เฟยหลงที่ได้ตื่นมาตอนเช้านั้นได้เห็นเสี่ยวไป๋นั่งอยู่งข้างๆตนและใช้อุ้งเท้าของมันทาบอยู่บนหน้าของเฟยหลงเหมือนพยามจะปลุกให้เฟยหลงตื่นแล้วร้องว่า
” อ๋าว ”
เฟยหลงที่ได้รู้สึกตัวจากการปลุกแบบฉบับของเสี่นวไป๋ได้ลูบหัวมันและลุกขึ้นออกจากเตียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เดินตามเฟยหลงไป
เฟยหลงได้เดินไปยังลานหลังบ้านที่เขาได้ซื้อไว้ก็ได้พบกับเด็กสาวที่ตนได้พากลับมาด้วยนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และมีเหล่านกน้อนมากมายล้อมรอบตัวนาง
ให้ความรู้สึกงดงามเหมือนดั่งเทพธิดาผมโบกสบัดเล็กน้อยเมื่อมีลมพัดมาทำให้ภาพนี้น่ามองขึ้นไปอีก
เด็กสาวที่กำลังนั่งมองเหล่านกน้อยอยู่นั้นได้ยินเสียงเท้าเดินมาใกล้จึงเอ่ยปากถามว่า
” เป็นท่านใช่ไหมที่กำลังเดินมาหาข้า ”
เฟยหลงได้ตอบว่า
” ใช่แล้วข้าเอง ”
เด็กสาวจึงถามเฟยหลง
” ท่านมาทำอะไร ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปว่า
” ข้าแค่เดินผ่านมา ”
เด็กสาวตอบกลัมาแค่สั้นๆ
” อืม ”
เฟยหลงและเด็กสาวได้เงียบไปบรรยากาศที่รู้สึกอึดอัดก็ได้ปรากฏขึ้นดังนั้นเฟยหลงจึงกล่าวขึ้นมาว่า
” ดวงตาของเจ้ายังสามารถมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจนใช่ไหม ”
เด็กสาวได้ตอบเฟยหลงโดยที่ในเสียงนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ว่า
” ใช่ข้าสามารถมองเห็นได้ไม่ชัดเจนตามที่ท่านพูดและเมื่อมองไปยังสิ่งต่างๆก็จะเห็นเป็นรูปร่างออกจะเหมือนเงาสีดำ ”
เฟยหลงได้เดินเข้ามาใกล้เมื่อเห็นดังนั้นเด็กสาวจึงเริ่มรู้สึกว่าร่างงกายค่อนข้างเกร็งเล็กน้อยและเริ่มจะขยับถอยห่างแต่เเล้วก็มีเสียงของเฟยหลงได้ดังขึ้นมา
” อย่าขยับ ”
เด็กสาวจึงหยุดขยับตัวและนั่งนิ่งๆเมื่อเฟยหลงเข้ามาใกล้
และตอนนั้นก็ได้ยินเฟยหลงกล่าวว่า
” เจ้ายื่นมือออกมาหน่อยเดี๋ยวข้าจะลองทดสอบอะไรบางอย่าง ”
เมื่อเด็กสาวได้ยื่นมือออกมาเฟยหลงจึงได้จับข้อมือของเด็กสาวและปล่อยสัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบดวงตาของเด็กสาว
เด็กสาวที่รู้สึกถึงมืออันอบอุ่นได้จับข้อมือของนางจึงรู้สึกเกร็งมากกว่าเดิม
ด้านเฟยหลงที่กำลังตรวจสอบดวงตาของเด็กสาวด้สยพลังวิญญาณที่ตอนนี้กำลังแทรกตัวลงไปเฟยหลงได้เห็นภาพที่ดวงตาของเด็กสาวบางส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างมาก
ซึ่งมาจากสัตว์อสูรแต่เป็นแค่สัตส์อสูรขอบเขตก่อกำเนิดขั้นเใต้นเท่านั้นจากการคาดการณ์ของเฟยหลงไม่งั้นเด็กสาวคงไม่มีชีวิตรอดและหนีจากมันมาได้
เฟยหลงได้ลืมตาขึ้นมาและกล่าวว่า
” จริงด้วยข้ายังไม่เคยถามชื่อของเจ้าเลย ”
เมื่อเด็กสาวได้ยินว่าเฟนหลงได้ถามชื่อตนก็ได้เกิดความรู้สึกเศร้าเพราะว่าแม้แต่ชื่อของตนก็ไม่มีเลยและตอบเฟยหลงว่า
” ข้าไม่มีชื่อตั้งเเต่ที่ข้าจำความได้ข้าก็ไม่มีใครอยู่กับข้าแล้วและยังไม่เคยบอกข้าว่าข้านั้นมีชื่อว่าอะไร ”
เฟยหลงได้ยินดังนั้นจึงถามเด็กสาวว่า
” งั้นเจ้าจะให้ข้าตั้งชื่อให้ไหมละ ”
เด็กสาวที่ได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเพราะว่าเฟยหลงยังเป็นคนเเรกที่ไท่รังเกียจนางแล้วมาตอนนี้ยังตั้งชื่อใหม่ให้นางอีกเมื่อคิดได้เช่นนี้นางจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
” งั้นตั้งแต่นี้ต่อไปชื่อของเจ้าคือ ”
” ซูซ่าน ”
ที่เฟยหลงตั้งขื่อนี้มห้นางเพราะว่าไม่ว่าจะเจอกับนางครั้งแรกที่ตรอกนั้นหญิงสาวได้อุ้มเสี่ยวไป๋อย่างอบอุ่นและอ่อนโยนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอันมากเหลือล้น
เมื่อซูซ่านได้ยินชื่อที่เฟยหลงตั้งให้จึงยิ้มอย่างดีอกดีใจและกล่าวว่า
” ขอบคุณท่านมาก ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำเรียกที่ให้เกียรติตนจึงกล่าวกับซูซานว่า
” เจ้าเรียกชื่อข้าตามปกติก็พอแล้วไม่ต้องให้เกียรติข้าและพูดคุยกันตามปกติดีกว่า ”
ซูซ่านจึงเปลี่ยนรูปแบบการพูดและกล่าวขอบคุณเฟยหลงอีกครั้งว่า
” เฟยหลงข้าขอบใจเจ้ามาก ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำขอบคุณอย่างเป็นกันเองสบายใจและขอบกว่าการพูดคุยแบบก่อนของซูซ่านมากกว่าและนึกบางอย่างขึ้นมาได้แล้วเดินไปจับมือของซูซ่านแล้วกล่าวว่า
” จริงสิข้ามีของขวัญให้เจ้าแต่เจ้าต้องตามไปยังที่ๆหนึ่งก่อน “