การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 357

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 357 – ดินแดนอันพิศวง

“อะแฮ่ม.. อันที่จริงเธอน่ะไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากแบบนั้นหรอกนะ.. เพราะเธอมีความพิเศษที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่..”

“ตัวตนที่ฝืนกฎของโลกใบนี้ได้อย่างเธอคงจะเข้าใจสิ่งที่ฉันจะบอกดี.. ที่ฉันพูดได้มีเพียงแค่นี้แหละ ทุกอย่างหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับเธอทั้งนั้น”

“ไปกันเถอะริวคุง”

พูดแบบนั้นอาจารย์ชิสุก็หันหลังให้พร้อมกับเดินไปหาผู้หญิงผมสาวทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะสลายหายไปกลางอากาศ

ปล่อยให้เลทิเซียนั่งจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง.. เธอรู้ว่าตัวเองนั้นแปลกประหลาดกว่าคนอื่นไปไกล

ยิ่งเลทิเซียได้รู้จักต้นกำเนิดมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนของตัวเธอเอง.. ตัวเธอที่มาจากอีกต้นกำเนิดอื่นนั่นน่ะ..

จากคำพูดของอีกฝ่ายที่บอกว่า.. ต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน.. แต่โลกของเธอกลับไม่ได้อยู่ในต้นกำเนิดนี้..

แล้วเธอมาที่นี่ได้ยังไง.. แล้วเทพธิดาในตอนนั้นทำเหมือนเป็นเรื่องปกติได้ยังไงกัน.. อีกทั้งหากคำอธิบายของอาจารย์ชิสุนั่นเป็นจริง

แล้วเลทิเซียหลุดผ่านปรโลกของต้นกำเนิดนี้มาได้ยังไงกัน คำถามมากมายนั้นยากจะอธิบาย…

ยังไม่หมดตัวตนของเลทิเซียยังเป็นตัวตนอันแปลกประหลาดที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึงสามแบบที่แตกต่างกัน

เพราะจากคำอธิบายของอาจารย์ชิสุนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวแปรที่จะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นจนฝ่าทะลุไปยังขอบเขตที่เหนือกว่า

ล้วนเกิดมาจากเวทมนตร์ทั้งสิ้น นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเวทมนตร์นั้นมีศักยภาพขนาดไหน.. และกฎของเวทมนตร์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน

แต่เธอถึงกลับใช้มันได้.. แต่เลทิเซียไม่อยากเก็บมาใส่ใจมากนัก เพราะคำอธิบายเหล่านี้จะสามารถอธิบายได้หรือไม่เธอไม่ได้สนใจ..

ในตอนนี้เธอแค่กำลังวิเคราะห์คำพูดของอาจารย์ชิสุที่บอกว่า เธอไม่ต้องยุ่งยากแบบที่ว่ามา.. หมายความว่าเธอไม่ต้องทำสิ่งที่เรียกว่า

การหลุดพ้นขอบเขต?

เพราะตัวเธอแตกต่างจากคนอื่น.. หลังจากคิดไปสักพักเลทิเซียก็นึกอะไรไม่ออกนอกจากสิ่งนี้.. เธอแบมือออกมา..

ลูกบาศก์สีดำมีออร่าสีม่วงแผ่ออกมาต่อเนื่องเป็นระลอกๆ .. ท่านี้เป็นท่าที่เลทิเซียเกิดความคิดพิสดารสร้างมันขึ้นมาด้วยความบังเอิญ

เธอคิดว่าหากแนวคิดเรื่องเวทมนตร์ในเผ่ามนุษย์กับปีศาจแตกต่างกันจนไม่อาจหาจุดผสมผสานได้แล้ว.. หากเธอฝืนสิ่งนั้นและหลอมรวมมันขึ้นมาล่ะ?

พอคิดแบบนั้นเธอก็ได้ลงมือทำ ทำในครั้งแรกมันไม่สำเร็จราวกับว่าพลังสองอย่างมันต่างกันสุดขั้วมากเกินไป..

