไมอาร์ติแฟ็คถึงทำอะไรเธอไม่ได้ล่ะ ในหัวที่เต็มไปด้วยความสับสนนั้น เลทิเซียก็คลาดกันกับอีกฝ่ายที่จับตัวนิลไปเสียแล้ว
เพราะนับตั้งแต่เลทิเซียหลบจากอาร์ติแฟ็คอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายก็เคลื่อนที่หลบหนีด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมทิ้งกับดักเวทมนตร์ไว้ตามทาง
ดังนั้นต่อให้เป็นเลทิเซียที่มีความเร็วสูสีกับอีกฝ่ายในตอนนี้ พอคลาดกันหนึ่งครั้งก็ยากที่จะตามทันอีกครั้ง
“เหมือนว่าศัตรูจะหายไปแล้วนะ…”
“ถึงจะไม่รู้เรื่องก็เถอะ แต่เหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แล้วสินะ?”
“ใช่แล้ว.. ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะถูกปีศาจหมึกนั่นตามเจอไม่พอ นิลเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน..และไม่รู้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกับเธอ”
เลทิเซียอธิบายสถานการณ์ แน่นอนว่าไม่รู้ว่าพวกมันต้องการจะทำอะไร ไม่สิ.. แรกเริ่มเดิมทีถึงที่นี่จะเป็นต้นกำเนิดในอดีต..
แต่มันเป็นส่วนไหนของต้นกำเนิด มันอยู่ในโลกใบไหนยังไง เลทิเซียยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ.. จากท่าทางของนิล.. ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว
หมายความว่าเจ้าพวกที่จับเธอไปเป็นคนนอกงั้นสินะ.. แล้วดูจากคำพูดของคนที่ชื่ออาคุสนั่น..
ดูเหมือนที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่ปิดตาย.. เพราะมันบอกว่าไม่รู้ว่ามาที่แห่งนี้ได้ยังไงกับบอกว่าเอานิลแลกกับการออกไปจากที่นี่
แค่คำพูดนั้นของมันก็พอจะเดาได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่จะเข้าออกได้ง่ายๆ และท่าทางที่ตื่นเต้นของนิลเห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นตอนที่ที่แห่งนี้ยังไม่ล่มสลายก็ตาม
โลกภายนอกก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวมากแน่ … จากคำพูดเหล่านี้ทำให้เลทิเซียสรุปได้ว่า.. ที่แห่งนี้คือที่ปิดตายที่เข้ายากออกยาก…
ที่บอกว่ายาก แทนที่จะเป็นเข้าไม่ได้ ออกไม่ได้เพราะเจ้าอาคุสนั่นยังเข้ามาได้ เลทิเซียจึงพอจะเดาได้ว่าคงมีวิธีเข้าและวิธีออกอยู่
“ข้อมูลน้อยเกินไป… จากคำพูดของมันเหมือนต้องการคำสาปในตัวของนิลมากกว่า.. แล้วมันจะทำยังไงกับนิล.. ฆ่าเธอเหรอ หรือเอาเธอไปทำอะไรอย่างอื่น?”
เลทิเซียไม่เข้าใจกฎของโลกใบนี้ดี ทำให้เธอไม่รู้ว่าแนวคิดของคำว่า คำสาป บนโลกใบนี้เป็นยังไง..
ในขณะที่เลทิเซียบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวนั้นเอง.. ซิลเวียที่เงียบอยู่ก็แตะเลทิเซียพร้อมกับพูดขึ้น
“นี่ๆ .. เลทิเซีย ดูนั่นสิ..”
“นั่นมัน….”
พอเลทิเซียหันไปมองตามที่ซิลเวียพูด เบื้องหน้าของพวกเธอทั้งสองก็มีบ้านหลังหนึ่งที่ยังไม่กลายเป็นซากปรักหักพังอยู่..
ไม่สิ จะเรียกว่าบ้านคงไม่ถูก.. ควรเรียกว่าคฤหาสน์ขนาดใหญ่เลยมากกว่า เขตที่เกิดขึ้นโดยกำแพงของบ้านหลังนี้กินพื้นที่ไปจนสุดลูกหูลูกตา..
ที่กลางพื้นที่มีบ้านหลังใหญ่อยู่มันยังไม่พังทลายลง.. แต่ว่าก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรุดโทรมที่ชัดเจน ซิลเวียแม้จะไม่มีความรู้ด้านนี้มาก
แต่เธอมั่นใจว่าหากเกิดการปะทะไม่แรงบ้านหลังนี้คงถล่มลงไปทันที.. กำแพงที่ล้อมบ้านอยู่นั้นไม่สูงมากแต่ก็มีหลายส่วนที่พังถล่มลงไปแล้ว
ที่บ้านยังไม่ถล่มลงไปคงถือเป็นปาฏิหาริย์ เลทิเซียที่เห็นภาพนี้ก็เบิกตากว้างเล็กน้อย เธอจับมือของซิลเวีย
“เอ่อ.. นี่เจ้าทำอะไรน่ะ..”
