ตามความทรงจำในชีวิตก่อนของเฟยหลงได้มีการแบ่งระดับนักปรุงยาไว้ทั้งหมดเก้าระดับคือ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง สีดำ สีขาว
ซึ่งระดับนักปรุงยาพิสูจน์ได้โดยการดูสีของเพลิงที่จุดขึ้นมาแต่ละเพลิงจะมีความร้อนที่แตกต่างกันยิ่งระดับสูงยิ่งมีความร้อนมากขึ้นมีความบริสุทธิ์มากขึ้นตาม
เเละสามารถปรุงเม็ดยามีคุณภาพความบริสุทธิ์ที่ระดับสูงมากยิ่งขึ้นไปอีกเพลิงในการปรุงยายกระดับได้โดยการยกระดับขอบเขตพลังและความเข้าใจในเพลิง
แล้วยังมีพลังวิญญาณซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับนักปรุงยาซึ่งนักปรุงยาบางส่วนจะมีพลังวิญญาณมากกว่าผู้เบาะเพาะทั่วไป
ในขอบเขตเดียวกันพลังวิญญาณสามารถตรวจสอบสิ่งต่างรอบตัวได้
ยิ่งมีพลังวิญญาณสูงยิ่งสามารถตรวจสอบไปได้ไกลมากยิ่งขึ้นโดยมีตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของขอบเขตการแผ่พลังวิญญาณ
เม็ดยาแบ่งแยกได้โดยคุณภาพและความบริสุทธิ์ของเม็ดยาตามความทรงจำที่เฟยหลงนึกออกเพราะเมื่อตอนที่เขาเคยเป็นเซียนเฟยหลงไม่ได้เพียงเเค่บ่มเพาะเพียงอย่างเดียว
เช่นการปรุงยาและการหลอมอาวุธเมื่อมีเวลาว่างจึงลองเรียนรู้สิ่งต่างเพิ่มเติมเพื่อปรับเเต่งหรือเสริมพลังไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาหรืออาวุธต่างที่สร้างขึ้นมา
กลับมายังห้องทดสอบของการเป็นนักปรุงยาที่รับรองโดยศาลาโอสถเฟยหลงจึงเข้าร่วมการทดสอบโดยมีนักปรุงยาระดับสีแดงสามคนเป็นคนประเมินเม็ดยาของเฟยหลง
เฟยหลงได้เดินไปยังโต๊ะที่วางหม้อปรุงยาและสมุนไพรต่างเอาไว้และเงยหน้ามองนักปรุงยาทั้งสามคน
เมื่อนักปรุงยาทั้งสามเห็นว่าผู้เข้ารับการทดสอบเข้าประจำที่แล้วเรียบร้อยนักปรุงยาคนที่อยู่ตรงกลางได้ก้าวออกมาแล้วประกาศกฎการปรุงยาออกมาว่า
” กฎการปรุงยามีสามประการประการที่หนึ่งเจ้าต้องปรุงเม็ดยาระดับแดงออกให้ได้มาหนึ่งชนิดประการที่สองเจ้าต้องปรุงเม็ยาออกมาให้สำเร็จภายในหนึ่งชั่วยาม”
” ประการที่สามเจ้าอย่าคิดโกงการปรุงเม็ดยาเด็จขาดเพราะพวกเราสามคนจะเป็นคนตรวจสอบเองมีมีคำถามไหม ”
เมื่อเห็นเฟยหลงเงียบไม่ได้ถามอะไรจึงเริ่มการเเข่งขัน
” งั้นก็เริ่มการปรุงยาได้ ”
เฟนหลงไม่ได้คิดอะไรมากแค่หยิบสมุนไพรนั้นคือหญ้าลมปราณและผลเสริมลมปราณแล้วเิดมาหน้าหม้อปรุงยาที่ดูธรรมดาหาได้ทั่วไปไม่มีความพิเศษอะไรเลย
เมื่อเดินมาหม้อปรุงยาจุดเพลิงสีแดงขึ้นข้างใต้หม้อและใส่สมุนไพรทั้งสองปิดฝาแล้วเริ่มควบคุมไฟ
ให้มันกลั่นเม็ดยาโดยการใช้พลังวิญญาณของเฟยหลงล้อมรอบสมุนไพร
เพื่อชำระสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่และทำทำให้สมุนไพรมีความบริสุทธิ์ขึ้นโดยที่การปรุงยา
แต่ละครั้งจะควบคุมไฟอย่างดีโดยจดจ่ออยู่อย่างนั้นโดยระวังไม่ผิดพลาด
หลังจากนั้นก็ต้อบรวมรวมลมปราณในหม้อที่สกัดออกมาจากสมุนไพรโดยใช้พลังวิญญาณและควบรวมเป็นเม็ดยา
ทุกการกระทำและการเคลื่อนไหวต่างๆได้อยู่ในสายตาของนักปรุงยาทั้งสามที่รับหน้าที่การทดสอบเฟยหลง
แต่สิ่งที่เขาเห็นเฟยหลงคือจุดไฟและโยนมันลงแล้วปิดฝาซึ่งเเต่ละการกระทำล้วนเหมือนไม่ใส่ใจ
เมื่อเหล่านักปรุงยาทั้งสามเห็นแล้วต้องเย้ยหยันและส่ายหน้าอย่างดูถูกดูแคลน
เฟยหลงได้เหลือบตาไปเห็นการกระทำก็ได้ยิ้มขึ้นมาและลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
” ข้าเห็นเหมือนบนหน้าพวกเจ้าเขียนว่าต่อให้ตายเม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นมาต้องคุณภาพต่ำหรือไม่ก็คิดว่าหม้อปรุงยาของข้าจะระเบิดข้าบอกพวกเจ้าได้เลยว่า ”
” บิดาผู้นี้ปรุงยามานานกว่ากว่าชีวิตนี้ที่เจ้าปรุงมาเดี่ยวบิดาผู้นี้จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ควรเรียกว่าเม็ดยานั้นคืออะไร ”
เวลาได้ผ่านไปครึ่งชั่วยามเฟยหลงได้หยุดการกระทำทั้งหมดและดับเพลิงสีแดงลงเมื่อทั้งสามเห็นว่าเฟยหลงได้หยุดการปรุงยาทำให้เกิดอาการงงงวยกันหมด
เมื่อเฟยหลงเห็นหน้างงงวยของพวกเขาจึงยิ้มออกมา
เมื่อทั้งสามเห็นรอยยิ้มของเฟยหลงได้แต่มองหน้ากันอย่างสับสนจึงมีนักปรุงยาหนึ่งในสามเอ่ยปากถาม
” ทำไมเจ้าไม่ปรุงยาต่อละเจ้าหยุดทำไมหรือเจ้าปรุงเม็ดยาออกมาเสร็จหรือ ”
นักปรุงยาแค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนิดหน่อย
เฟยหลงจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
” ใช่ข้าปรุงเม็ดยาเสร็จแล้ว ”
เมื่อเหล่านักปรุงยาได้ยินว่าเม็ดยาปรุงเสร็จแล้วจึงลอบหัวเราะอยู่ภายใน
‘ คิดเหรอว่าหลอกข้าได้ง่าย ‘
ดังนั้นนักปรุงนาคนนั้นได้พูดว่า
” งั้นเจ้าก็เอาเม็ดยาออกมาให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม ”
เฟยหลงจึงไม่พูดกับเหล่านักปรุงยาพวกนี้ให้มากความแล้วเอื้อมมือไม้เปิดฝาของหม้อปรุงยาออก
แล้วตอนนั้นเองที่มีกลิ่นสมุนไพรหอมหวนลอยออกมาจากหม้อปรุงยาของเฟยหลง