หลังจากที่เฟยหลงได้ทะลวงขั้นพลังเสร็จแล้วก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วลองกำหมัดดูก็ได้ยินเสียงกระดูกดังออกมา
‘ กร็อบ ‘
เฟยหลงในตอนยี้รู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายของตนจึงอยากจะลองทดสอบพลังดูก็ได้เดินไปยังลานหลังบ้านที่เฟยหลงใช้ฝึกบ่อยครั้ง
และได้เห็นว่าใต้ต้นไม้นั้นมีซูซ่านท่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่ซึ่งเมื่อเฟยหลงสัมผัสได้ก็รู้สึกแปลกใจที่ซูซ่านสามารถมาถึงระดับก่อกำเนิดขั้นที่สี่ได้
เฟยหลงจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วคิดว่า
‘ นี่สินะพรสวรรค์แตกต่างจากข้าที่ได้ใช้ทั้งประสบการณ์ของตอนที่เคยเป็นเซียนในชีวิตที่แล้วรวมกับทักษะบ่มเพาะเทพจักรพรรดิสงคราม’
ซูซ่านที่สัมผัสได้ว่ามีคนยืนอยู่ไม่ห่างจากนางจึงลืมตาขึ้นและพบกับเฟยหลงแล้วกล่าวถามว่า
” ท่านจัดการธุระของท่านเสร็จแล้วหรือ ”
เฟยหลงจึงได้ตอบกลับไปว่า
” อืม ”
เเละเฟยหลงได้จ้องมองซูซ่านอยู่อย่างนั้นจดซูซ่านรู้สึกประหม่าอย่างมากและถามเฟยหลงว่า
” ท่านมองข้าทำไม ”
เฟยหลงก็ได้ตอบกลับไปว่า
” เจ้าบ่มเพาะทักษะเทพเเห่งชีวิตแล้วรู้สึกไงบ้าง”
ซูซ่านได้ตอบกลับไปว่า
” ข้ารู้สึกสดชื่นมากเหมือนได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ต่างที่ให้ความรู้สึกสงบและร่างกายของข้าก็มีความเเข็งแกร่งเพื่อขึ้นอย่างมากเลย ”
เมื่อซูซ่านเห็นว่าเฟยหลงยังคงมองนางอยู่จึงถามว่า
” หรือว่าท่านจะบอกว่าข้าไม่มีพรสวรรค์พอและบ่มเพาะได้้ช้ามากใช่ไหม ”
เฟยหลงถึงเกือบที่จะสะดุดและกล่าวกับซูซ่านว่า
” ข้าว่าทางที่ดีเจ้าควรที่จะรู้สึกดีใจด้วยซ้ำเพราะว่าการบ่มเพาะของเจ้าถือว่ารวดเร็วเกอนเหล่าอัฉริยะมากเลยทีเดียวและข้าขอเตือนเจ้าไว้สัหน่อยว่าอย่าไปกล่าวแบบนี้ให้เหล่าคนที่มีพรสวรรค์นั้นรู้ก็แล้วกันไม่งั้นเจ้าคงต้องรับความโกรธของพวกเขา ”
ซูซ่านไม่ได้สอบถามต่อว่าทำไมและพยักหน้าอย่างว่าง่ายเฟยหลงที่ได้เห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และกล่าวกับซูซ่านว่า
” เจ้าเห็นเสี่ยวไป๋ไหมข้าไม่รู่มันไปอยู่ไหนอีกแล้ว ”
ซูซ่านได้ตอบว่า
” ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปไห… ”
เมื่อซูซ่านกำลังจะหล้าวจบก็ได้ยินเสียงของเสี้ยวไป๋ดังขึ้น
” อ๋าว ”
ทั้งสองคนจึงได้หันไปหาต้นเสียงและพบว่าเสี่ยวไป๋กำลังเล่นอยู่บนต้นไป
เฟนหลงได้กล่าวเรียกเสี่ยวไป๋ว่า
” นี่เสี่ยวไป๋เจ้าลงมาเร็วเข้า ”
” ตอนนี้มันถึงเวลาที่เจ้าต้องเพิ่มระดับพลังให้สูงขึ้น ”
เมื่อกล่าวจบเฟยหลงได้หนิบสมุนไพรออกมาและให้เสี่ยวไป๋กินเข้าไป
อสี่ยวไป๋ได้ดมเหล่าสมุนไพรด้วยความอยากรู้อยากเห็นและมันก็ได้รู้สึกว่าจิตใจในส่วนลึกของมันต้องการสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างมาก
เมื่อเสี่ยวไป๋ได้ลองดมได้ชั่วครู่จึงเริ่มเลียดูเพื่อทดสอบรสชาติ
ผลที่ได้ก็คือรสชาติจืดชืดเหมือนน้ำปล่าวและเริ่มเลียสมุนไพรต่างๆที่ได้จนไปเจอกับผลลมปราณและรู้สึกว่ารสชาติของมันหวานและบางชนิดที่รสชาติก็พอใช้ได้
และเสี่ยวไป๋ก็เริ่มกินของที่ตนรู้สึกว่าอร่อยและรสชาติดี
เฟยหลงที่เฝ้ามองเสี่ยวไป๋อยู่ถึงกับกล่าวอะไรไม่ออกแล้วหัวเราะและกล่าวกับเสี่ยวไป๋ว่า
” นี่เสี่ยวไปถ้าเจ้าจะเลือกกอนแบบนี้มันไม่ดีเลยนะสมุนไพรพวกนี้จะช่วยทำให้เจ้าเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเจ้าได้มากเลย ”
เสี่ยวไป๋ได้มองเฟยหลงเหมือนจะบอกว่า
” ก็ข้าไม่ชอบมันไม่อร่อยเลย ”
” ข้าชอบของอร่อยมากกว่า ”
หนึ่งสัตว์อสูรและหนึ่งมนุษย์ได้จ้องมองตากันเหมือนจะสื่อสารอะไรบางอย่างกันอยู่และสุดท้ายแล้วเฟยหลงก็ได้เเต่ปล่อยให้เสี่ยวไป๋ทำตามที่ตนต้องการ
” ชั้งมันเถอะจะกินอะไรในนั้นก็แล้วแต่เจ้าเลย ”
เมื่อเสี่ยวไปได้ยินดังนั้นจึงกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข