เมื่อชายวัยกลงคนกลุ่มนั้นได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาจึงกล่าวถามกลับไปด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่าชื่อของตนนั้นยิ่งใหญ่มาก
” แกรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ”
เฟยหลงได้ตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าของกลุ่มชายวัยกลางคนเเม้เเต่สักคนเดียว
” งั้นแกเป็นใครละ ”
เมื่อพวกกลุ่มชายวัยกลางคนที่ได้ยินเฟยหลงยังคงกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์จึงกล่าวออกมา
” จำเอาไว้ว่าตัวข้านั้นมีชื่อว่าต้าหนิว ”
หลัจากนั้นเฟยหลงก็ได้นั่งรออาหารที่สั่งต่อไปแต่ชายวัยกลางคนกลุ่มนั้นก็ได้กล่าวกับเฟยหลงว่า
” เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตารึไงข้าอยากจะเหฌนนักว่าเจ้าจะหยิ่งยโสได้อีกไหม ”
เมื่อชายวัยกลงคนนั้นได้กล่าวจบก็ได้ใช้มือของตนนั้นจะตบหน้าเฟยหลงแต่จังหวะนั้นเองที่เฟยหลงได้รวบรวมพลังปราณและโต้กลับไปโดยสร้างเป็นคลื่นกระเเทก
‘ ตู้ม ‘
หลังจากนั้นก็เป็นภาพที่ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มที่กำลังตะใช้มือตบหน้างเฟยหลงได้ลอยออกไปชนกับโต๊ะอาหารด้านข้างที่อยู่ไม่ไกลจากเฟยหลง
โดยที่โต๊ะนั้นไม่มีใครนั่งอยู่แต่ตอนนี้มีชายวัยกลางคนนอนพาดอยู่บนโต๊ะที่หัก
ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดสนใจในโรงเตี๊ยมที่ถึงเเม้เหบ่าผู้คนในที่นี้จะไม่เยอะมากมายเเต่ก็ยังมีอยู่บ้าง
เมื่อกลุ่มของชายวัยกลงคนนั้นได้เห็นหัวหน้าของตนได้โจมตีเฟยหลงก่อนเเต่โดนสวนกลับโดยเพียงเเค่ครั้งเดียวก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลยแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่
เพราะว่าเฟยหลงไม่ต้องการสร้างเรื่องราวมากมายเเละกำลังจะออกจากที่แห่งนี้
เมื่อกลุ่มของชายวัยกลางคนนั้นไม่เห็นว่าเฟยหลงจะทำอะไรพวกมันต่อก็ได้รีบเเบกหัวหน้าของมันและวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่พวกเฟยหลงกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ก็ได้ยินเสียงผ่านสัมผัสวิญญาณที่เฟยหลงใช้ตรวสสอบอยู่ทุกครั้งเพื่อระวังอันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นเเบบไม่คาดฝัน
เมื่อเหล่าผู้คนเห็นเหตุการณ์ที่จบลงอย่างรวดเร็วจึงเเยกย้ายกันไป
ก็ได้ยินเรื่องหนึ่งที่เฟยหลงได้ฟังแล้วก็ต้องแปลกใจโดยที่มีคนกล่าวว่า
” นี่เจ้าได้ยินข่าวล่าสุดรึปล่าวว่าตอนนี้มีฝูงสัตว์อสูรที่ออกมาเดินไปมารอบป่าใกล้กับเมือง ”
” สร้างความวุ่นวายมากมายจนต้องทำให้เหล่าผู้ที่มีอำนาจนั้นต้องสั่งการให้ยามเฝ้าประตูนั้นเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ”
” ข้าก็ได้ยินมาเหมืินกันว่ามีสัตว์อสูรมากมายออกมาเดินไปมาในอาณาเขตของพวกมัน ”
” เหมือนกับว่าพยามหาอะไรบางอย่างหรือทำอะไรบ้างนั้นข้าก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักหรอก ”
เฟยหลงสนใจเรื่องราวที่ทั้งสองคนกล่าวอยู่จึงลุกขึ้นแล้วกล่าวกับเสี่ยวไป๋และซูซ่านว่า
” เจ้ารอข้าตรงนี้ก่อนข้ามีเรื่องต้องไปสอบถามอะไรจากบางคนซึ่งข้าสงสัยว่ามันอาจจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ”
ซูซ่านก็ได้ถามเฟยหลงอย่างกังวล
” ท่านพี่เฟยหลงจะไปไหนเหรอ ”
เฟนหลงได้ตอบซูซ่านกลับไป
” ไม่ต้องเป็นห่วงจ้าเเค่จะต้องไปสอบถามเรื่องบางอย่างที่ข้ากล่าวมากับเหล่าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น ”
เมื่อเฟยหกล่าวจบก็ได้ใช้มือชี้ไปยังโต๊ะในโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านตรงข้ามกับเฟยหลงซูซ่านจึงกล่าวกับเฟยหลงด้วยความห่วงใยว่า
” ท่านพี่เฟยหลงท่านก็ระวังตัวด้วยนะ ”
เฟยหลงได้กล่าวตอบซูซ่าน
” อืมข้าจะระวัง ”
โดยที่ในใจของเฟนหลงได้คิดไปว่า
‘ เจ้าไม่่รู้หรือไงว่าทุกที่และการกระทำของข้านั้นเเม้เเต่ตอนนอนข้าก็ยังระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเเหละมีเพียงเจ้าเท่านั้นเเหละที่ควรระวัง ‘
‘ ขนาดเสี่ยวไป๋เเม้จะเห็นว่ามันเล่นไปเรื่อยเเต่มันก็มีสัญชาตญาณของสัตว์อสูรที่ไม่ได้ด้อยไปเลยเเม้เเต่น้อย ‘
เเต่เฟยหลงไม่ได้กล่าวออกไปเพราะว่าตอนนี้ซูซ่านต้องค่อยๆเปลี่ยนตัวเองตามที่เฟยหลงได้คิดไว้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น