การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 377

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 377 – สปาย…?

เมื่อเลทิเซียจากออกมา เธอไม่ได้หายไปทันที… เธอก้าวขาไปยังป่าที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านที่ตอนนี้มีคนคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่

เพราะในป่านั้นมีเพียงความมืดจึงไม่อาจจะจำแนกได้ว่ามีใครอยู่ในนั้น จึงมีเพียงเงาสีดำๆ ที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ

ถึงแม้เงาดำนี้จะไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดในเมืองได้ แต่ทว่าเธอก็ยังสัมผัสได้ว่า อันเดดที่เธอปลุกขึ้นมาจากความตายนั้นถูกทำลายไปจนหมดแล้ว

พอใช้พลังตรวจสัมผัสนิดหน่อยก็ได้รู้ว่าสองคนที่เหลือได้ตายไปแล้ว.. โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แม้เธอจะดูถูกคนสองคนนั้น แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าสองคนนั้นอ่อนแอถึงขนาดนั้น ในเมื่อสองคนนั้นตายไปแล้ว

เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ.. หลังจากครุ่นคิดแบบนั้นเธอก็กำลังจะตัดสินใจจากไปนั้นเอง…

เลทิเซียก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเธอแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง.. แน่นอนว่าสำหรับเลทิเซียแล้วไม่ว่าจะมืดหรือสว่างทุกอย่างล้วนไม่เป็นผลกับเธอ

เธอสามารถมองเห็นว่าในป่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่.. ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ควบคุมศพที่ตายกลับมามีชีวิตอย่างแน่นอน

เธอคือผู้เสพความตาย ‘ควีน’ ทว่าเมื่อเลทิเซียปรากฏตัวขึ้น ควีนเหมือนจะตอบสนองทันที มือของเธอโจมตีไปพร้อมกับพลังแห่งความตาย

นี่คือพลังที่สามารถควบคุมได้แม้แต่ความเป็นและความตาย เพียงแค่สัมผัสมันเข้าก็จะถูกฆ่าตายโดยไม่มีข้อยกเว้น

ทั้งคู่ไม่ได้เปิดปากเพียงแม้แต่คำเดียว มีเพียงการโจมตีโหดร้ายของควีนที่โจมตีใส่เลทิเซียแบบไม่กักฝีมือ

แต่น่าเสียดายที่เลทิเซียไม่ได้ป้องกันหรือทำอะไรเลย เธอเพียงยืนอยู่แบบนั้น เมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายเกือบจะถึงตัวเลทิเซียเท่านั้นเอง…

แขนควีนก็แตกสลายกลายเป็นหมอกสีโลหิตแทบจะทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างกำลังจะดีดตัวถอยหลัง

แต่เลทิเซียก็ยกมือขึ้นจับแขนอีกข้างเธอเอาไว้พร้อมกับดึงเข้ามา และใช้มืออีกข้างคว้าเอาใบหน้าของควีนเอาไว้ในมือ

“เธอ.. มีพลังที่ควบคุมคนตายใช่ไหม?”

“…..”

ควีนไม่ได้ตอบเลทิเซียทันที ดวงตาของเลทิเซียเผยความน่ากลัวออกมา เมื่อพูดถึงเรื่องที่ต้องช่วยคนสำคัญ สำหรับเธอมันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

แม้เลทิเซียจะไม่อยากคิดว่าจะมีวิธีชุบชีวิตอยู่จริงๆ แต่อย่างน้อย.. หากเธอสามารถจับจุดอะไรได้อาจจะสามารถแทรกแซงโลกได้

ช่วยเพื่อนๆ ของเธอได้

พอไม่เห็นท่าทีว่าอีกฝ่ายจะตอบ เลทิเซียก็ออกแรงบีบใส่หัวอีกฝ่ายแรงกว่าเดิม และ.. มันก็แตกคามือของเธอทันที

ทว่าไม่นานหัวของอีกฝ่ายก็กลับคืนมาเป็นปกติ พร้อมกับสีหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของควีน แม้เลทิเซียจะไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้

เหมือนตอนที่เธอฆ่าเจ้าเด็กที่ผลักชาร์ล็อตให้ตกลงมาจากหน้าผา.. แต่เธอมีวิธีมากมายที่จะทำให้โชคชะตาของอีกฝ่ายไม่ขาดสะบั้น

กล่าวคือเลทิเซียมีวิธีมากมายที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ตายทันที และผู้หญิงตรงหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าเด็กนั่นเยอะ

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า.. เธอไม่มีทางตายอย่างแน่นอน ตราบใดที่เลทิเซียไม่ต้องการที่จะให้เธอตายละก็นะ..

“ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ”

“…….฿%%..”

ในตอนนั้นเองเสียงแปลกประหลาดของควีนก็ถูกเปล่งออกมา เมื่อครู่นี้เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากการที่หัวถูกบดขยี้ไม่มีผิด

แม้จะงุนงงว่าทำไมถึงไม่ตาย แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนจริงนั้นเธอไม่อยากสัมผัสมันอีกเป็นหนที่สองเธอพึมพำด้วยเสียงที่สั่นเครือใต้ฝ่ามือเล็กๆ ของเลทิเซีย

แถมในเวลาที่เธอกล่าวนี้เหมือนเธอจะสื่อสารผ่านจิตด้วยเทเลพาธีเหมือนกับที่ลาน่าเคยใช้…

แน่นอนว่าเรื่องแค่นี้เลทิเซียมองออกแทบจะทันที อันที่จริงเธอมีวิธีการมากมายในการซักถามความจริงจากเธอคนนี้

เพียงแต่เลทิเซียคิดว่าการถามปากต่อปากจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามาก แต่ในเมื่อมันไม่สำเร็จก็เหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้นแหละ

ในขณะที่เลทิเซียตัดสินใจนั้นเอง ด้านหลังของเธอก็มีช่องว่างของมิติถูกฉีกออก จนเกิดเป็นรอยแยกของห้วงมิติ

ฉับพลันนั้นเอง เงาสีดำก็พุ่งพรวดออกมา พลังจอมมารระเบิดออกมาจากร่างกาย.. ไม่สิ .. ร่างนี้ไม่ใช่จอมมาร

เป็นแค่ร่างที่เคยครอบครองพลังของจอมมารเท่านั้น แม้จะเป็นแค่อดีตจอมมารก็ตาม แต่ทั้งเวทมนตร์และลักษณะทางกายภาพของเขาก็เหนือกว่าปีศาจทั่วไปมาก

ผสมกับการที่ถูกปลุกขึ้นมาในฐานะอันเดดด้วยฝีมือของควีน ทำให้มีพลังมากกว่าเดิมถึงสามเท่า..

ควีนเรียกอันเดดนี้ว่า ‘จอมมารเทียม’ ซึ่งทันทีที่มันปรากฏตัวออกมานั้นก็พึ่งโจมตีใส่เลทิเซียอย่างรวดเร็ว

แต่เลทิเซียไม่เพียงแต่ไม่หันไปสนใจ เธอใช้เวทมนตร์แห่งการแทรกแซงออกมาแทรกแซงเข้าไปในสมองของอีกฝ่าย

“ช้าก่อน ได้โปรดยั้งมือก่อน!”

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายดังขึ้นตามหลังของจอมมารเทียมมาติดๆ เสียงนั้นมีทั้งความกังวลผสมกันไป

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดชะงักเล็กน้อย พร้อมกับหันไปมองซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของจอมมารเทียมโจมตีกำลังจะถูกร่างเลทิเซีย

ทว่าน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งเลทิเซียนั้นอยู่เหนือความเป็นจริงของโลกนี้ไปแล้ว ทันทีที่มันกำลังจะถูกร่างของเลทิเซียนั้น

ร่างของมันก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงแทบจะทันที เรื่องนี้ส่งผลให้ดวงตาของควีนเบิกกว้าง และใครสักคนที่ตามมาเองก็ตกตะลึง

เลทิเซียพูดขึ้นว่า..

“ฉันแค่อยากจะถามเธอว่า เธอควบคุมความตายได้ใช่ไหม?”

เลทิเซียเองก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าไม่เลือก เพราะว่าหากเธอบุ่มบ่ามทำอะไรผลีผลามขึ้นมาละก็ภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างอาจจะปรากฏตัวก็ได้

ดังนั้นเธอจึงพยายามจะเลี่ยงสิ่งที่เลี่ยงได้ แต่ถ้าหากเพื่อคนสำคัญเธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน

คนที่เดินออกมานั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างเป็นผู้ดี แถมหน้าตาแบบนี้เลทิเซียเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

แน่นอนว่าบอกว่าเหมือน คือเพราะคนหน้าตาเหมือนกันเฉยๆ ด้วยทักษะมากมายที่เลทิเซียมียามนี้เขาสามารถรับรู้ทันทีว่าพึ่งเคยเจอกับอีกฝ่ายครั้งแรก

“หือ..?”

ชายคนนั้นแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย หันไปมองควีนที่อยู่ในเงื้อมมือของเลทิเซีย ควีนที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าหงึกหงัก ร่างนั้นพอเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เข้าใจแล้ว ข้าจะบอกเกี่ยวกับพลังของนางให้เอง ปล่อยนางก่อนเถอะ”

“….”

พอเห็นเลทิเซียไม่มีทีท่าจะปล่อยมือ.. อีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเบาๆ

“พลังของเธอเป็นหนึ่งในพลังที่พวกเรา ‘กลุ่มผู้แสวงหาสันติสุข’ ใช้ความคิดสร้างกันขึ้นมานะ.. จะบอกว่าควบคุมความตายก็ยังไงอยู่”

“เพราะพวกเราแค่ทำให้ระบบประสาทมันกลับมาทำงานได้ปกติ แล้วก็เคลื่อนไหวได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีความนึกคิดเป็นของตัวเองหรอก”

“ดังนั้นจึงสั่งและควบคุมได้อย่างอิสระ.. ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายหรือช่วยคนใกล้ตายได้หรอก เราทำได้เพียงแค่ดึงเอาร่างกายกลับมามีชีวิตเท่านั้น”

“ไม่นานร่างกายนั้นก็จะสลายไปอยู่ดี”

ชายคนนั้นกล่าวอธิบายสังเกตท่าทีของเลทิเซียไปด้วย เลทิเซียครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง.. เธอไม่ใช่คนโง่

“ไม่ใช่พวกของจอมมาร? สองคนก่อนหน้านี้ฉันอ่านความทรงจำของพวกมันแล้ว เหมือนจะเป็นคนของจอมมารที่ชื่อไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ?”

ชายคนนั้นที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็เกิดความลังเลขึ้นมาอีกครั้ง .. แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก

เธอแค่ต้องการจะทราบสถานการณ์ในปัจจุบันนิดหน่อย.. อีกอย่างเธอยังสงสัยเกี่ยวกับ ‘กลุ่มผู้แสวงหาสันติสุข’ ที่เหมือนกำลังศึกษาอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความตายด้วย..

จากท่าทางของอีกฝ่ายเลทิเซียพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่.. แน่นอนว่าพอชายคนนั้นเห็นเลทิเซียไม่มีท่าทีที่จะปล่อยลูกน้องตัวเอง

เขาก็ไม่มีทางเลือก.. การสังหารจอมมารเทียมเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งยืนยันแบ้วว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้าอาจจะแข็งแกร่งพอๆ กับจอมมารหรือมากกว่านั้น

จากการสื่อสารผ่านจิตของควีนเมื่อสักครู่เธอก็บอกด้วยว่า อีกฝ่ายสามารถลบล้างพลังในการมอบความตายได้โดยไม่ขยับด้วยซ้ำ

และแน่นอนว่าคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ขืนโกหกไปสุ่มสี่สุ่มห้าละก็ โดนฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบไปตามตรง

เขาสูดลมหายใจลึกๆ … กล่าวขึ้น

“พวกเราเป็นสปายน่ะ..”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท