บทที่ 377 – สปาย…?
เมื่อเลทิเซียจากออกมา เธอไม่ได้หายไปทันที… เธอก้าวขาไปยังป่าที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านที่ตอนนี้มีคนคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่
เพราะในป่านั้นมีเพียงความมืดจึงไม่อาจจะจำแนกได้ว่ามีใครอยู่ในนั้น จึงมีเพียงเงาสีดำๆ ที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ
ถึงแม้เงาดำนี้จะไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดในเมืองได้ แต่ทว่าเธอก็ยังสัมผัสได้ว่า อันเดดที่เธอปลุกขึ้นมาจากความตายนั้นถูกทำลายไปจนหมดแล้ว
พอใช้พลังตรวจสัมผัสนิดหน่อยก็ได้รู้ว่าสองคนที่เหลือได้ตายไปแล้ว.. โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
แม้เธอจะดูถูกคนสองคนนั้น แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าสองคนนั้นอ่อนแอถึงขนาดนั้น ในเมื่อสองคนนั้นตายไปแล้ว
เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ.. หลังจากครุ่นคิดแบบนั้นเธอก็กำลังจะตัดสินใจจากไปนั้นเอง…
เลทิเซียก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเธอแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง.. แน่นอนว่าสำหรับเลทิเซียแล้วไม่ว่าจะมืดหรือสว่างทุกอย่างล้วนไม่เป็นผลกับเธอ
เธอสามารถมองเห็นว่าในป่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่.. ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ควบคุมศพที่ตายกลับมามีชีวิตอย่างแน่นอน
เธอคือผู้เสพความตาย ‘ควีน’ ทว่าเมื่อเลทิเซียปรากฏตัวขึ้น ควีนเหมือนจะตอบสนองทันที มือของเธอโจมตีไปพร้อมกับพลังแห่งความตาย
นี่คือพลังที่สามารถควบคุมได้แม้แต่ความเป็นและความตาย เพียงแค่สัมผัสมันเข้าก็จะถูกฆ่าตายโดยไม่มีข้อยกเว้น
ทั้งคู่ไม่ได้เปิดปากเพียงแม้แต่คำเดียว มีเพียงการโจมตีโหดร้ายของควีนที่โจมตีใส่เลทิเซียแบบไม่กักฝีมือ
แต่น่าเสียดายที่เลทิเซียไม่ได้ป้องกันหรือทำอะไรเลย เธอเพียงยืนอยู่แบบนั้น เมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายเกือบจะถึงตัวเลทิเซียเท่านั้นเอง…
แขนควีนก็แตกสลายกลายเป็นหมอกสีโลหิตแทบจะทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างกำลังจะดีดตัวถอยหลัง
แต่เลทิเซียก็ยกมือขึ้นจับแขนอีกข้างเธอเอาไว้พร้อมกับดึงเข้ามา และใช้มืออีกข้างคว้าเอาใบหน้าของควีนเอาไว้ในมือ
“เธอ.. มีพลังที่ควบคุมคนตายใช่ไหม?”
“…..”
ควีนไม่ได้ตอบเลทิเซียทันที ดวงตาของเลทิเซียเผยความน่ากลัวออกมา เมื่อพูดถึงเรื่องที่ต้องช่วยคนสำคัญ สำหรับเธอมันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
แม้เลทิเซียจะไม่อยากคิดว่าจะมีวิธีชุบชีวิตอยู่จริงๆ แต่อย่างน้อย.. หากเธอสามารถจับจุดอะไรได้อาจจะสามารถแทรกแซงโลกได้
ช่วยเพื่อนๆ ของเธอได้
พอไม่เห็นท่าทีว่าอีกฝ่ายจะตอบ เลทิเซียก็ออกแรงบีบใส่หัวอีกฝ่ายแรงกว่าเดิม และ.. มันก็แตกคามือของเธอทันที
ทว่าไม่นานหัวของอีกฝ่ายก็กลับคืนมาเป็นปกติ พร้อมกับสีหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของควีน แม้เลทิเซียจะไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้
เหมือนตอนที่เธอฆ่าเจ้าเด็กที่ผลักชาร์ล็อตให้ตกลงมาจากหน้าผา.. แต่เธอมีวิธีมากมายที่จะทำให้โชคชะตาของอีกฝ่ายไม่ขาดสะบั้น
กล่าวคือเลทิเซียมีวิธีมากมายที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ตายทันที และผู้หญิงตรงหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าเด็กนั่นเยอะ
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า.. เธอไม่มีทางตายอย่างแน่นอน ตราบใดที่เลทิเซียไม่ต้องการที่จะให้เธอตายละก็นะ..
“ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ”
“…….฿%%..”
ในตอนนั้นเองเสียงแปลกประหลาดของควีนก็ถูกเปล่งออกมา เมื่อครู่นี้เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากการที่หัวถูกบดขยี้ไม่มีผิด
แม้จะงุนงงว่าทำไมถึงไม่ตาย แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนจริงนั้นเธอไม่อยากสัมผัสมันอีกเป็นหนที่สองเธอพึมพำด้วยเสียงที่สั่นเครือใต้ฝ่ามือเล็กๆ ของเลทิเซีย
แถมในเวลาที่เธอกล่าวนี้เหมือนเธอจะสื่อสารผ่านจิตด้วยเทเลพาธีเหมือนกับที่ลาน่าเคยใช้…
แน่นอนว่าเรื่องแค่นี้เลทิเซียมองออกแทบจะทันที อันที่จริงเธอมีวิธีการมากมายในการซักถามความจริงจากเธอคนนี้
เพียงแต่เลทิเซียคิดว่าการถามปากต่อปากจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามาก แต่ในเมื่อมันไม่สำเร็จก็เหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้นแหละ
ในขณะที่เลทิเซียตัดสินใจนั้นเอง ด้านหลังของเธอก็มีช่องว่างของมิติถูกฉีกออก จนเกิดเป็นรอยแยกของห้วงมิติ
ฉับพลันนั้นเอง เงาสีดำก็พุ่งพรวดออกมา พลังจอมมารระเบิดออกมาจากร่างกาย.. ไม่สิ .. ร่างนี้ไม่ใช่จอมมาร
เป็นแค่ร่างที่เคยครอบครองพลังของจอมมารเท่านั้น แม้จะเป็นแค่อดีตจอมมารก็ตาม แต่ทั้งเวทมนตร์และลักษณะทางกายภาพของเขาก็เหนือกว่าปีศาจทั่วไปมาก
ผสมกับการที่ถูกปลุกขึ้นมาในฐานะอันเดดด้วยฝีมือของควีน ทำให้มีพลังมากกว่าเดิมถึงสามเท่า..
ควีนเรียกอันเดดนี้ว่า ‘จอมมารเทียม’ ซึ่งทันทีที่มันปรากฏตัวออกมานั้นก็พึ่งโจมตีใส่เลทิเซียอย่างรวดเร็ว
แต่เลทิเซียไม่เพียงแต่ไม่หันไปสนใจ เธอใช้เวทมนตร์แห่งการแทรกแซงออกมาแทรกแซงเข้าไปในสมองของอีกฝ่าย
“ช้าก่อน ได้โปรดยั้งมือก่อน!”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายดังขึ้นตามหลังของจอมมารเทียมมาติดๆ เสียงนั้นมีทั้งความกังวลผสมกันไป
เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดชะงักเล็กน้อย พร้อมกับหันไปมองซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของจอมมารเทียมโจมตีกำลังจะถูกร่างเลทิเซีย
ทว่าน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งเลทิเซียนั้นอยู่เหนือความเป็นจริงของโลกนี้ไปแล้ว ทันทีที่มันกำลังจะถูกร่างของเลทิเซียนั้น
ร่างของมันก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงแทบจะทันที เรื่องนี้ส่งผลให้ดวงตาของควีนเบิกกว้าง และใครสักคนที่ตามมาเองก็ตกตะลึง
เลทิเซียพูดขึ้นว่า..
“ฉันแค่อยากจะถามเธอว่า เธอควบคุมความตายได้ใช่ไหม?”
เลทิเซียเองก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าไม่เลือก เพราะว่าหากเธอบุ่มบ่ามทำอะไรผลีผลามขึ้นมาละก็ภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างอาจจะปรากฏตัวก็ได้
ดังนั้นเธอจึงพยายามจะเลี่ยงสิ่งที่เลี่ยงได้ แต่ถ้าหากเพื่อคนสำคัญเธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
คนที่เดินออกมานั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างเป็นผู้ดี แถมหน้าตาแบบนี้เลทิเซียเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แน่นอนว่าบอกว่าเหมือน คือเพราะคนหน้าตาเหมือนกันเฉยๆ ด้วยทักษะมากมายที่เลทิเซียมียามนี้เขาสามารถรับรู้ทันทีว่าพึ่งเคยเจอกับอีกฝ่ายครั้งแรก
“หือ..?”
ชายคนนั้นแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย หันไปมองควีนที่อยู่ในเงื้อมมือของเลทิเซีย ควีนที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าหงึกหงัก ร่างนั้นพอเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เข้าใจแล้ว ข้าจะบอกเกี่ยวกับพลังของนางให้เอง ปล่อยนางก่อนเถอะ”
“….”
พอเห็นเลทิเซียไม่มีทีท่าจะปล่อยมือ.. อีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเบาๆ
“พลังของเธอเป็นหนึ่งในพลังที่พวกเรา ‘กลุ่มผู้แสวงหาสันติสุข’ ใช้ความคิดสร้างกันขึ้นมานะ.. จะบอกว่าควบคุมความตายก็ยังไงอยู่”
“เพราะพวกเราแค่ทำให้ระบบประสาทมันกลับมาทำงานได้ปกติ แล้วก็เคลื่อนไหวได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีความนึกคิดเป็นของตัวเองหรอก”
“ดังนั้นจึงสั่งและควบคุมได้อย่างอิสระ.. ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายหรือช่วยคนใกล้ตายได้หรอก เราทำได้เพียงแค่ดึงเอาร่างกายกลับมามีชีวิตเท่านั้น”
“ไม่นานร่างกายนั้นก็จะสลายไปอยู่ดี”
ชายคนนั้นกล่าวอธิบายสังเกตท่าทีของเลทิเซียไปด้วย เลทิเซียครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง.. เธอไม่ใช่คนโง่
“ไม่ใช่พวกของจอมมาร? สองคนก่อนหน้านี้ฉันอ่านความทรงจำของพวกมันแล้ว เหมือนจะเป็นคนของจอมมารที่ชื่อไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ?”
ชายคนนั้นที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็เกิดความลังเลขึ้นมาอีกครั้ง .. แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
เธอแค่ต้องการจะทราบสถานการณ์ในปัจจุบันนิดหน่อย.. อีกอย่างเธอยังสงสัยเกี่ยวกับ ‘กลุ่มผู้แสวงหาสันติสุข’ ที่เหมือนกำลังศึกษาอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความตายด้วย..
จากท่าทางของอีกฝ่ายเลทิเซียพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่.. แน่นอนว่าพอชายคนนั้นเห็นเลทิเซียไม่มีท่าทีที่จะปล่อยลูกน้องตัวเอง
เขาก็ไม่มีทางเลือก.. การสังหารจอมมารเทียมเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งยืนยันแบ้วว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้าอาจจะแข็งแกร่งพอๆ กับจอมมารหรือมากกว่านั้น
จากการสื่อสารผ่านจิตของควีนเมื่อสักครู่เธอก็บอกด้วยว่า อีกฝ่ายสามารถลบล้างพลังในการมอบความตายได้โดยไม่ขยับด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ขืนโกหกไปสุ่มสี่สุ่มห้าละก็ โดนฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบไปตามตรง
เขาสูดลมหายใจลึกๆ … กล่าวขึ้น
“พวกเราเป็นสปายน่ะ..”