บริษัทผลิตสินค้า “…”
เมื่อมีการประกาศเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ชุดสไปเดอร์แมนผู้หญิง แฟนคลับสไปเดอร์แมนหลายคนพากันต่อต้าน
บริษัทผลิตสินค้านึกสงสัยถึงมูลคุณของโปรเจ็กต์นี้มาโดยตลอด
ต่อให้ยกโบกธงใหญ่อย่างเซี่ยนอวี๋ขึ้นมาอ้างก็ไม่มีประโยคมากนัก
แต่ใครจะรู้เล่า…
ว่าชุดสไปเดอร์แมนผู้หญิงกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันทีที่ปล่อยออกมา!
แฟนคลับผู้ชายกลุ่มนั้นออกมาโหวกเหวกว่าจะต่อต้านไม่ใช่หรือไง?
ต่อต้านบ้านแกทำแบบนี้เหรอ!
เจ้าพวกงั่งเอ๊ย!
ปากว่าตาขยิบ ใช่แล้ว พวกคุณนั่นแหละ!
คนที่ต่อต้านเป็นบ้าเป็นหลังคือพวกคุณ คนที่ควักเงินซื้อเป็นบ้าเป็นหลังก็คือพวกคุณ!
ผู้ชายอกสามศอกอย่างพวกคุณจะซื้อไปทำอะไรไม่ทราบ?
พวกเฒ่าหัวงู!
มิน่าล่ะสตีฟ จ็อบส์ถึงได้บอกว่า
ลูกค้าไม่รู้ว่าความต้องการของพวกเขาคืออะไร
ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนบนโลก ไมเคิล จอร์แดนมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
กระแสความนิยมของสินค้า ได้กลายเป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งของความโด่งดังของภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน
และกระแสความนิยมของสินค้า ก็มีส่วนช่วยในการกระตุ้นความโด่งดังของภาพยนตร์ ทั้งสองต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกัน
ในฐานะนักแสดงซึ่งรับบทเป็นสไปเดอร์แมน เจี่ยนอี้ก็โด่งดังขึ้นมาเช่นเดียวกัน!
นักแสดงหน้าใหม่ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาก็ได้รับบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเซี่ยนอวี๋ กลายเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการโด่งดังชั่วข้ามคืนในวงการบันเทิง
พรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์…
โฆษณา…
สัมภาษณ์คนดัง…
เจี่ยนอี้กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการบันเทิง!
ด้วยเหตุนี้ เจี่ยนอี้จึงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เขาเปลี่ยนกลุ่มเล็กซึ่งมีหลินเยวียนและซย่าฝานเป็น
‘กลุ่มบันเทิงใหญ่หมู่บ้านหย่งหนิง’
ซย่าฝานทนดูต่อไปไม่ไหว “นี่มันชื่ออะไรของนายเนี่ย?”
ข้อบกพร่องมีมากมายจนไม่รู้จะเริ่มบ่นจากตรงไหนก่อน
ก่อนอื่น ในกลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน ที่เรียกว่า ‘กลุ่มบันเทิงใหญ่’ คำว่า ‘ใหญ่’ มาจากไหนกัน?
นอกจากนี้
คำว่า ‘หมู่บ้านหย่งหนิง’ นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า?
เจี่ยนอี้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ‘ตอนนี้ทุกคนเป็นคนดังแล้ว หลังจากนี้เธอพูดกับฉันต้องสุภาพหน่อย ตอนนี้เพื่อนร่วมงานในบริษัทเรียกฉันว่าพี่อี้ พ้องเสียงกับคำว่าลูกพี่[1]เชียวนะ!’
หลินเซวียนโผล่เข้ามา ‘นายก็เว่อร์เกิน’
เจียนอี้รู้สึกผิด ‘พี่เข้าใจผมผิดแล้ว ประเด็นสำคัญคือพวกเราทุกคนมาจากสายบันเทิง พี่ทำนิยาย ผมก็แสดงหนัง ซย่าฝานร้องเพลง ส่วนหลินเยวียนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ก็นับว่าเป็นสายบันเทิงใช่ไหมล่ะ’
‘พี่อี้?’
