บทที่ 331 – ตัวปลอม
ดวงตาของหมึกยักษ์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า..ดวงตาของมันราวกับสับสนและลังเลใจ.. ตัวมันคือนิล..
ร่างกายของนิลที่ที่ลอยอยู่บนฟ้าค่อยๆ บิดเบี้ยวและแปรเปลี่ยนอย่างบ้าคลั่ง.. ภาพนี้ดูน่ากลัวอย่างหาใดเปรียบราวกับเจอปรสิตลึกลับที่ขยายตัวอย่างไรอย่างนั้น
ผิวหนังที่ขาวสะอาดเริ่มถูกกล้ามเนื้อด้านในฉีกออกเพราะมันขยายใหญ่โตขึ้น เลือดเนื้อของนิลราวกับถูกผลัดทิ้ง
ดวงวิญญาณที่เหมือนจะหลุดลอยออกจากร่างไปตั้งแต่วินาทีที่ถูกเข็มทิ่มใส่หัวก็ราวกับถูกดึงตรวนกลับมาสู่ร่างกายเธอ
ตรวนพันธนาการเธอเอาไว้ราวกับต้องการให้เธอถูกผนึกอยู่ในร่างของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวนี้
ดวงตาที่ปิดสนิทของร่างที่แปรเปลี่ยนอยู่นั้นก็เบิกตากว้าง.. พริบตาต่อมาความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนั้นก็บังเกิดขึ้น
ร่างกายของนิลถูกฉีกออกจากด้านใน.. แสงจากวงแหวนเวทเบื้องล่างราวกับกระตุ้นให้การทำงานของคำสาปดังกล่าวทำงานเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
แต่ในขณะเดียวกันมันก็ผนึกร่างกายของนิลไว้ภายใต้พลังบางอย่าง.. จิตใจของเธอเหมือนกำลังแตกสลายไปอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดดังกล่าวกลับยิ่งชัดเจนขึ้น.. เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องสนั่นไปทั่วเมือง
แม้แต่ซิลเวียเองยังสั่นสะท้าน.. ทั้งที่เธอไม่เห็นหรือไม่เคยสัมผัสเหมือนเลทิเซียมาก่อน แต่ราวกับเสียงอันแสนเจ็บปวดนี้มันดังไปทั่วทุกหนแห้งในโลกแห่งนี้
นี่คือความเจ็บปวด นี่คือความทรมาน.. เสียงกรีดร้องนี้มันแหลมขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกล่องเสียงกำลังแปรเปลี่ยน
ซึ่งสามารถเดาได้เลยว่าในท้ายที่สุดแล้วเสียงนี้จะกลายเป็นเสียงกรีดร้องของอสุรกายในที่สุด
แต่ทว่าในตอนนี้..มันยังเป็นเสียงร้องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง.. ในขณะที่เจ้าหมึกยักษ์… ไม่สิ นิลเองก็มองตัวเองที่อยู่ในอดีต
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนิลตัวเล็กมันเคยเกิดขึ้นเหมือนกับเธอทุกประการ ภาพท้องฟ้าอันพร่าเลือน
จิตใจที่แตกสลายเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังทอดทิ้งเธอ.. เธอจะไม่ใช่คน..เธอจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป..
นิลรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่สะท้อนมาจากความทรงจำของเธอ ความทรงจำที่แสนจะเจ็บปวดของเธอ
บางทีอาจจะเป็นเพราะติดอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด มันทำให้เธอได้จมปลักลงไปในความทรงจำในอดีต
สำหรับเธอสิ่งที่เคยเจอในครั้งยังเป็นมนุษย์มันเลือนราง.. เลือนรางยิ่งกว่าภาพในความว่างเปล่าแห่งนี้เสียอีก
แต่สิ่งที่เธอจำได้มีเพียงอย่างเดียวคือความเกลียดชัง..ที่มีต่อมนุษย์ ตัวเธอที่เธอเป็นไม่เหมือนกับนิลที่ลอยอยู่บนอากาศตอนนี้..
เธอไม่มีเลทิเซียโผล่มาช่วย..เธอติดอยู่ที่ตรงนั้น.. ติดอยู่ในความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งการเยียวยาจากใคร
เธอตกลงสู่ความมืดอย่างโดดเดี่ยว… สุดท้ายสิ่งที่เธอต้องเจอคือ..
กลายเป็นปีศาจ..และพอเธอถูกจับไปทดลองโดยสิ่งที่เรียกมนุษย์.. มันทดลองกับเธอราวกับเธอเป็นสิ่งของ
มองไปทางไหนมีแต่ความทรมาน..บ้างก็ต้องถูกไฟคลอก..บ้างก็ตกจากที่สูง..บ้างก็ถูกหินทับ..หรือแม้แต่ถูกตัดแยกชิ้นส่วน
เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้.. เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอโดนอะไรไปบ้าง.. สิ่งที่บรรเทาเธอในความมืดนั้นมีเพียงอย่างเดียว
เธอวาดภาพ..เธอใช้หมึกของเธอวาดภาพลงบนพื้น.. เป็นภาพวาดของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู..
มีเพียงผมสีดำสนิทเท่านั้นที่น่ารังเกียจ.. ไม่สิ.. ภาพของเธอนั้นไม่เคยมีสีสันมาตั้งแต่แรก…มีเพียงสีสันที่ขาดไปในงานศิลปะอันแสนโดดเดี่ยวของเธอ
บางทีสิ่งที่เธอขาดไป..แต่นิลที่ลอยอยู่ตรงหน้านี้เหมือนจะมีสีสัน.. สีสันที่เรียกว่าเลทิเซียเข้ามาในชีวิต..
หากเธอในตอนนั้น.. เธอในตอนนั้นมีคนเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา เหมือนดั่งภาพลวงตาที่แสนโชคดีตรงหน้า..
บางทีเธอในตอนนี้อาจจะแตกต่างจากเมื่อก่อน.. เพราะงั้นเธอจึงลังเล สายตามองไปยังนิลตัวเล็กที่ในตอนนี้ทรมานเหมือนกับเธอทุกประการ
เพียงแต่..เสียงนั้นไร้ความเกลียดชังและเคียดแค้นเจอปน.. เธอเคยตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่าตนเองมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
ซึ่งคำตอบที่เธอต้องการนั้นไม่เคยมาถึงเธอสักครั้งเดียว.. ดังนั้นเธอจึงมีเพียงความเกลียดชัง..แต่นิลตัวน้อยที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า..
เธอคงพบแล้ว..พบสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลที่เกิดขึ้นมาในโลกที่ปฏิเสธตัวเอง…
ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ภาพลวงตาของโลกที่เธอสร้างขึ้นมาแท้ๆ .. ทั้งที่เป็นแค่ของปลอมแท้ๆ .. เธอรู้สึกอิจฉา..
ใจหนึ่งก็อยากจะแก้ไขอดีตอันนั้นของตนเอง.. เธอกำลังสับสน… ..
สีสันของภาพวาดเธอ.. เธอเองก็อยากจะมีมัน.. อยากจะเจอกับคำตอบของชีวิต… ทุกๆ อย่างมันอยู่ที่ตัวของนิลที่เป็นแค่ของปลอม
นิลหลังจากที่เธอได้ถูกทดลองมานับไม่ถ้วนหลายปี.. หลายสิบหรืออาจจะหลักร้อยปีเลยก็ได้.. หน้าตาของผู้ทดลองนั้นแปรเปลี่ยนจนเธอจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าพวกมันมีกี่คน
เธอก็ได้รับพลังหนึ่งมานั่นคือควบคุมกระแสของกาลเวลา.. กาลเวลานั้นเปรียบเสมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไม่อาจย้อนทวนกลับไปได้
แต่นั่นมันคือมุมมองของคนธรรมดา..แต่นิลนั้นไม่ใช่ เวลาก็เป็นเหมือนเส้นทางหนึ่งของเธอ.. เธอสามารถใช้พลังแห่งกาลเวลาได้เพราะ..
คำสาปของเธอ.. หมึกแห่งการกลืนกิน.. นั่นคือคำสาปของเธอ.. หมึกนี้เป็นตัวตนในตำนานที่เป็นสิ่งมีชีวิตเทพนิยายปรัมปราเท่านั้น
แต่ทว่านี่เหมือนจะเป็นคำสาปที่เปลี่ยนแปลงเผ่าพันธุ์ของเธอ.. และเมื่อมันดูดกลืนอะไรบางอย่างจะสามารถควบคุมหรือบงการสิ่งนั้นได้
และนิลเองก็เหมือนจะเผลอไปกลืนกินเวลา.. กลืนกินเวลาอันโหดร้ายและเจ็บปวดทรมานของตนเอง..มันจึงทำให้เธอสามารถควบคุมกระแสน้ำแห่งกาลเวลาได้..
แต่น่าเสียดายที่มันมาพร้อมกับช่วงเวลาอันโหดร้ายมันจึงทำให้นิลดุร้ายและรังเกียจมนุษย์ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด..
และก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้รับรู้ทุกอย่าง.. เธอที่สามารถมองเห็นกระแสเวลาในอดีตได้ทำให้เธอสามารถรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของบิดาและครอบครัวพวกมัน..
พวกมันวางแผนให้เธอกลายเป็นปีศาจและโดนแฝดคนพี่ใช้ดาบที่พวกมันสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการบางอย่างฆ่าเธอ..
แต่น่าเสียดายที่เพราะมีพวกมือดีได้ไปดัดแปลงวงแหวนเวทเพื่อหวังที่จะควบคุมเธอ..และพวกมันก้คือคนที่จับเธอไปทดลองต่างๆ นานา ตลอดหลายร้อยปี
ทุกอย่างที่เธอเจอมาล้วนเป็นพวกต้นตระกูลของบิดาเธอที่เริ่มปลุกฝูงความเชื่อเกี่ยวกับแฝดแห่งคำทนายแบบผิดๆ .. โดยการให้การว่าจะมีแฝดคนหนึ่งเป็นต้นตอแห่งคำสาป..
ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเธอไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลย..สาเหตุที่ผมของเธอตัดไม่ขาดล้วนเป็นเพราะคุณลักษณะพิเศษบางอย่างที่ได้รับมาจากมารดาที่เหมือนจะเป็นเทพ
และคำสาปที่แท้จริงมันจะบังเกิดขึ้นเมื่อวงแหวนเวททำงานเมื่อมีแฝดสักคนไปกระตุ้นทำงานมัน..และเมื่อมันทำงาน..
นิลก็จะโดนคำสาปและในขณะเดียวกันที่เธอยังเป็นเพียงแค่หมึกกลืนกินยังไร้ซึ่งพลังใดๆ .. ก็จะให้คมดาบที่พวกมันสร้างขึ้นสังหารเธอ
เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งที่สามารถดับทำลายทุกสรรพสิ่ง นี่ยิ่งทำให้นิลแทบบ้าคลั่ง..ครอบครัว..ความเกลียดชัง
ความแค้น.. ความโกรธแค้นตลอดช่วงเวลาที่เกิดมามันทำให้เธอสติแตกจนกลายเป็นบ้า..ราวกับกลายเป็นอสูรไปจริงๆ ..
เธอได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้เพราะพลังเธอ แต่ว่าบางทีสิ่งที่เธอไม่อาจมองเห็นได้ในอดีตคงมีเพียงอย่างเดียวนั่นคือ.. แฝดคนพี่ของเธอ..
และอาจจะเพราะการกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์เบื้องหน้ามันทำให้เธอราวกับย้อนเวลากลับไปในอดีตเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง..
เพราะว่า..นิลตัวน้อยที่กำลังโดนคำสาปอยู่นั้น..ไม่เหมือนเธอ..
ไม่ใช่เธอแล้ว..
ดวงตาของนิลที่สับสน..มากด้วยความลังเลนั้นก็เริ่มเปรียบเทียบตนเองกับ ‘ตัวปลอม’ ที่อยู่เบื้องหน้า..
ตนเองเจ็บปวดทรมาน.. แต่ตัวปลอมกับสัมผัสถึงความสุข
ตัวเองโดดเดี่ยว.. ไอ้ตัวปลอมกับมีคนที่ช่วยเหลือ..
ตัวเองรับรู้ความจริง.. ไอ้ของเลียนแบบกลับไม่รับรู้อะไรเลย..
ความสับสนที่อัดแน่นแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับกลายเป็นความบ้าคลั่ง..
“เป็นแค่ตัวปลอมแท้ๆ … เป็นแค่ตัวปลอมแท้ๆ อ้ากกกกกกกกกกก”