บทที่ 357 – ดินแดนอันพิศวง
“อะแฮ่ม.. อันที่จริงเธอน่ะไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากแบบนั้นหรอกนะ.. เพราะเธอมีความพิเศษที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่..”
“ตัวตนที่ฝืนกฎของโลกใบนี้ได้อย่างเธอคงจะเข้าใจสิ่งที่ฉันจะบอกดี.. ที่ฉันพูดได้มีเพียงแค่นี้แหละ ทุกอย่างหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับเธอทั้งนั้น”
“ไปกันเถอะริวคุง”
พูดแบบนั้นอาจารย์ชิสุก็หันหลังให้พร้อมกับเดินไปหาผู้หญิงผมสาวทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะสลายหายไปกลางอากาศ
ปล่อยให้เลทิเซียนั่งจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง.. เธอรู้ว่าตัวเองนั้นแปลกประหลาดกว่าคนอื่นไปไกล
ยิ่งเลทิเซียได้รู้จักต้นกำเนิดมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนของตัวเธอเอง.. ตัวเธอที่มาจากอีกต้นกำเนิดอื่นนั่นน่ะ..
จากคำพูดของอีกฝ่ายที่บอกว่า.. ต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน.. แต่โลกของเธอกลับไม่ได้อยู่ในต้นกำเนิดนี้..
แล้วเธอมาที่นี่ได้ยังไง.. แล้วเทพธิดาในตอนนั้นทำเหมือนเป็นเรื่องปกติได้ยังไงกัน.. อีกทั้งหากคำอธิบายของอาจารย์ชิสุนั่นเป็นจริง
แล้วเลทิเซียหลุดผ่านปรโลกของต้นกำเนิดนี้มาได้ยังไงกัน คำถามมากมายนั้นยากจะอธิบาย…
ยังไม่หมดตัวตนของเลทิเซียยังเป็นตัวตนอันแปลกประหลาดที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึงสามแบบที่แตกต่างกัน
เพราะจากคำอธิบายของอาจารย์ชิสุนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวแปรที่จะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นจนฝ่าทะลุไปยังขอบเขตที่เหนือกว่า
ล้วนเกิดมาจากเวทมนตร์ทั้งสิ้น นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเวทมนตร์นั้นมีศักยภาพขนาดไหน.. และกฎของเวทมนตร์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
แต่เธอถึงกลับใช้มันได้.. แต่เลทิเซียไม่อยากเก็บมาใส่ใจมากนัก เพราะคำอธิบายเหล่านี้จะสามารถอธิบายได้หรือไม่เธอไม่ได้สนใจ..
ในตอนนี้เธอแค่กำลังวิเคราะห์คำพูดของอาจารย์ชิสุที่บอกว่า เธอไม่ต้องยุ่งยากแบบที่ว่ามา.. หมายความว่าเธอไม่ต้องทำสิ่งที่เรียกว่า
การหลุดพ้นขอบเขต?
เพราะตัวเธอแตกต่างจากคนอื่น.. หลังจากคิดไปสักพักเลทิเซียก็นึกอะไรไม่ออกนอกจากสิ่งนี้.. เธอแบมือออกมา..
ลูกบาศก์สีดำมีออร่าสีม่วงแผ่ออกมาต่อเนื่องเป็นระลอกๆ .. ท่านี้เป็นท่าที่เลทิเซียเกิดความคิดพิสดารสร้างมันขึ้นมาด้วยความบังเอิญ
เธอคิดว่าหากแนวคิดเรื่องเวทมนตร์ในเผ่ามนุษย์กับปีศาจแตกต่างกันจนไม่อาจหาจุดผสมผสานได้แล้ว.. หากเธอฝืนสิ่งนั้นและหลอมรวมมันขึ้นมาล่ะ?
พอคิดแบบนั้นเธอก็ได้ลงมือทำ ทำในครั้งแรกมันไม่สำเร็จราวกับว่าพลังสองอย่างมันต่างกันสุดขั้วมากเกินไป..