ซย่าฝานเอ่ยถามออกมาจากใจ ‘งั้นนายรู้ไหมว่าคนเขาเรียกหลินเยวียนว่าอะไร’
พ่อเพลง…
พ่อเพลงอวี๋…
นี่คือคำเรียกที่หลินเยวียนได้รับ แฟนคลับไม่เพียงเรียกเช่นนี้ คนในบริษัทหลายคนก็เรียกเช่นกัน
เจี่ยนอี้เงียบลงทันใด
ซย่าฝานใจไม่แข็งพอ จึงตัดสินใจไว้หน้าเจี่ยนอี้ กู้สถานการณ์ว่า ‘ไม่เป็นไร พี่อี้ ฉันคิดแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปต่างคนต่างเรียกเนอะ’
เจี่ยนอี้ “…”
เขาเรียกฉันว่าพี่ แต่ฉันเรียกเขาว่าพ่อ?
ในเวลานั้น
มีแจ้งเตือนขึ้นว่า ‘การเรียนทำให้ฉันมีความสุข’ ถูกพี่สาวเชิญเข้ากลุ่ม
เจี่ยนอี้ถาม ‘นี่ใคร’
การเรียนทำให้ฉันมีความสุข ‘เรียกฉันว่าคุณอา’
เจี่ยนอี้ ‘…’
ชื่อที่มีเอกลักษณ์ขนาดนี้ เห็นทีจะมีแต่คุณอา…
โอ๊ยยย!
เห็นทีจะมีแต่หลินเหยาเนี่ยแหละ
เจี่ยนอี้และซย่าฝานนั้นคุ้นเคยกับพี่สาวและน้องสาวของหลินเยวียนเป็นอย่างดี
ในเวลานี้หลินเหยาเมนชันถึงหลินเยวียน คล้ายกับมีท่าทีไม่พอใจ ‘ทำไมไม่ลากหนูเข้ากลุ่มตั้งแต่แรก’
พี่สาวอธิบายแทนหลินเยวียน ‘ตอนที่สร้างกลุ่มกัน เธอยังไม่เป็นผู้ใหญ่’
หลินเหยาหัวเสีย ‘เกี่ยวอะไรกับเป็นหรือไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วย’
ทุกคนเงียบ
หลินเหยามองไปยังรูปภาพของสไปเดอร์แมนหญิงสุดเซ็กซี่ที่เจี่ยนอี้อัปโหลดลงในอัลบัมรูปในกลุ่มแช็ต เธอจึงคล้ายกับเข้าใจบางอย่างขึ้นมา
ตำนานที่บอกว่า…
ทุกกลุ่ม จะมี ‘พี่รูปโป๊’
เห็นได้ชัดว่าพี่คนหื่นในกลุ่มนี้ ก็คือเจี่ยนอี้นั่นเอง
เธออัปโหลดเอกสารการเรียนเล็กน้อยอย่างเงียบเชียบ พยายามทำให้บรรยากาศในกลุ่มสะอาดสะอ้านขึ้น
……
วันเวลาหลังจากนั้น ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของสไปเดอร์แมนคล้ายกับไม่มีท่าทีว่าจะลงเลย ผลงานยังคงแข็งแกร่ง
มีข่าวเกี่ยวกับสไปเดอร์แมนแทบทุกวัน
และในข่าว ยังมีรายงานเกี่ยวกับแบรนด์อาหารแห่งหนึ่งซึ่งกวาดรายได้ถล่มทลายจากธีมสไปเดอร์แมน เพียงแต่ผู้ที่สนใจข่าวประเภทนี้มีไม่มาก
กระทั่งเข้าสู่เดือนสิงหาคม
กระแสของสไปเดอร์แมนจึงลดลง
ปรากฏว่า ขณะที่หลินเยวียนกำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากถงซูเหวิน
หลินเยวียนงุนงงเล็กน้อย
ราชาหน้ากากนักร้องจบลงแล้ว ถงซูเหวินโทรมาหาตนทำไมกัน
เขากดรับสาย
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “สวัสดีครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ขอโทษที่รบกวน ครั้งนี้ผมโทรมาหาคุณเพราะมีรายการหนึ่ง…”
“รายการร้องเพลง?”
“ใช่ครับ”
“ไม่ไปครับ”
หลังจากเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง หลินเยวียนก็ไม่อยากเข้าร่วมรายการดนตรีอื่นอีก
ถงซูเหวินชะงัก ก่อนจะหัวเราะร่วน “รายการครั้งนี้คุณไม่จำเป็นต้องร้องเพลงครับ หน้าที่หลักคือการประพันธ์เพลง…”
“ประพันธ์เพลง?”
“ใช่ครับ รายการใหม่ของพวกเรามีชื่อว่า ‘เพลงของเรา[2]’ เป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับนักประพันธ์เพลง”
หลินเยวียน “…”
ทำไมถึงเจอชื่อรายการที่คุ้นเคยอีกแล้วล่ะ
เขาแทบอยากถามระบบให้รู้เรื่องว่ามีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า
จนกระทั่งถกซูเหวินอธิบายรายละเอียดของรายการเพลงของเรา
“รายการนี้จะเชิญนักประพันธ์เพลงมาเข้าร่วมในแต่ละตอน ในตอนแรกๆ นักประพันธ์เพลงจะได้รับการจัดสรรนักร้องมาแบบสุ่ม และในตอนหลังๆ หลังจากนั้นรายการจะมอบหัวข้อมาให้ จากนั้นจะให้นักประพันธ์เพลงสร้างสรรค์เพลงบนหัวข้อของเรา และเลือกนักร้องที่จะร้องเพลงนี้…”
“คล้ายกับรูปแบบไต่อันดับในฤดูกาลเพลง?”
หลินเยวียนนึกเชื่อมโยงถึงฤดูกาลการจัดอันดับเพลง เพราะการจัดอันดับเพลงคือการที่นักประพันธ์เพลงเขียนเพลงออกมา หลังจากนั้นจึงหานักร้องที่เหมาะสมมาขับร้อง ต่างฝ่ายต่างแข่งขันบนการจัดอันดับ
“ถูกต้องครับ!”
ถงซูเหวินกล่าวกลั้วหัวเราะ “คุณจะเข้าใจว่าเป็นการนำการแข่งขันในฤดูกาลเพลงมาทำเป็นรายการให้ผู้ชมดูก็ได้ครับ และยังจะทำให้ผู้ชมได้รู้จักกลุ่มนักประพันธ์เพลงมากขึ้น นอกจากนั้นนักร้องที่คุณสามารถเลือกได้นั้นมีหลากหลาย เพราะในรายการนี้จะเชิญนักร้องจากราชาหน้ากากนักร้องซีซันหนึ่งมาด้วย…”
หลินเยวียนตกตะลึง
ถ้าหากเป็นนักร้องที่ไม่รู้จักก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าจะเชิญนักร้องซึ่งเคยเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้องมา ในนั้นมีคนที่ตนคุ้นเคยอยู่มาก ถ้าหากเจอพวกมู่สือ จะได้จัดหาเพลงซึ่งต้องใช้การหายใจ เพื่อช่วยให้ฝีมือของพวกเขาก้าวหน้าขึ้นอีก
ถ้าหากได้เจอเฟ่ยหยาง ก็สามารถมอบบทเพลงที่จริงใจให้เขาได้เช่นเดียวกัน
ถ้าเจอพวกซุนเย่าหั่วก็ยิ่งดี
ทุกคนต่างกำลังพูดถึง ‘ราชวงศ์ปลา’ พลอยให้หลินเยวียนเองก็เกิดการยอมรับราชวงศ์ปลานี้ตามไปด้วย เดิมทีเขาเองวางแผนจัดเตรียมผลงานให้กับนักร้องราชวงศ์ปลาเหล่านี้อยู่แล้ว
คงเป็นเรื่องดีที่มีรายการซึ่งมียอดการรับชมมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อพ่อเพลงอีกด้วย
“แต่ผมมีเวลาไม่มาก…”
“เวลาของคุณย่อมมีค่าที่สุด เพราะฉะนั้นเนื้อหาส่วนมากของรายการนักร้องจะเป็นคนรับมือ นักประพันธ์เพลงเพียงแค่แวะไปให้เห็นหน้าค่าตาก็พอแล้วครับ อันที่จริงพวกเราเชิญพ่อเพลงท่านอื่นๆ มาเข้าร่วมรายการด้วย ตัวอย่างเช่นอาจารย์เจิ้งจิงที่คุณคุ้นเคย ส่วนอาจารย์หยางจงหมิงทางเราก็กำลังติดต่อไป เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบกลับ”
“ผมขอคิดดูก่อนครับ”
หลินเยวียนไม่ได้ปฏิเสธทันควัน เขาค่อนข้างสนใจจริงๆ
ถ้าหากรายการนี้ไม่ได้กินเวลามากนัก เขายังต้องขบคิดรายละเอียดอื่นๆ
“วางใจได้ครับ!”
ถงซูเหวินกล่าวกลั้วหัวเราะ “รายการนี้ของเราต้องดังระเบิดอย่างแน่นอนครับ เมื่อมีพื้นฐานจากราชาหน้ากากนักร้องแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างล้วนเป็นทีมเดิม ผู้ชมต้องซื้อแน่นอน จะว่าไปแล้วแนวคิดของรายการนี้มาจากคุณ ตอนนี้ผู้ชมเรียกร้องให้นักประพันธ์เพลงมาปรากฏตัวบนเวทีเยอะมากครับ…”
“กรรมการตัดสินล่ะครับ?”
“กรรมการตัดสินคือผู้ชมครับ!”
ถงซูเหวินยิ้มขื่น “พ่อเพลงล้วนเข้าร่วมรายการนี้ ใครก็ตามที่มานั่งเป็นกรรมการตัดสินจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ดังนั้นจึงทำได้เพียงมอบหน้าที่ให้ผู้ชมตัดสิน แต่ครั้งนี้พวกเราไม่เพียงมีการโหวตสดจากผู้ชม แต่ยังมีการโหวตจากผู้ชมนอกห้องส่งด้วย ทุกคนที่มีการผูกเลขบัตรประชาชนจะมีสิทธิ์โหวตคนละหนึ่งครั้ง…”
อาศัยการโหวตจากผู้ชมทั้งหมดหรือ?
จู่ๆ หลินเยวียนก็รู้สึกว่าตนสามารถหยิบเพลงที่ต่างออกไปได้ในเวทีนี้ เพราะรสนิยมของผู้ชมนั้นมีครอบจักรวาล
“แน่นอนครับ”
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “นี่เป็นเพียงแผนในเบื้องต้นครับ ราบการเรากำลังปรึกษากัน ถ้ามีการปรับเปลี่ยนใหม่ในอนาคต จะรีบแจ้งให้คุณทราบโดยเร็วที่สุดครับ”
“ครับ”
รายการนี้คล้ายกับเป็นภาคต่อของราชาหน้ากากนักร้อง เพียงแต่ในครั้งนี้หลินเยวียนจะมีบทบาทที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นักประพันธ์เพลง…
การเข้าร่วมรายการในฐานะนักประพันธ์เพลงเพียงอย่างเดียว และมีปฏิสัมพันธ์กับนักร้องน่าสนุกจริงๆ เพราะเมื่อหลินเยวียนเข้าร่วมรายการ เขาก็สังเกตเห็นผู้เข้าแข่งขันที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
[1] ลูกพี่ ในต้นฉบับภาษาจีน ทั้งคำว่า ‘พี่อี้’ และ ‘ลูกพี่’ ออกเสียงว่า ‘อี้เกอ’
[2] เพลงของเรา หรือ Our Songs (《我们的歌》) รายการเพลงสเกลใหญ่จากประเทศจีน ผลิตโดยดรากอน เทเลวิชัน รายการต้นฉบับนี้จะเชิญนักร้องสองรุ่นมาร้องเพลงทีมกันบนเวทีรูปตัว Y เพื่อหาทีมที่เหมาะสม