เพราะจู่ๆ เลทิเซียก็จับมือตัวเอง ซิลเวียสะดุ้งเล็กน้อยเลทิเซียไม่ได้ตอบ เธอปล่อยมือซิลเวีย…
สิ่งที่เธอเห็นไม่ได้มีเพียงแค่นั้น.. ในบ้านหลังนี้เหมือนม่านพลังบางอย่างปกป้องเอาไว้อยู่.. ราวกับว่ามันป้องกันการทรุดโทรมจากกาลเวลา
เพราะเธอไม่แน่ใจว่าซิลเวียเห็นแบบเดียวกันนี้หรือออเปล่า จึงลองสัมผัสดูแต่เหมือนซิลเวียจะไม่สามารถมองเห็น
“จะว่าไป… สิ่งที่ฉันมองเห็นแล้วซิลเวียมองไม่เห็นในโลกนี้.. มันจะเกี่ยวข้องกับนิลเสมอ..”
“หรือว่านี่ก็เกี่ยวข้องกับนิล?”
เลทิเซียคิดแบบนั้น เพราะหากโลกนี้มันเกี่ยวข้องกับนิล ที่เจ้าหมึกนั่นสร้างขึ้นมาเพราะได้รับอิทธิพลจากนิล
ไม่แปลกที่หลายๆ อย่างนั้นจะเกี่ยวข้องกับนิล ถึงเธอจะยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเธอถึงมองเห็นแต่ซิลเวียมองไม่เห็นก็ตาม
แต่มีความเป็นไปได้มากทีเดียวว่าแสงที่ล้อมรอบบ้านหลังนี้อยู่จะเกี่ยวข้องกับนิล.. และเมื่อนึกถึงขนาดของเมืองนี้แล้ว..การจะตามหานิลมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งตอนนี้ที่เวทมนตร์ก็ใช้ไม่ได้ มีเพียงแค่เสริมพละกำลังเท่านั้น.. และต่อให้เป็นเลทิเซียเองหากจะเคลื่อนที่ไปทั่วเมืองใหญ่ขนาดนี้ละก็ คงยากอยู่ดี
สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงแค่ตามหาเบาะแสที่เกี่ยวกับนิลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.. แม้ผ่านมาแล้วเป็นสิบปีก็ตามที..
เลทิเซียคิดว่าหากบ้านหลังนี้ที่ได้รับการปกป้องจากม่านพลังบางอย่างนี่ละก็.. ต้องเหลืออยู่แน่.. บันทึกและความลับเกี่ยวกับโลกใบนี้
เพราะบ้านหลังนี้ดูยังไงก็เป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ ..
“ไปตรวจสอบในนั้นกันเถอะ”
“อะ อื้ม”
ซิลเวียตอบเลทิเซีย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น.. จังหวะที่เลทิเซียเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นนั่นเอง..
ห่างออกไปตรงจุดที่เลทิเซียเคยซ่อนอยู่.. ร่างของเจ้าหมึกยักษ์นั่นก็ปรากฏขึ้น.. มันจ้องไปที่ที่เลทิเซียเคยซ่อนอยู่พร้อมกับขมวดคิ้ว..
“หายไปอีกแล้ว… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
…..
ขณะเดียวกันหลังจากที่นิลถูกพาตัวออกมาแล้ว และสลัดเลทิเซียหลุดออกมาได้ อาคุสก็ถอนหายใจ
พอมานึกถึงเด็กผู้หญิงคนก่อนหน้านี้มันไม่โดนอาร์ติแฟ็คของเขาก็ทำให้มันใจสั่น.. บางทีเด็กนั่นคงไม่ธรรมดาจริงๆ
ดีที่มันไม่โจมตีอีกฝ่ายโดยไม่คิด ไม่อย่างนั้นคงเป็นมันที่ลงไปนอนบนพื้น.. มันมองนิลที่สลบอยู่ในแขนของมัน
และในตอนนั้นเองคนสวมชุดสีดำอีกคนก็ปรากฏด้านหน้าของอาคุส ชายคนนี้มองไปที่นิล ชายชุดดำเบื้องหน้าอาคุสก็กล่าว
“ทำได้ดีมาก… แล้วเจ้าคนที่ไล่ตามเจ้ามาล่ะ”
“สลัดหลุดแล้วล่ะ”
“ดีมาก งานครั้งนี้เราจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด… เพื่อครอบครองพลังที่เหนือกว่าพวกมังกรบัดซบที่ทำลายบ้านของพวกเรา”
“แด่ประเทศของพวกเรา!”
ทั้งสองคนกล่าวเช่นนั้นก็ตามกันไปทันที.. เพื่อครอบครองพลังที่อยู่เหนือกว่าทุกอย่าง.. กำจัดมังกรเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ผู้ทำลายล้างบ้านเกิดด้วยความสนุก.. หนึ่งในมังกรที่แข็งแกร่งที่สุด…
เทพมังกรแห่งความสิ้นหวังและเทพมังกรแห่งความวินาศ…
“หากมีเจ้าสิ่งนี้ละก็.. ข้าจะสามารถฆ่าพวกแกสองพี่น้องได้อย่างแน่นอน… เมื่อถึงวันนั้นเหล่าผู้เสียเลือดในอาณาจักรของเรา.. จะได้ตายตาหลับเสียที”
มันกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับมองนิล.. สายตาที่มองนิลนั้นไม่ใช่สายตาที่มองคนคนหนึ่ง.. แต่เป็นสายตาที่มองเครื่องมือ..
เครื่องมือที่เตรียมไว้เพื่อการล้างแค้น!