เธอต้องหาอะไรสักอย่างมคอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน.. พอนึกแบบนั้นก็ลองบีบอัดองค์ความรู้เกี่ยวกับวิชาดาวไร้ลักษณ์ใส่ลงไปด้วย
ถึงจะบอกว่าใส่มันก็เป็นเหมือนการโจมตีด้วยกระบวนท่าทุกกระบวนท่าเข้าไปหลอมรวมกับแนวคิดของพลังเวททั้งสองอย่าง
ต้องเข้าใจก่อนว่าการหลอมรวมพลังทั้งสองนี้ไม่ใช่การใช้พลัง.. แต่เป็นแนวคิดเรื่องเวทมนตร์ เช่นเวทมนตร์ปีศาจคือการสรรค์สร้าง
เวทมนตร์มนุษย์คือการแทรกแซง ไอ้องค์ประกอบส่วนนี้แหละที่ถูกบีบอัดด้วยพลังเวทจนก่อเกิดเป็นรูปร่าง ซึ่งพอผสมผสานกับวิชาดาวไร้ลักษณ์
มันจึงทำให้ลูกบาศก์นี้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเธอ วินาทีแรกที่เธอสัมผัสได้ เธอก็รับรู้ทันทีว่าพลังนี้มันอันตรายเกินจะควบคุมได้..
แน่นอนว่าเลทิเซียอาจจะไม่รู้ แต่ทว่าคนที่คิดแบบเลทิเซียใช่ว่าจะไม่มี.. แต่มันมีอยู่มากมาย มีกระทั่งมนุษย์และปีศาจร่วมมือกันทำด้วยซ้ำ
แต่มันไม่ใช่แค่ไม่สำเร็จ แต่ว่าพลังอันมากมายเหล่านี้ไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ ต่อให้ทำสำเร็จก็เป็นผู้สร้างเองที่จะโดนเจ้าพลังนี้ฆ่าไปก่อน
แต่อาจจะเพราะเลทิเซียมีวิชาดาวไร้ลักษณ์ที่เป็นพลังระดับ ‘ทักษะ’ จึงทำให้พลังทั้งสองนั้นหลอมผสานกันได้ แต่ก็ใช่ว่าเลทิเซียจะควบคุมมันได้
ซึ่งเมื่อเลทิเซียมองไปที่มันเธอรู้สึกว่าท่านี้เป็นท่าที่พิลึกพิลั่นอย่างถึงที่สุด และหลังจากนั้นเลทิเซียก็เกิดความคิดแปลกๆ มากมายที่ทดลองกับมัน
ตั้งแต่ใช้พลังกำลังบีบอัดลงไปในลูกบาศก์ พลังชีวิต.. จิตวิญญาณ… ลูกบาศก์นี้ราวกับเป็นหลุมดำที่คอยจะหลอมผสานพลังงานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน
จนลูกบาศก์เริ่มจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะพลังที่แตกต่างกันคนละแนวคิด คนละความเชื่อ.. ก่อนเกิดเป็นรูปแบบพลังงานใหม่ที่ไม่เคยมีมาในต้นกำเนิดที่แท้จริง
บางทีแม้แต่รูปร่างที่เป็นลูกบาศก์ตรงหน้านี้อาจจะไม่ใช่รูปร่างที่แท้จริงของมันด้วยซ้ำ แต่ราวกับว่าต้นกำเนิดนี้ไม่สามารถอธิบายตัวตนของมันได้
จึงแปรรูปมเป็นสี่เหลี่ยมให้จำแนกเท่านั้น อันที่จริงแม้แต่ชื่อหรือคำต่างๆ ก็ล้วนไม่คุณค่าที่จะมอบชื่อให้แก่มัน
หากเลทิเซียตั้งชื่อมัน.. ชื่อเหล่านั้นก็ราวกับถูกดูดเข้าไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันเสียอย่างนั้น… หรือก็คือนับวัน.. ลูกบาศก์นี้ยิ่งน่ากลัว
และในตอนนี้เลทิเซียเกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง.. หากเธอใช้พลังทักษะที่ซิลเวียมอบชื่อทักษะหลายล้านทักษะมานี้ผสมผสานเข้าไปในลูกบาศก์นี้แล้วละก็..
พลังที่แสดงออกมาเกรงว่าจะเกินกว่าที่เลทิเซียจะจินตนาการ.. โชคร้ายที่ตอนที่เลทิเซียใช้ออกใส่คนแรก ดันเป็นเทพผู้สร้างอย่างสตรีผมสีขาวนั่นซะนี่..
แน่นอนว่าเลทิเซียไม่กล้าใช้ ถึงเธอจะมั่นใจว่าในยามนี้เธอสามารถควบคุมมันได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม
แต่พลังของมันแข็งแกร่งเกินไป.. เกรงว่าเพียงแค่โผล่มาทุกอย่างก็ถึงคราวล่มสลายเลยละมั้ง… เพราะก่อนหน้านี้เลทิเซียทุ่มสุดตัวเพื่อจะช่วยชาร์ล็อต
เลยใช้ออกมาโดยไม่คิด.. แต่หากถ้าใช้จริงๆ .. เกรงว่าชาร์ล็อตเองก็คงตายเพราะเลทิเซียเหมือนกัน..
