เมื่อเฟยหลงได้เดินออกมาจากศาลาโอสถได้ไม่นานก็มีเสียงร้องอย่างเกียจคร้านออกมาจากชุดคลุมของเฟยหลง
” อ๋าว ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินเสียงนั้นจึงได้หยิบเสี่ยวไป๋ที่มีขนาดเท่ากับแมวตัวเล็กๆออกมาจากชุดคลุมแล้วพูดขอโทษกับเสี่ยวไป๋
” อ่าขอโทษด้วยเสี่ยวไป๋ข้าเกือบลืมเจ้าไปแล้วโทษนะเจ้าอยากกินอะไรสักหน่อยไหม ”
เสี่ยวไป๋ได้กระโดดออกมาจากแขนของเฟยหลงไปบนไหล่ของเฟยหลงและมองดูรอบข้างด้วยความสนใจ
” อ๋าว ”
และตอนนั้นเองที่มันได้หันไปมองร้านขายเนื้อย่างร้านหนึ่งซึ่งมีเนื้อย่างเสียบไม้วางอยู่บนเตาเมื่อเสี่ยวไป๋ลองสูดกลิ่นหอมของเนื้อย่างที่ลอยมาตามสายลมสายตาของเสี่ยวไป๋จึงเปล่งประกายแล้วหันมามองเฟยหลง
เมื่อเฟยหลงได้เห็นสายตาที่เปล่งประกายของเสี่ยวไป๋จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วลูบหัวมันเบาๆและพูดว่า
” ได้งั้นเราไปซื้อกันเถอะ ”
เฟยหลงได้เดินไปยังร้านขายเนื้อย่างนั้นและกล่าวว่า
” เนื้อย่างสี่ไม้ ”
หลังจากที่เฟยหลงซื้อเนื้อย่างมาแล้วจึงเดินไปหาสถานที่ข้างตรอกแห่งหนึ่งซึ่งได้นั่งลงและเสี่ยวไป๋ที่ยืนอยู่บนไหล่ได้กะโดดลงมานั่งข้างๆเฟยหลง
เมื่อเห็นดังนั้งเฟยหลงก็อดแปลกใจไม่ได้ที่จะต้องกล่าวว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้านี่ฉลาดไม่เบาเลยนะข้าว่าอนาคตของเจ้าต้องไปไกลแน่นอนอีกอย่างมีข้าอยู่ทั้งคนการยกระดับขอบเขตพลังของเจ้าตอนนี้เจ้าเพียงแค่ขอบเขตกาอกำเนิดขั้นที่หนึ่งถ้าต้องการติดตามข้าไปเจ้าต้องมีความอดทนและพยายามมากเลยละ ”
” เเต่การเดินทางของพวกเรายังอีกยาวไกลนี้เป็นเพียงเเค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ”
เมื่อพูดจบก็ได้ใช้มือลูบหัวเสี่ยวไป๋ซึ่งดูจากท่าทางแล้วมันก็น่าจะชอบให้ทำแบบนี้จึงส่งเสียงร้องออกมา
” อ๋าว… ”
แต่ตอนนั้เองที่เสี่ยวไป๋ได้รู้สึกถึงบางอย่างจึงเงยหน้าขึ้นมาและมองไปทางตรอกแห่งนั้น
การกระทำของเสี่ยวไป๋นั้นได้ทำให้เฟยหลงที่กำลังนั่งอยู่อย่างสบายใจนั้นสงสัยว่าทำไมเสี่ยวไป๋ถึงมองไปทางตรอกแห่งนั้น
เมื่อกำลังจะคิดหาสาเหตุเสี่ยวไป๋ก็ได้ยืนขึ้นและเดินไปทางตรอกแห่งนั้นเฟยหลงที่ได้เห็นเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปยังตรอกที่ดูมืดหน่อยจึงตามเข้าไป
และเรียกเสี่ยวไป๋
” เสี่ยวไป๋เจ้ากลับมาก่อน ”
เฟยหลงที่กำลังเดินอยู่นั้นก็ได้เห็นเสี่ยวไป๋นั่งมองคนๆหนึ่งซึ่งเมื่อเฟยหลงมองดูดีๆก็ได้เห็นว่าเป็เด็กสาวนางหนึ่งที่ดูๆแล้วอายุน่าจะสิบสี่หรืิอสิบห้าปี
เฟยหลงได้เห็นเด็กสาวนางนั้นได้เอื้อมมือออกมาเพื่อจะอุ้มเสี่ยวไป๋เมื่อเฟยหลงเห็นอย่างนี้จึงจะเอ่ยปากเตือนเพราะว่าบางทีเสี่ยวไป๋อาจจะไม่ชอบให้คนอื่นมาอุ้มมันนอกจากเสี่ยวไป๋
แต่สิ่งที่เฟยหลงเห็นต่อมาก็ต้องแปลกใจเพราะว่าเสี่ยวไป๋ไม่ระแวงเด็กสาวตรงหน้ามันเลยและยังย้อมให้หญิงสาวนางนั้นอุ้มอีกด้วย
เฟยหลงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกหน่อย
และภาพที่เฟยหลงได้เห็นนั้นคือหญิงสาวที่อุ้มเสี่ยวไป๋อยู่แต่บนใบหน้ากลับมีรอยแผลเป็นอยู่สามรอยเหมือนโดนกรงเล็บของสัตว์อสูรบางอย่างทำร้ายไปจนถึงดวงตา
เฟยหลงจึงคิดว่าแม้จะมีแผลเป็นอยู่แต่ก็ไม่ได้กลบความงดงามของเด็กสาวตรงหน้าและถ้าลบรอยแผลเป็นที่หน้าออกไปก็จะเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้างามล่มเมืองได้เลยทีเดียวผมสีดำและดวงตาที่น่าจะคยเป็นสีดำแต่ตอนนี้มันไร้ซึ่งประกาย
และอย่างท่าทางการอุ้มเสี่ยวไป๋ของหญิงสาวนั้นดูอ่อนโยนและน่าหลงใหลแล้ว
เฟยหลงยังสัมผัสได้ว่ารอบตัวเด็กสาวเหมือนมีออร่าแปลกประหลาดที่ล้อมรอบอยู่
มันรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้าึกนี้
ให้ความรู้สึกสงบและปลอดโปร่งเฟยหลงจึงได้ลองก้าวเดินเข้าไปใกล้อีกเด็กสาวที่ได้อุ้มเสี่ยวไป๋อยู่นั้นได้ยินเสียงเท้าของเฟยหลงจึงกล่าวถามว่า
” ใครกัน ”