จิตวิญญาณของแผ่นศิลาเเห่งโอสถได้กล่าวถามเฟยหลงกลับไปว่า
” เว้นเเค่ว่าอะไรละ ”
เฟยหลงก็ได้ตอบกลับไปพร้อมกับท่าทางครุ่นคิด
” เว้นเเต่ว่าคนสร้างเจ้านั้นไม่ต้องการใช้เจ้าจดจำเขาได้หรือไม่ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างระหว่างสร้างเจ้าขึ้นมาเเละอาจจะทำให้บางส่วนเสียหาย ”
จิตวิญญาณของเเผ่นศิลาเเห่งโอสถได้เงียบไปราราวกับว่าตัวมันนั้นกำลังครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆอยู่เเต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
” เฮ้อ…………….. ไม่ว่าข้าพยามนึกเพียงใดก็จำเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่สร้างจ้าขึ้นมาไม่ได้จริงๆเเต่บางครั้งข้าเห็นชายคนหนึ่งซึ่งใบหน้านั้นข้าไม่สามารถจดจำได้เลยว่า ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวตอบจิตวิญญาณของแผ่นศิลาเเห่งโอสถกลับไปด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
” ใช่นั้นเเล้วคนๆนั้นอาจจะเป็นคนสร้างเจ้าขึ้นมาพยามนึกให้ออกสิว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง ”
จิตวิญญาณของเเผ่นศิลาเเห่งโอสถได้พยามนึกเรื่องราวในความทรงจำทั้งหมดที่มีตามที่เฟยหลงกล่าวเเต่ว่าสุดท้ายเเล้วก็ยังเหมือนเดิม
” ชั่งเถอะข้าพยามเเล้วเเต่นึกไม่ออกจริงๆว่าคนที่สร้างข้าขึ้นมานั้นมีหน้าตาเเบบไหนกันเเน่ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อมากมาย
” เอาบะในเมื่อเต้าตำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร…………. ซักวันเจ้าอาจจะหาคนสร้างเจ้าขึ้นมาพบก็ได้ ”
ติตวิญญาณของแผ่นศิลาเเห่งโอสถได้เงียบไปชั่วครู่เเละกล่่าวขึ้นมาด้วยเสียงอันเเผ่วเบา
” ซักวันงั้นเหรอวันว่าจะเป็นเช่นนั้น ”
เเละจิตวิญญาณของแผ่นศิลาเเห่งโอสถก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า
” ในเมื่อเจ้าแปลกปนะหลาดเเต่ให้ความรู้สึกลึกลับเเละไท่อาจหยั่งถึงได้งั้น……………… ถ้าตัวข้ามีเวลาเราจะมีโอกาศไว้เจอกันอีกคราวหน้า ”
เฟยหลงก็ได้ตอยกลับไปว่า
” เจ้าก็เช่นกัน ”
หลังจากนั้นเสียงขอจิตวิญญาณจองเเผ่นศิลาเเห่งโอสถได้หายเเละเฟยหลงที่ดูเหมือนยืนเหม่อลอยแอยู่ตรงหน้าเเผ่นศิลาเเห่งโอสถก็ได้กระพริบตา
พนัดงานคนนั้นที่เห็นเฟยหลงเหมือนยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าเผ่นศิลาเเห่งโอสถจึงกล่าวถามว่า
” ท่านเป็นไรหรือไม่ ”
เฟยหลงที่ได้สติกลับคืนมาทั้งหมดก็ได้กล่าวตอบพนักงานคนนั้น
” ไม่ข้าไม่ได้เป็นอะไรเเค่มีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้ข้าครุ่นคิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน ”
พนักงานที่ได้ยินเฟยหลงกล่าวเชานั้นก็ไม่ได้กล่าวสืบความต่อเเต่อย่างใดเเล้วตอบกลับไปสั้นๆ
” โอ้……………….. งั้นพวกเราก็ไปต่อกันเถอะ ”
เฟยหลงได้พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไป
” ได้ ”
พนักคนนั้นได้นำเฟยหลงเดินต่อไประหว่างเดินออกไปนั้นเฟยหลงได้กลับไปมองแผ่นศิลาเเห่งโอสถอีกครั้ง
พนักงานที่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเท้าจองเฟยหลงหยุดลงก็ได้ฟันกลับมาพร้อมกับกล่าวว่า
” ท่านยังมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับเเผ่นศิลาเเห่งโอสถอย่างนั้นหรือ ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวตอบกลับไปโดยที่ได้ไม่ได้หันกลับมามองพนักงานคนนั้น
” ปล่าว………. ข้าเเค่รู้สึกว่าคนที่สร้างเเผ่นศิลาเเห่งโอสถนี้มันช่าง………. ”
โดยที่เฟยหลงได้กล่าวประโยคหลังในจิตใจของตน
” เหมือนข้ารู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ”
พนักงานที่ได้รอเฟยหลงมองแผ่นศิบาเเห่งโอสถนั้นจนพอใจก็ได้นำทางต่อไปยังสถานที่ทดสอบ
” นี้คือสถานที่ทดสอบในการยกระดับนักปรุงยาของท่าน ”
เมื่อเฟยหลงได้มองรอบซึ่งเป็นห้องที่กว้างใหญ่กว่าของศาลาโอสถของเมืองฟ้ากระจ่างโดยที่ห่างออกไปไม่มากนั้นมีเหล่าชายวัยกลางคนยืนอยู่กันกลุ่มหนึ่ง
เมื่อพวกเจาสังเกตุเห็นเฟยหลงที่เข้ามาในห้องทดสอบก็ได้เดินตามกันมาหาเฟยหลงเเบ้วกบ่าวว่า
” การทดสอบนักปรุงยาระดับสีส้มนั้นมันง่ายอย่างมากถ้าเจ้าสามารถปรุงยาระดับเดียวกับระดับนักปรุงยาสีส้มได้เป็นอันว่าผ่านการทดสอบโดยที่กดต่างๆนั้นเหมือนกับการทดสอบปรุงยาระดับสีเเดง “