เธอต้องหาอะไรสักอย่างมคอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน.. พอนึกแบบนั้นก็ลองบีบอัดองค์ความรู้เกี่ยวกับวิชาดาวไร้ลักษณ์ใส่ลงไปด้วย

ถึงจะบอกว่าใส่มันก็เป็นเหมือนการโจมตีด้วยกระบวนท่าทุกกระบวนท่าเข้าไปหลอมรวมกับแนวคิดของพลังเวททั้งสองอย่าง

ต้องเข้าใจก่อนว่าการหลอมรวมพลังทั้งสองนี้ไม่ใช่การใช้พลัง.. แต่เป็นแนวคิดเรื่องเวทมนตร์ เช่นเวทมนตร์ปีศาจคือการสรรค์สร้าง

เวทมนตร์มนุษย์คือการแทรกแซง ไอ้องค์ประกอบส่วนนี้แหละที่ถูกบีบอัดด้วยพลังเวทจนก่อเกิดเป็นรูปร่าง ซึ่งพอผสมผสานกับวิชาดาวไร้ลักษณ์

มันจึงทำให้ลูกบาศก์นี้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเธอ วินาทีแรกที่เธอสัมผัสได้ เธอก็รับรู้ทันทีว่าพลังนี้มันอันตรายเกินจะควบคุมได้..

แน่นอนว่าเลทิเซียอาจจะไม่รู้ แต่ทว่าคนที่คิดแบบเลทิเซียใช่ว่าจะไม่มี.. แต่มันมีอยู่มากมาย มีกระทั่งมนุษย์และปีศาจร่วมมือกันทำด้วยซ้ำ

แต่มันไม่ใช่แค่ไม่สำเร็จ แต่ว่าพลังอันมากมายเหล่านี้ไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ ต่อให้ทำสำเร็จก็เป็นผู้สร้างเองที่จะโดนเจ้าพลังนี้ฆ่าไปก่อน

แต่อาจจะเพราะเลทิเซียมีวิชาดาวไร้ลักษณ์ที่เป็นพลังระดับ ‘ทักษะ’ จึงทำให้พลังทั้งสองนั้นหลอมผสานกันได้ แต่ก็ใช่ว่าเลทิเซียจะควบคุมมันได้

ซึ่งเมื่อเลทิเซียมองไปที่มันเธอรู้สึกว่าท่านี้เป็นท่าที่พิลึกพิลั่นอย่างถึงที่สุด และหลังจากนั้นเลทิเซียก็เกิดความคิดแปลกๆ มากมายที่ทดลองกับมัน

ตั้งแต่ใช้พลังกำลังบีบอัดลงไปในลูกบาศก์ พลังชีวิต.. จิตวิญญาณ… ลูกบาศก์นี้ราวกับเป็นหลุมดำที่คอยจะหลอมผสานพลังงานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน

จนลูกบาศก์เริ่มจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะพลังที่แตกต่างกันคนละแนวคิด คนละความเชื่อ.. ก่อนเกิดเป็นรูปแบบพลังงานใหม่ที่ไม่เคยมีมาในต้นกำเนิดที่แท้จริง

บางทีแม้แต่รูปร่างที่เป็นลูกบาศก์ตรงหน้านี้อาจจะไม่ใช่รูปร่างที่แท้จริงของมันด้วยซ้ำ แต่ราวกับว่าต้นกำเนิดนี้ไม่สามารถอธิบายตัวตนของมันได้

จึงแปรรูปมเป็นสี่เหลี่ยมให้จำแนกเท่านั้น อันที่จริงแม้แต่ชื่อหรือคำต่างๆ ก็ล้วนไม่คุณค่าที่จะมอบชื่อให้แก่มัน

หากเลทิเซียตั้งชื่อมัน.. ชื่อเหล่านั้นก็ราวกับถูกดูดเข้าไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันเสียอย่างนั้น… หรือก็คือนับวัน.. ลูกบาศก์นี้ยิ่งน่ากลัว

และในตอนนี้เลทิเซียเกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง.. หากเธอใช้พลังทักษะที่ซิลเวียมอบชื่อทักษะหลายล้านทักษะมานี้ผสมผสานเข้าไปในลูกบาศก์นี้แล้วละก็..

พลังที่แสดงออกมาเกรงว่าจะเกินกว่าที่เลทิเซียจะจินตนาการ.. โชคร้ายที่ตอนที่เลทิเซียใช้ออกใส่คนแรก ดันเป็นเทพผู้สร้างอย่างสตรีผมสีขาวนั่นซะนี่..

แน่นอนว่าเลทิเซียไม่กล้าใช้ ถึงเธอจะมั่นใจว่าในยามนี้เธอสามารถควบคุมมันได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม

แต่พลังของมันแข็งแกร่งเกินไป.. เกรงว่าเพียงแค่โผล่มาทุกอย่างก็ถึงคราวล่มสลายเลยละมั้ง… เพราะก่อนหน้านี้เลทิเซียทุ่มสุดตัวเพื่อจะช่วยชาร์ล็อต

เลยใช้ออกมาโดยไม่คิด.. แต่หากถ้าใช้จริงๆ .. เกรงว่าชาร์ล็อตเองก็คงตายเพราะเลทิเซียเหมือนกัน..

ซึ่งแน่นอนว่า.. เลทิเซียไม่สามารถนึกถึงอย่างอื่นได้นอกจากสิ่งนี้ที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนอื่น..

“แต่ว่า… พลังนี้ไม่ใช่พลังในการใช้เดินทางหรือ..ช่วยเหลืออะไรสักหน่อย.. มันเป็นพลังใช้ทำลายต่างหาก.. มันจะช่วยให้ฉันย้อนเวลาต้นกำเนิดที่แท้จริงกลับไปได้ยังไงกันล่ะ..?”

เลทิเซียไม่เข้าใจที่อาจารย์ชิสุพูด.. แต่พอคิดไปคิดมาเธอก็ร้องเอ้ะออกมาเบาๆ .. ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง

“เดี๋ยวสิ..ถ้าหากท่านี้มันหลอมผสานทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงละก็…”

เลทิเซียลังเลเล็กน้อย.. ก่อนที่จะพึมพำอะไรบางอย่างออกมา คำพูดนั้นเป็นคำพูดเกี่ยวกับโครงสร้างของเครื่องย้อนเวลาที่เลทิเซียเคยอ่านมาเมื่อสิบปีก่อน..

แต่ยังรู้สึกว่าบางส่วนไม่ถูกต้อง.. เลทิเซียจึงใช้ความรู้จากชาติก่อนมาช่วยได้.. ใช่.. ยังไงซะเลทิเซียก็เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ของโลกเดิม..

ประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติสร้างเครื่องไทม์แมชชีนได้ครั้งแรกของโลกน่ะนะ.. หลังจากพึมพำไปสักพักลูกบาศก์ในมือไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย

เลทิเซียไม่เคยคิดจะทำแบบนี้มาก่อน.. อย่างแรกเพราะเธอควบคุมพลังนี้ไม่ค่อยได้ อีกทั้งเธอยังไม่รู้ว่าหากทำแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น..

แต่ว่าเลทิเซียก็ไม่ลังเล เพื่อที่จะช่วยคนสำคัญ.. เธอกดลูกบาศก์นั้นใส่หน้าอกของตัวเองแทบจะทันที..

วินาทีที่ลูกบาศก์นั้นผสมผสานเข้ากับร่างกายของเธอ.. ชั่วพริบตานั้นมุมมองทุกอย่างพลันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ …

มุมมอง.. ความจริง.. โลก.. เธอมองเห็นโลกทั้งใบเป็นเพียงแค่โครงเส้นหลายเส้นที่วาดกว้างออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ทุกครั้งที่ร่างกายเธอมันผสานเข้ากับลูกบาศก์มันยิ่งทำให้เธอหลุดออกจากโลกใบเล็กที่เคยเห็น… ทะลุผ่านต้นกำเนิดอะเลฟที่หนึ่ง… สอง… สาม..

สี่… เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังเพิ่มขึ้นไปอย่างไม่มีสิ้นสุด.. ความไม่มีสิ้นสุดนั้นไม่อาจนับได้และไม่อาจหาปลายทางเจอ..

แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียความไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้นมันกลับเป็นเพียงแค่จุดจุดเดียว… พริบตาที่เลทิเซียลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้นเอง..

ทุกอย่างในสายตาของเลทิเซียนั้นมีเพียงสีทองอาร่าม… บนท้องฟ้ามีดวงดารานับหมื่นไม่ถ้วนพร่างพราย ส่องแสงแพรวพราวราวกับทางช้างเผือก

เบื้องล่างมีเมฆสีทองตกแต่งไปทั่ว แต่งแต้มด้วยตำหนักอะไรบางอย่างงดงามอย่างหาใดเปรียบ.. เหนือสิ่งอื่นใด.. ทุกหนทุกแห่ง..

ล้วนแต่งแต้มไปด้วยเจดีย์ไร้เสียงไร้สี.. เจดีย์กลับด้านนี้มองไกลๆ ราวกับเป็นดวงดาราซึ่งในโลกแห่งนี้มันมีมากมายจนแทบเรียกได้ว่าไร้ที่สิ้นสุด

“ต้นกำเนิด…ที่แท้จริง…”

ดวงตาเลทิเซียเบิกกว้าง.. เจดีย์กลับด้านเหล่านี้ทุกชิ้นทุกอย่าง.. ล้วนแล้วแต่เป็น.. ต้นกำเนิดที่แท้จริง..

ต้นกำเนิดที่แท้จริงกลับมีมากมายถึงเพียงนี้!!?

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท