เมื่อเฟยหลงได้ตะโกนว่าเพลิงไหม้ข้างหูของชายวัยกลางคนที่กำลังนอนหลับอยู่ได้ตกใจตื่นและลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และตะโกนว่า
” ไฟอยู่ไหนและมันไหม้อะไรบ้าง ”
เสียงตะโกนที่ดังมากออกมาจากชายวัยกลางคนที่ได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลทำให้เฟยหลงเอามือปิดหูแทบไม่ทัน
เมื่อชายวัยกลางคนได้สำรสจร้านด้วยสายตาแล้วไม่เห็นว่าสิ่งของในร้านมีเพลิงไหม้อยู่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวว่า
” เฮ้อ… ในเมื่อร้านข้าไม่มีอะไรเสียหายจากไฟไหม้ ”
” ในเมื่อไม่ได้ไหม้ร้านข้างั้นก็ช่างมันเถอะคนอื่นเป็นยังไงมันไม่ใช้เรื่องของข้า ”
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงคิดว่า
‘ ที่เจ้ากลัวว่าร้านนี้จะไฟไหม้อย่างเดียวข้าคิดว่าเจ้าอยากจะรู้สะอีกว่าไฟไหม้อะไรมากกว่า ‘
เมื่อชายวัยกลางคนได้พบกับเฟยหลงจึงถามว่า
” เจ้ารู้ไหมว่าไฟไหม้อะไร ”
เฟยหลงที่ได้เห็นว่าชายวัยกลางคนนั้นได้ถามว่าไฟไหม้อะไรจึงตอบกลับไปว่า
” มันไม่ได้มีอะไรมากหรอกแค่ไหม้เเขนเสื้อของข้านิดหน่อยตอนที่ข้าจุดเพลิงสำหรับหลอมเม็ดยา ”
เมื่อเฟยหลงหลงพูดจบเฟยหลงได้ให้ชายวัยกลางคนดูรอยไหม้เล็กน้อยที่เเขนเสื้ิอของตนได้ทำไว้ตอนที่ตะโกนเพื่อที่จะปลุกให้ชายวัยกลางที่นั่งหลับบนเก้าอี้มห้ตื่นและกล่าวว่า
” มันเเค่ไหม้นิดหน่อยท่านไม่ต้องกังวลไป ”
เมื่อมองดูเเขนเสื้อของเฟยหลงที่ได้มีรอยไหม้อยู่นิดหน่อยจึงเริ่มเชื่อเฟยหลงที่ว่าเพลิงสำหรับหลอมเม็ดยาได้ไหม้แขนเสื้อของเฟยหลงจริงอาจจะเป็นเพราะว่าเสียการควบคุมไฟตอนเผลอตัว
และเมื่อเห็นเฟยหลงที่กำลังยืนอยู่จึงถามว่า
” งั้นเจ้าเข้ามาร้านนี้ทำไมละ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า
” ข้านะเหรอข้าแค่มาหาซื้อหม้อปรุงยาก็แค่นั้นข้าเห็นว่าร้านนี้น่าสนใจดีเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีสิ่งที่ข้าต้องการไหม ”
ชายวัยกลางคนนั้นที่ได้ยินว่าเฟยหลงมาหาซื้อหม้อปรุงยาตาของเขาจึงสำรวจเฟยหลงและกล่าวว่า
” อ้องั้นท่านจะมาซื้อหม้อปรุงยาสินะข้าขอคิดก่อนว่าที่นี้มีหม้อปรุงยาหรือไม่ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสียงของชายวัยกลางคนนั้นได้กล่าวบอกมาแบบนั้นจึงแยากจะจับชายวัยกลางคนนี้มาทุบตีให้เขาจำได้ว่าหม้อปรุงยาอยู่ตรงไหน
เมื่อเฟยหลงกำลังคิดหาวิธีทุบตีเพื่อให้ชายวัยกลางคนจำได้ก็ได้ยินเสียงเอ่ยขัดความคิดของเฟยหลงขึ้นมา
” อ่า… ข้านี้มันชั่งโง่เง่าสะจริงที่ลืมแนะนำตัวข้านั้นมีชื่อว่าเฉินเหมียวหรือจะเรียกข้าว่าเถ้าแก่เฉินก็ได้ก็ได้ ”
เฟยหลงก็ไม่ได้อยากเสียเวลามากจึงกล่าวว่า
” ข้าต้องการหม้อปรุงยาด่วนไม่มีเวลาว่างมากเจ้ารีบๆเเนะนำหม้อปรุงยาที่ดีที่สุดให้ข้า ”
ชายวัยกลางคนที่เห็นเฟยหลงได้บอกชื่อของตนมาจึงกล่าวว่า
” ข้าจะพาท่านไปหาหม้อปรุงยาเชิญตามข้ามาด้านหลังร้านข้าจะพาท่านไปยังคลังเก็บของที่ร้านเราภูมิใจ ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้มาถึงหน้าประตูบานใหม่บานหนึ่งซึ้งปิดอยู่
ประตูบานนั้นมีความสูงสองจั้งซึ่งเฟยหลงได้เห็นว่ามีค่ายกลไว้สำหรับป้องกันและค่ายกลสำหรับโจมตีคนที่พยามทำลายประตูคลังเก็บของนี้เมื่อเฉินเหมียวได้เข้าไปใกล้ประตูก็ได้โดนผลักกระเด็นออกมาจนเกิดหลุมบนพื้นขึ้นมา
ถึงจะมองเห็นว่าเฉินเหมียวเป็นแต่คนธรรมดาแต่เฟยหลงสัมผัสได้ว่าเขานั้นอยู่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่เก้าและตอนนี้ยังห่างจากขอบเขตวิญญาณอยู่อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
แต่เฟยหลงก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าชายวัยกลางคนไม่ได้คิดร้ายกับตนเฟยหลงจึงทำเป็นว่าไม่ได้เห็นการบ่มเพาะที่เเท้จริงของเฉินเหมียว
เฉินเหมียวได้ลุกขึ้นมาและกล่าวกับเฟยหลงว่า
” ต้องขอโทษด้วยพอดีข้าลืมป้ายที่เป็นกุญแจสำหรับเข้าไปในคลังข้าขอกลับไปเอาก่อนเดี๋ยวข้ามา ”
เมื่อพูดจบเฉินเหมียวได้วิ่งกลับไปยังร้านเพื่อหยิบป้ายที่เป็นกุญแจเข้าไปยังคลัง
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงคิดว่า
” มันเป็นเจ้าเถ้าแก่ของร้านได้ยังไงข้าละไม่เข้าใจจริงๆ ”