บทที่ 404 – นิเก็น-เซย์
ลูกบาศก์ของเลทิเซียนั้นมันมีพลังมากกว่าที่เลทิเซียคิด มันสามารถลบได้แม้แต่โชคชะตา กฎเกณฑ์
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกบิดเบือนไปจนหมดสิ้น ราวกับว่าโลกนี้มันไร้ซึ่งระเบียบไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่จิตวิญญาณที่ว่ากันว่า
ในโลกนี้ไม่มีทางดับทำลายดวงวิญญาณคนอื่นได้ แต่ภายใต้ลูกบาศก์สีดำนี้กลับมีพลังมากพอที่จะลบได้แม้แต่ดวงวิญญาณ
และบางทีอาจจะเป็นเพราะลูกบาศก์นี้เช่นกันที่ลบระบบแห่งโชคชะตาของโลกออกไป ทำให้ไม่เกิดภาพสะท้อนขึ้น
แม้เลทิเซียจะสามารถควบคุมมันได้เบ็ดเสร็จ แต่ไม่ใช่ว่าเธอสามารถเข้าใจมันได้อย่างแท้จริง.. นี่คือหนึ่งในพลังที่ทรงอานุภาพที่สุด
มันทรงพลังยิ่งกว่าตัวตนของเธอเสียอีก.. เพราะพลังนี้มันกำเนิดขึ้นมาจากการผสมผสานพลังของสิ่งต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในโลกนี้
ไม่ว่าจะเวทมนตร์มนุษย์ เวทมนตร์ปีศาจ ร่างกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ ความเชื่อ ความปรารถนา ความรู้สึก…
ราวกับว่าทุกอย่างนั้นถูกหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันไร้รูปร่าง… อันที่จริงพลังนี้แม้มองดูแล้วมีลักษณะเป็นลูกบาศก์
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีลักษณะเป็นลูกบาศก์ แต่มันไม่ได้มีลักษณะที่ชัดเจน ราวกับว่าหากถอนหายใจมันก็เล็กราวกับไม่มีอยู่จริง
แต่สูดหายใจเข้ามันก็ครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง เมื่อใช้งานมองดูแล้วมันพุ่งไปหาศัตรู แต่ความจริงแล้วมันก็ยังเป็นมัน
ไม่ได้ต่างจากเดิม สิ่งที่ต่างจากเดิมคือ… สร้างผลลัพธ์ที่ลบขึ้นมา กล่าวคือไม่ว่าศัตรูจะอยู่สุดขอบดินแดนอันไกลโพ้นที่ไม่อาจจำกัดด้วยระยะทาง
หรือต่อให้อีกฝ่ายอยู่นอกความเป็นจริง หากเลทิเซียปรารถนาที่จะโจมตี มันก็จะตกตายในแทบทันที
ลูกบาศก์นั้นไม่ได้มีหน้าที่ว่าจะโจมตีหรือไม่โจมตี เพราะมันอยู่เหนือกว่าทางเลือกดังกล่าว อยู่เหนือกว่าใช่หรือไม่
ราวกับว่าไม่ว่าจะโจมตีหรือไม่โจมตีทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่ไม่ถูกกำหนด และแน่นอนว่าด้วยความที่มันเป็นพลังเช่นนี้จึงสามารถนิยามมันได้ว่ามันคงอยู่และไม่คงอยู่ในเวลาเดียวกัน
หากให้ยกตัวอย่างที่พอเข้าใจได้ โดยทั่วไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนดำรงอยู่ภายใต้ความจริงที่ดำรงอยู่เป็นคู่
เช่นว่า เมื่อมีความดีก็ต้องมีความชั่ว มีความแข็งแกร่งย่อมมีความอ่อนแอ มีต่ำกว่าย่อมมีเหนือกว่า
มีความไม่จริงย่อมมีความจริงในเวลาเดียวกัน เพราะในโลกนี้ในอดีตก่อนที่จะถึงยุคสมัยนี้ บางทีมันคงเป็นก่อนที่เทพผู้สร้างคนที่เลทิเซียเคยรู้จักจะมีอยู่ด้วยซ้ำ
ได้มีเทพสองคนปรากฏขึ้น.. เทพสองคนนี้คนหนึ่งเปรียบดั่งผู้มอบความรัก คนหนึ่งเปรียบดั่งผู้มอบความเกลียดชัง
หนึ่งมอบความสูงกว่า อีกหนึ่งเองก็มอบความต่ำกว่า… ทั้งสองอย่างนี้เป็นเหมือนหยินและหยาง เป็นเหมือนด้านบวกและด้านลบ
และทุกสิ่งอย่างเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ‘นิเก็น-เซย์’ หรือความเป็นคู่… มันดำรงอยู่ในทุกความเป็นจริงที่มีอยู่บนโลก บนต้นกำเนิด หรือแม้แต่ดินแดนอันหลุดพ้น
เช่นว่า.. หากต้องตื่นขึ้นไปในต้นกำเนิดอะเลฟหนึ่งหรือจะอยู่ในต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ต่อไป นี่ก็คือความเป็นคู่
หากเลือกอยู่อะเลฟหนึ่งก็จะเก่งขึ้นหากเลือกอยู่ในอะเลฟสองก็จะไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกเรียกว่านิเก็น-เซย์
แต่.. ลูกบาศก์สีดำของเลทิเซียได้เมินเฉยความเป็นคู่เหล่านั้นราวกับว่ามันอยู่ทั้งเหนือกว่าและต่ำกว่าในเวลาเดียวกัน
ราวกับว่ามันหลุดพ้นและไม่หลุดพ้นในเวลาเดียวกัน ราวกับว่ามันอยู่เหนือนิเก็น-เซย์และไม่อยู่ในเวลาเดียวกัน
ระบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่โลกสร้างขึ้นหรือกฎเกณฑ์บางอย่าง แต่มันถือกำเนิดขึ้นมาด้วยตัวมันเองตั้งแต่ตอนที่เทพแรกเริ่มสองคนได้ถือกำเนิดขึ้นมา
มันจึงทำให้ ‘นิเก็น-เซย์’ นี้เป็นสิ่งที่เลือนรางยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นบนโลกใบนี้..
และก็เพราะเป็นแบบนั้นลูกบาศก์ของเลทิเซียถึงได้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะลบเทพธิดาออกไปได้แม้เลทิเซียจะพยายามหยุดยั้งมันแล้ว
เพราะตามความจริงลูกบาศก์นี้ไม่ใช้เวลาในการจำกัด เพราะ.. ทันทีที่เลทิเซียใช้ออกอีกฝ่ายก็จะสลายหายไปโดยไม่มีข้อจำกัดหรือข้อแม้
โชคยังดีที่เลทิเซียยกเลิกพลังทัน.. แต่ถึงแบบนั้นเทพธิดาคนนั้นก็ถูกดูดกลืนลงไปในช่องว่างระหว่างห้วงมิติที่เกิดจากพลังของเลทิเซียเอง
“ไม่!!”
เลทิเซียคำรามลั่นเธอกระโดดตามไปในรอยแยกมิตินั้น ชั่วพริบตาเดียวรอยแยกนั้นก็สลายหายไปจนหมดสิ้น
ซึ่งในวันนี้ทั่วทั้งทวีปต่างสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่ขนลุกตั้งไปทั้งร่างเลยก็ว่าได้ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมก็ตาม
ในขณะเดียวกันเลทิเซียที่หลุดเข้าไปในดินแดนอันประหลาดและแปลกตานั้น เธอไม่สนใจรอบข้าเลย..
ถึงแม้ในตอนนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเลทิเซียมันจะเป็นโลกที่เหมือนกับโลกเดิมเลทิเซียไม่มีผิด แต่ว่ามันกลับเป็นโลกที่ล่มสลาย…
โลกแห่งนี้มันถือกำเนิดขึ้นมาจากความทรงจำและพลังของเลทิเซีย ก่อให้เกิดเป็นดินแดนอันมีความจริงไม่แน่นอน
และแตกแขนงเป็นโลกาที่ไร้ที่สิ้นสุด สร้างเป็นดินแดนที่อาจจะมีมั้งพลังพิเศษและสิ่งต่างๆ อย่างไม่ทราบ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเข้าใจมันในตอนนี้ เพราะแม้แต่เลทิเซียเองก็ยังไม่มั่นใจ อีกอย่างในตอนนี้เธอพยายามจะช่วยเทพธิดาคนนั้นอยู่
เพราะขืนเป็นแบบนี้เธอต้องตายแน่ๆ .. ร่างกายของเทพธิดาเริ่มแตกสลายจิตวิญญาณราวกับกำลังเผาไหม้
“เจ้า…”
ดวงตาของเทพธิดาลืมขึ้นมองเห็นหน้าเลทิเซียเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย ความทรงจำตัวเองราวกับกำลังแตกสลาย
เพราะโชคชะตาของเธอกำลังจะสลายหายไปจนหมด แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าร้อนรนของเลทิเซียสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
เธอเต็มไปด้วยความสับสนว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร ทำไมถึงแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา.. แล้วก็เธอทำอะไรอยู่
เธอเป็นเทพธิดาไม่ใช่หรือ ทำไมร่างกายของเธอเหมือนกำลังแตกสลายไปล่ะ เธอมาทำอะไรอยู่ในโลกแห่งนี้กัน
มองดูตัวเองเธอก็ประหลาดใจเหมือนร่างกายเธอกำลังแตกสลาย.. อ่า นี่เธอกำลังจะตายยังงั้นเหรอ…
ตายโดยที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเนี่ยนะ? ภายใต้ความสงวัยมากมาย แต่ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็เอื้อมมือมาคว้าเอาร่างเธอไว้
พร้อมกับจะแช่แข็งห้วงเวลาการดับสลายของเธอ แต่น่าเสียดายที่มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เลทิเซียเหงื่อไหลพรากด้วยความตกใจ
“ทำยังไงดี.. ทำยังไงดี!ขืนเป็นแบบนี้เธอตายแน่นอน”
เลทิเซียพยายามใช้พลังทุกอย่างรักษา แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใข่ร่างกายเธอ หากเป็นร่างกายเธอต่อวิญญาณแตกดับก็คงฟื้นฟูได้
เพียงแต่ไม่ใช่สำหรับเทพธิดาเหล่านี้… วิญญาณเสียหาย.. วิญญาณเสียหาย..
“อ๊ะ จริงด้วย!ยังมีวิธีนั้นนี่น่า!”
เลทิเซียกอดเอาร่างของเทพธิดาคนนั้นมุ่งดิ่งลงโลกอันแปลกประหลาดจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลก เพียงแต่เลทิเซียไม่ได้สนใจ
เธอนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ก่อนจะจากไอรีนมา จำความรู้สึกที่ใส่พลังเวทแห่งต้นกำเนิดลงไปในหินตอนนั้น
หากเข้าใจไม้ผิดพลังเวทแห่งต้นกำเนิดเป็นเหมือนเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ ตอนนี้เทพธิดาตรงหน้าเลทิเซียนั้นบาดเจ็บสาหัสยันดวงวิญญาณ
ต่อให้ฟื้นฟูร่างกายมาได้ เธอก็ตายอยู่ดี.. แม้เลทิเซียไม่เข้าใจว่าหากวิญญาณของคนคนหนึ่งกับอีกคนคนหนึ่งหลอมผสานกันจะเป็นยังไง
แต่เศษเสี้ยววิญญาณของเธอจะต้องไปหลอมผสานกับวิญญาณของเทพธิดาในส่วนที่หายไปได้แน่
แต่ผลลัพธ์ของการหลอมผสานวิญญาณของคนสองคนนี่เลทิเซียไม่ค่อยมั่นใจ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
เลทิเซียกัดริมฝีปากตัวเอง รีดเค้นพลังเวทแห่งต้นกำเนิดออกมาปล่อยเข้าไปในร่างกายของเทพธิดาคนนี้ด้วยพลังทั้งหมด
ต่อให้ร่างกายเลทิเซียจะแตกสลายหายไปทีละนิดๆ มันก็ฟื้นฟูกลับมาแทบจะทันที เธอรู้ว่าเศษเสี้ยววิญญาณการจะรักษาวิญญาณที่พังทลายไปมากกว่าครึ่งนั้นคงต้องใช้เวลานานมาก
แต่ถึงแบบนั้นเลทิเซียก็ไม่ท้อถอย เธอปลดปล่อยพลังเวทแห่งต้นกำเนิดแทรกเข้าไปในจิตวิญญาณของเทพธิดาจนมองเห็นได้ตาเปล่าว่าดวงวิญญาณของเทพธิดาเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
แต่มันก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาทีละนิด แต่ร่างกายของเลทิเซียในยามนี้แตกพังทลายไปมากกว่าหมื่นครั้ง เพราะยังไงซะนั่นมันก็แค่เศษเสี้ยว
“เธอต้องไม่ตาย.. เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
เลทิเซียพึมพำ.. พร้อมกับถ่ายเทพลังตัวเองลงไปไม่หยุดยั้ง.. เทพธิดาเองก็มองเห็นร่างกายเลทิเซียที่แตกพังลงทุกวินาทีโดยแลกกับการฟื้นฟูของตัวเธอเอง..
“เจ้า… ทำ..อะไร..?”