ซึ่งแน่นอนว่า.. เลทิเซียไม่สามารถนึกถึงอย่างอื่นได้นอกจากสิ่งนี้ที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนอื่น..
“แต่ว่า… พลังนี้ไม่ใช่พลังในการใช้เดินทางหรือ..ช่วยเหลืออะไรสักหน่อย.. มันเป็นพลังใช้ทำลายต่างหาก.. มันจะช่วยให้ฉันย้อนเวลาต้นกำเนิดที่แท้จริงกลับไปได้ยังไงกันล่ะ..?”
เลทิเซียไม่เข้าใจที่อาจารย์ชิสุพูด.. แต่พอคิดไปคิดมาเธอก็ร้องเอ้ะออกมาเบาๆ .. ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“เดี๋ยวสิ..ถ้าหากท่านี้มันหลอมผสานทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงละก็…”
เลทิเซียลังเลเล็กน้อย.. ก่อนที่จะพึมพำอะไรบางอย่างออกมา คำพูดนั้นเป็นคำพูดเกี่ยวกับโครงสร้างของเครื่องย้อนเวลาที่เลทิเซียเคยอ่านมาเมื่อสิบปีก่อน..
แต่ยังรู้สึกว่าบางส่วนไม่ถูกต้อง.. เลทิเซียจึงใช้ความรู้จากชาติก่อนมาช่วยได้.. ใช่.. ยังไงซะเลทิเซียก็เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ของโลกเดิม..
ประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติสร้างเครื่องไทม์แมชชีนได้ครั้งแรกของโลกน่ะนะ.. หลังจากพึมพำไปสักพักลูกบาศก์ในมือไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
เลทิเซียไม่เคยคิดจะทำแบบนี้มาก่อน.. อย่างแรกเพราะเธอควบคุมพลังนี้ไม่ค่อยได้ อีกทั้งเธอยังไม่รู้ว่าหากทำแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น..
แต่ว่าเลทิเซียก็ไม่ลังเล เพื่อที่จะช่วยคนสำคัญ.. เธอกดลูกบาศก์นั้นใส่หน้าอกของตัวเองแทบจะทันที..
วินาทีที่ลูกบาศก์นั้นผสมผสานเข้ากับร่างกายของเธอ.. ชั่วพริบตานั้นมุมมองทุกอย่างพลันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ …
มุมมอง.. ความจริง.. โลก.. เธอมองเห็นโลกทั้งใบเป็นเพียงแค่โครงเส้นหลายเส้นที่วาดกว้างออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ทุกครั้งที่ร่างกายเธอมันผสานเข้ากับลูกบาศก์มันยิ่งทำให้เธอหลุดออกจากโลกใบเล็กที่เคยเห็น… ทะลุผ่านต้นกำเนิดอะเลฟที่หนึ่ง… สอง… สาม..
สี่… เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังเพิ่มขึ้นไปอย่างไม่มีสิ้นสุด.. ความไม่มีสิ้นสุดนั้นไม่อาจนับได้และไม่อาจหาปลายทางเจอ..
แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียความไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้นมันกลับเป็นเพียงแค่จุดจุดเดียว… พริบตาที่เลทิเซียลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้นเอง..
ทุกอย่างในสายตาของเลทิเซียนั้นมีเพียงสีทองอาร่าม… บนท้องฟ้ามีดวงดารานับหมื่นไม่ถ้วนพร่างพราย ส่องแสงแพรวพราวราวกับทางช้างเผือก
เบื้องล่างมีเมฆสีทองตกแต่งไปทั่ว แต่งแต้มด้วยตำหนักอะไรบางอย่างงดงามอย่างหาใดเปรียบ.. เหนือสิ่งอื่นใด.. ทุกหนทุกแห่ง..
ล้วนแต่งแต้มไปด้วยเจดีย์ไร้เสียงไร้สี.. เจดีย์กลับด้านนี้มองไกลๆ ราวกับเป็นดวงดาราซึ่งในโลกแห่งนี้มันมีมากมายจนแทบเรียกได้ว่าไร้ที่สิ้นสุด
“ต้นกำเนิด…ที่แท้จริง…”
ดวงตาเลทิเซียเบิกกว้าง.. เจดีย์กลับด้านเหล่านี้ทุกชิ้นทุกอย่าง.. ล้วนแล้วแต่เป็น.. ต้นกำเนิดที่แท้จริง..
ต้นกำเนิดที่แท้จริงกลับมีมากมายถึงเพียงนี้!!?