บทที่ 326 – สับสนอลหม่าน
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของไวท์ที่จู่ๆ ก็พุ่งพรวดออกมาทำเอาเลทิเซียแตกตื่น คมดาบนั้นแทงทะลุเข้าไปที่อกของนิลอย่างโหดร้าย
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเองเจ้าหมึกยักษ์ที่อยู่ในรูปร่างของสตรีสาวก็โจมตีใส่เลทิเซียอย่างรุนแรง
“อ่อก”
การปะทะอย่างรุนแรงนั้นส่งผลให้เลทิเซียปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าจนไปกระแทกกับท้องฟ้าจำลองอย่างรุนแรง
โชคดีที่ท้องฟ้าจำลองไม่ได้พังลงแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เลทิเซียไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อยเธอตะโกนออกมา
“นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอไวท์”
“อ๊ะ..นายท่าน..”
จู่ๆ ไวท์ก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาเหมือนกับเมื่อครู่เธอปล่อยตัวตามสัญชาตญาณ แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง
เจ้าหมึกยักษ์จับไหล่ของนิลและดึงเอาดาบที่ปักอยู่ที่อกออกมาอย่างรุนแรง น่าแปลกที่คมดาบนี้ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรให้นิลเลย
ไม่สิ.. คงสร้างบาดแผลไปแล้ว แต่ในตอนที่เจ้าหมึกมันดึงดาบออกจากตัวเธอ.. มันใช้เวทมนตร์รักษาไปด้วย
ไม่สิ จะบอกว่ารักษาก็คงไม่ได้เพราะมันเหมือนกับว่าทำให้ความเป็นจริงนั้นไม่มีมาตั้งแต่แรกเสียมากกว่า
“…”
เลทิเซียที่เห็นภาพนี้ก็ประหลาดใจ.. เจ้าหมึกเห็นสิ่งที่เธอเห็นด้วยอย่างงั้นเหรอ หมายความว่านิลเองก็เห็นเจ้าหมึก.
เจ้าหมึกเองก็เห็นนิล.. ไม่สิ ยังไงซะมันก็เป็นคนสร้างโลกนี้ขึ้นมานี่น่า.. ถ้าไม่เห็นสิแปลก..
เลทิเซียคิดได้แบบนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ยังมีเรื่องที่สับสนอยู่… เช่นว่าทำไมเจ้าหมึกยักษ์นั่นถึงรักษาบาดแผลให้นิล
มันดูไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นนี่น่า.. แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยนิลกันล่ะ? ไม่สิต่อให้คิดไปตอนนี้สำหรับเลทิเซียมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ทันทีที่มันดึงดาบออกมาก็ปาดาบทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี ดาบนั้นก็ลอยลิ่วกลับมาอยู่ในมือของเลทิเซีย
“อ่า…ที่นี่มัน..”
ไวท์ที่ลอยกลับมาอยู่ในมือเลทิเซีย เธอก็เห็นทุกอย่างในเมือง.. ราวกับเธอได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เคยพบในอดีต
ดวงตาของเธอเผยแววสับสนและเจือปนด้วยความเสียใจอยู่ลึกๆ .. เธอลืมหลายสิ่งหลายอย่าง
ไม่สิ ลืมไปเยอะแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง.. เธออยู่มานานมาก.. นานแสนนานเกินจะกล่าวแล้ว… ทำให้ความทรงจำที่ได้รับรู้ได้เข้าใจบางส่วนจึงขาดหาย
เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เคยลืม.. เป็นความทรงจำของที่นี่… เมืองบ้านเกิดของเธอ.. และเป็นสถานที่อันแสนเจ็บปวดและรู้สึกผิดที่สุด..
เธอรู้สึกผิดมาตลอดที่ไม่สามารถเป็นเด็กดีให้ท่านพ่อได้.. ท่านพ่อที่คอยเลี้ยงดูคอยเอาใจใส่เธออยู่ตลอด..
สุดท้ายเธอก็ทำให้ท่านพ่อผิดหวังและ..ผิดหวัง… ความรู้สึกมากมายนั้นหลั่งไหลออกมาจากสายตาของเธอ..
“……”
ต่อให้ไม่ต้องบอกเลทิเซียก็รู้ เพียงพริบตาเดียวที่เธอพูดราวกับหวนย้อนกลับไปในอดีตเลทิเซียก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างทันที
..ใช่ ไวท์คือเด็กคนนั้น.. เด็กที่กลายเป็นดาบไปพร้อมกับผู้เป็นมารดาในฐานะแผนการของต้นตระกูลพ่อของเธอเอง
“เธอ…”
เลทิเซียเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง.. แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ ทว่าไวท์ที่จมอยู่กับความรู้สึกอันมากมายก็ถูกปลุกด้วยคำพูดของเลทิเซีย
“อ๊ะ.. นายท่าน.. จะว่าไปท่านมาที่นี่ได้อย่างไร.. อ่า แล้วก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
“ที่นี่—”
ไวท์เหมือนกำลังสับสนกับสถานการณ์เล็กน้อยทำให้เธอไม่เข้าใจบางอย่าง เลทิเซียอยากจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเมื่อสักครู่นี่
แต่ว่าก็ตัดสินใจที่จะไม่พูด.. หากเธอเป็นเด็กที่เจ้าคนที่เป็นพ่อวิปลาสนั่นปลูกฝังให้มีจิตมืด..บางทีที่เธอจู่โจมนิลอาจจะเป็นสัญชาตญาณ
ไม่สิ อาจจะเป็นแผนการของต้นตระกูลของพวกมันก็ได้ เพราะเลทิเซียทำลายหนังสือไปแล้วจนไม่รู้ว่าแผนการหลังจากนี้จะเป็นอะไร
อย่างไรก็ตามทุอย่างก็เริ่มพอที่จะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ.. แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังดูขัดแย้งกันอยู่..
ในขณะเดียวกันเจ้าหมึกยักษ์มองนิลด้วยหางตา สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ.. ทั้งที่พึ่งช่วยเธอเอาไว้มันก็โยนร่างของเธอทิ้งลงไปด้านล่าง
“ข้าไม่มีอารมณ์เล่นกับพวกแกแล้วล่ะ.. งั้นก็ตายกันซะให้หมด”
มันพูดแบบนั้นเสร็จร่างกายที่เหมือนมนุษย์ของมันก็แปรเปลี่ยนไป ผิวหนังดวงตา.. ม่านตา.. ทุกอย่างแปลเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท..
เป็นความมืดมิดที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาซ้อนทับได้ แม้แต่แสงก็ไม่อาจสาดส่อง.. ราวกับเป็น..ความว่างเปล่าอย่างแท้จริง
มันยกนิ้วชี้ไปที่เลทิเซีย.. สีหน้าเลทิเซียแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เธอเบี่ยงตัวหลบจากจุดเดิม
และในพริบตาที่เธอหลบตรงจุดที่เธออยู่กลายเป็นความว่างเปล่าสีดำสนิทอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าในเวลาถัดมานั้นเองร่างกายของเลทิเซียก็มลายหายไปจากจุดเดิม ก่อนที่จะปรากฏตัวด้านของนิลพร้อมกับรับเธอเอาไว้ทันพอดี
เลทิเซียร่วงลงพื้นพร้อมกับกอดนิลเอาไว้
“ไม่เป็นไรใช่ไหม นิล”
“พี่สาว.. หนู.. รู้สึกแปลกๆ ”
ร่างกายของนิลเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างน่าประหลาดทั้งที่ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แท้ๆ ..
รอบตัวของเธอมีพายุแห่งกาลเวลาแปลกประหลาดราวกับว่าตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังดูดซับเอาห้วงเวลาอันไม่สิ้นสุดเข้ามาสู่ในร่างกาย
“ตาย”
ทว่าในพริบตาต่อมาข้างหูเลทิเซียก็มีเสียงของเจ้าหมึกดังขึ้นพร้อมกับแขนขวาเธอก็พลันแตกสลายหายไปมากกว่าครึ่ง
ก่อนที่เธอจะดีดตัวถอยออกมาหลายกิโลเมตร เธอไม่กล้าทิ้งนิลเอาไว้เบื้องหลังจึงอุ้มเธอเอาไว้..
ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถเห็นนิลหมายความว่าสามารถแตะต้อง เลทิเซียไม่กล้าทิ้งนิลให้ศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่นอน
“พี่สาว.. แขนพี่สาว.. อ่า..”
“ส่งเด็กนั่นมาเดี๋ยวนี้”
ศัตรูอีกฝ่ายชายชุดดำก็เหมือนจะยังไม่เลิกตอแย พวกมันเหมือนจะมองเห็นเจ้าหมึกเหมือนกันแต่กลับยังคิดจะมาแย่งชิง
เรื่องนี้ทำเอาเลทิเซียปวดหัว เพราะหากเห็นการต่อสู้เมื่อครู่นี้มันควรจะกลัวหัวหดและรีบหลบหนีสิ แต่พวกนี้ไม่เพียงแต่ไม่หลบหนี
ยังกะจังหวะที่จะแย่งชิงนิลไปอีก… พวกมันโจมตีใส่เลทิเซียจากด้านหลังด้วยเวทมนตร์พร้อมกับโยนอาร์ติแฟ็คมาหลากหลายชนิด
ทั้งระเบิกควันที่ปกปิดการรับรู้และการมองเห็นแม้แต่การได้ยินหรือการสัมผัสกลิ่น ร่างกายเลทิเซียรู้สึกด้านชา
แต่ทว่าแม้จะมีผลมากขนาดไหนเลทิเซียก็ตอบสนองอย่างว่องไว ใช้มือซ้ายกอดเอวของนิลเอาไว้พร้อมกับหลบหลีกการโจมตี
แต่ในตอนนั้นเองคมดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านหลัง เลทิเซียไหวตัวทันโดยการยกแขนขวาที่ขาดเพราะเจ้าหมึกยักษ์ขึ้นพร้อมกับฟื้นฟู
และรับการโจมตีนั้นเอาไว้…มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ … แต่แขนขวากลับไม่ฟื้นฟูทำให้คมดาบจากชายชุดดำเสียบแทงเข้าไปยังแขนขวาจนทะลุไปถึงหัวไหล่
พร้อมกับพริบตาต่อมาชายร่างใหญ่คนหนึ่งพุ่งมาชนร่างเลทิเซียจนลอยไถลกับพื้นไปชนตึกที่สูงกว่าสามชั้นและก็พังถล่มอย่างง่ายดาย
“อั้ก”
เลทิเซียกระอักเลือดออกจากปากพร้อมกับดึงดาบออกจากแขนขวาของตัวเอง..
“ทำไม..ถึงฟื้นฟู…..”
ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งคำถามก็ได้รับคำตอบเสียแล้ว.. ร่างของซิลเวียที่อยู่ห่างออกไปเหมือนจะถูกเงาของเจ้าหมึกยักษ์กดทับลงพื้น
ใช่แล้ว.. ซิลเวียแม้จะเป็นเทพ..ก็ไม่มีทางสู้ตัวตนระดับเจ้าหมึกในตอนนี้ได้เพราะมันมีพลังเพียงพอที่จะทำลายทั้งต้นกำเนิดเลย!
ดังนั้น…อย่าว่าแต่ซิลเวียเลยยกมาทั้งแดนสวรรค์เจ้าหมึกก็สามารถต่อกรได้ด้วยเพียงหนึ่งลมหายใจของพวกมัน..
“อ่า… เลือด.. พี่สาว.. เลือดพี่สาว…”
“ฉันไม่เป็นไร…”
“ต้องห้ามเลือด.. ห้ามเลือด..”
นิลเหมือนจะสติแตกเพราะอาการบาดเจ็บเธอพยายามจะเอามืออุดบาดแผลของเลทิเซียแต่ทว่ายิ่งกดมือมันยิ่งไหลออกมา
อาการบาดเจ็บก่อนหน้าของนิลหายไปจนหมด เพราะเธอสนใจแต่บาดแผลของเลทิเซีย… น้ำตาเธอไหลออกจากดวงตาด้วยความสับสน
“ไม่นะ.. ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ.. ต้องไม่เป็นแบบนี้…”