หลังจากได้ออกเดินทางผ่านไปหนึ่งเดือนในเนินเขาเเห่งหนึ้งได้มีสัตว์อสูรคล้ายกับหมีตัวหนึ่งได้ต่อสู้กับเด็กสาวคนหนึ่งและลูกพยัคฆ์สีขาว
โดยที่ด้านข้างไม่ไกลจากที่ตรงนั้นได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนดูอยู่
การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปจนกระทั้งการต่อสู้ได้จบลงและสัตว์อสูรหมีตนนั้นได้ล้มลงเด็กสาวกับลูกพยัคฆ์สีขาวก็ได้เดินกลับมาทางเด็กหนุ่ม
ซึ่งก็คือเฟยหลงไดกล่าวกับทั้งสองคนว่า
” ซูซ่านกับเสี่ยวไป๋พวกเจ้าทั้งสองทำได้ดีมาก ”
เมื่อซูซ่าานกับเสี่ยวไป๋ที่ได้คำชมก็รู้สึกภาคภูมิใจที่เฟยหลงกช่าวชื่นชมโดยที่ซูซ่านก็ได้กล่าวว่า
” ท่านพี่เฟยหลงฝีมือกับการตอบสนองในการต่อสู้ตอนนนี้ของข้าดีขึ้นหรือยัง ”
เมื่อเฟยฟลงได้ยินคำถามของซูซ่านก็ได้ย้อนคิดไปถึงจอนเเรกที่เฟยหลงให้ซูซ่านลงมือสังหารสัตว์อสูรกระต่ายตัวหนึ่ง
เเต่ซูซ่านที่เห็นกลับไม่กล้าลงมือสังหารเพราะรู้สึกว่ามันน่ารักเฟยหลงจึงได้เเต่บอกกับซูซ่านว่า
” ถ้าวันหนึ่งเจ้าตามข้าไปความใจอ่อนในบางครั้งอาจนำพามาซึ่งความพินาศเช่นในอนาคตเจ้าอาจจะเจอกับสัตว์อสูรแปลกประหลาดที่สามารถแปลงกายได้ ”
” และตอนนั้นถ้ามันแปลงกายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเจ้าโดยที่เจ้าไม่รู้ตัวและถึงเเม้จะรู้แต่เจ้าจะลงมือสังหารมันได้ไหม ”
เมื่อนั้นซูซ่านก็คิดได้ว่าต้องทำอย่างไร
ตอนนี้เฟยหลงที่ได้ยินคำถามของซูซ่านในปัจจุบันก็ได้กล่าวตอบว่า
” เจ้าทำได้ดีมากแล้วละเเต่…………… ”
ซูซ่านก็ได้ถามเฟยหลงว่า
” เเต่อะไรหรือท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงที่ไแ้ยินคำถามต่อมาของซูซ่านก็ได้กล่าวตอบตามจริงทุกประการ
” เเต่การต่อสู้กับสัตว์อสูรจอนนี้ที่ไม่มีสติปัญญามากมายก็ไม่มีปัญหาซึ่งถ้าเจอกับสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาและอยู่มานานหรือมนุษย์ด้วยกันเเล้ว ”
” ตามความเห็นข้าแล้วเจ้าจะพลาดท่าให้ซึ่งอนาคตข้าจะหาวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้อีกไม่นานหรอก ”
ซูซ่านที่ได้ยินจึงกล่าวว่า
” คะท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวกับทั้งสองว่า
” เอาละในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองล้มสัตว์อสูรหมีตัวนี้ได้งั้นวันนี้ำวกเรามากินเนื้อหมีย่างตัวนี้ดีกว่า ”
” เเละวันนี้ข้าจะเป็นคนปรุงอาหารเอง ”
เมื่อซูซ่านกับเสี่ยวไป๋นั้นได้ยินว่าเฟยหลงจะเป็นคนปรุงอาหารทั้งสองก็ได้รู้สึกดีใจมากเพราะว่าเฟยหลงที่ผ่านมาหนึ่งเดือน
บางครั้งได้เป็นคนปรุงอาหารซึ่งรสชาตินั้นอร่อยมากซึ่งในอดีตของเฟยหลงได้ฝึกใช้ฝีมือในการทำอาหาร
เพราะเฟยหลงนั้นอยู่ตัวคนเดียวและออกเดินทางตามสถานที่ต่างๆมากมายจนเป็นเซียนทำให้ฝีมือการทำอาหารที่สะสมมานานก็ได้พัฒนามากขึ้น
และนี่เป็นเหตุผลที่ซูซ่านเเละเสี่ยวไป๋รู้สึกดีใจที่เฟยหลงเป็นคนปรุงอาหารขึ้นมา
เสี่ยวไป๋ได้ร้องขึ้นอย่างดีใจและกระโดดไปมา
” อ๋าว………….. ”
ซูซ่านก็ได้เรียกเสี่ยวไป๋
” เสี่ยวไป๋เจ้ายู่นิ่งๆหน่อยอย่าไปรบกวนท่านพี่เฟยหลง ”
เสี่ยวไป๋ได้หยุดกระโดดไปมาแล้วเดินมาหาซูซ่านโดยที่ซูซ่านก็ได้อุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมากอดเหมือนทุกครั้งซึ่งตอนนี้ซูซ่านก็ได้ทำจนติดเป็นนิสัยแล้ว
…………………….
หลังจากนั้นไม่นานเฟยหลงก็ได้ปรุงอาหารมาให้ซูซ่านและเสี่ยวไป๋ทีืนั่งมองอย่างรอคอยโดยเฉพาะเสี่ยวไป๋ที่จ้องมองเฟยหลงด้วยดวงตาที่เปร่งประกาย
กลิ่นอาหารอันหอมหวนได้ดึงดูดทั้งสองคนที่นั่งอยู่หลังจากที่ทั้งสามได้ทานอาหารอย่างเรียบร้อยแล้ว
จู่ๆก็ได้มีเสียงเหมือนมีอะไรเคลื่อนที่จากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกล
‘ สวบ สวบ สวบ ‘
ทั้งสามที่กำลังผ่อนคลายอยู่เเต่ก็ไม่ได้ลดความระวังตัวลงเลยแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการโจมตีอย่างเฉียบพลันและตอนนั้นสิ่งที่อยู่ในพุ่มไม้ก็ได้กระโดดออกมา