เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้อยู่กำลังเกาะอยู่บนศีรษะของเฟยหลงได้เงยหน้ามองเหมือนกับเฟยหลงเเละพบกับสัตว์อสูรที่ดูเหมือนอีกาตัวหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาหาพวกเรา
หลังจากที่เสี่ยวไป๋เข้าสู่ขอบเขตวิญญาณก็ได้รับความทรงจำของสายเลือดพยัคฆ์ขาวส่วนหนึ่งเเละใช้เวลาเรียนรู้อยู่ไม่นานจนสามารถพูดคุยสื่อสารโดยใช้ภาษาของมนุษย์ได้บ้างซึ่งเฟยหลงพอจะเข้าใจบ้าง
” อ๋าว~~~พี่ใหญ่นกตัวใหญ่มันพุ่งเข้ามาจะกินพวกเราเเน่เลยทำไงดี ”
เเม้ว่าเฟยหลงจะไม่หันกลับไปสู้ได้อย่างเเน่อนตอนนี้เขาเเต่ดูเหมือนกับติดอยู่ระหว่างทางเเยกสองเส้นทางว่ามันว่าจะเลือกไหนดีจะลองสูิหรือกระโดดลงไปสัตว์อสูรที่ดูเหมือนอีกาตนนั้นอยาก
จับพวกเขาไปเป็นอาหารก็เป็นได้เฟยหลงในตอนนี้กำลังคิดหาวิธีการต่างๆที่จะชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้
” เเย่เเน่เเบบนี้ถ้าโดนเจ้านกนี่จับได้ละก็ได้กลายเป็นอาหารของมันเเน่นอน ”
เพราะเมื่อมันเข้ามายังขอบเขตขอสัมผัสวิญญาณเฟยหลงก็สัมผัสได้ว่าพลังของมันนั้นอย่างน้อยต้องเป็นขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดอย่างเเน่นอน
เพราะว่าในตอนนี้ต่อให้เฟยหลงเจอกับขอบเขตวิญญาณขั้นสูงในตอนนี้เฟยหลงก็สามารถต่อสู้ได้เเม้ว่าจะสามารถเอาชนะได้ถ้าเจอกับขอบเขตวิญญาณขั้นสูงธรรมดาทั่วไป
เเต่ถ้าเจอกับเหล่าคนที่ถูกเรียกว่าอัฉริยะในขอบเขตวิญญาณขั้นสูงละก็ผลลัพธ์อาจจะคาดเดาไม่ได้………….
เเละตัวเฟยหลงตอนนี้นั้นกำลังไต่ลงไปอย่างระมัดระวังด้วยสภาพในตอนนี้นั้นไม่อาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าสัตว์อสูรที่ดูคล้ายอีกาขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดได้อย่างเเน่นอน
” ข้ายังไม่ไปถึงเป้าหมายที่ด้านล่างสุดเลยต้องมาเจอกับเจ้านกบ้านี้………….. ต้องทำยังไงถึงจะหนีจากมันได้ ”
เสี่ยวไป๋ตอนนี้กำลังเกาะศรีษะของเฟยหลงเเน่นกว่าเดิมไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยเเม้เเต่น้อยเเละขนบนตัวมันก็ตั้งขึ้น
เป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นเพราะตอนนี้มันกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่สามารถคุกคามชีวิตของมันได้อย่างเเน่นอน
” อ๋าว~~~ไอเจ้านกบ้านี้มันจะข้าจริงๆเหรอ………… บอกเลยว่าข้าไม่อร่อยนะ ”
เฟยหลงไม่ได้สนใจเสียงร้องของเสี่ยวไป๋มากนักจนกระทั่งเวลาผ่านไปเพียวเสี้ยววินาทีเฟยหลงก็ได้คิดเเผนการบางอย่างออกมาได้
เเล้วกล่าวกับเสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้กำลังเกาะศรีษะของตัวเขาเอาไว้อย่างเหนียวเเน่น
” เสี่ยวไป๋ข้ามีเเผนอยู่เเผนหนึ่งซึ่งต้องอาศัยเจ้าถ้าจะทำให้มันสำเร็จขึ้นมานะ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเฟยหลงกล่าวออกมาเเบบนั้นก็ได้ได้มองเฟยหลงอย่างสงสัยเเล้วรอคอยคำตอบอย่างเงียบๆ
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว
” เเผนนี้นั้นต้องพึ่งเจ้าเป็นตัวหลักอย่างเเน่นอนเพราะว่าถ้าขาดเจ้าไปมันไม่มีทางสำเร็จอย่างเเน่นอน ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเเบบนั้นก็ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
ทางด้านสัตว์อสูรที่ดูคล้ายคลึงกับอีกาซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดระหว่างที่มันกำลังจะบินกลับมาจากการออกล่า
ซึ่วระหว่างนั้นมันได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์ซึ่งเมื่อตรวจดูก็พบว่ามีมนุษย์คนหนึ่งกำลังไต่หน้าผาลง
สัตส์อสูรตนนี้จึงคิดว่า
” ฮ่า ฮ่า ฮ่า วันนี้ข้าเหมือนจะได้เหยื่อที่มาประทานเอาไว้ตรงหน้าอย่างนี้ถ้าข้าไม่กินมันกใข้าคงรู้สึกเเย่ ”
เเละตอนนั้นเองที่มันสังเกตุเห็นเสี่ยวไป๋ที่กำลังเกาะอยู่บนศรีษะของเฟยหลง
” หืม…………. ดูเหมือนจะมีสัตว์อสูรตัวหนึ่งอยู่กับมนุษย์ตรงนั้นด้วย ”
สุดท้ายสัตว์อสูรที่คล้ายคลึงกับอีกาตนนี้ก็ได้ตัดสินใจออกมา
” ชั่งเถอะในเมื่อมีของเเถมมาด้วยข้าก็คงต้องกินเจ้านี้ไปด้วยถึงเเม้ว่าตัวจะเล็กไปหน้อยก็เถอะ ”
ทางด้านเฟยหลงที่กำลังบอกเล่าเเผนการของตนออกมาจนกระทั่งตอนนี้สัตว์อสูรตัวนั้นกำลังเข้ามาใกล้มากเเล้วเฟยหลงจึงกล่าวกับเสี่ยวไป๋ว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินดังนั้นก็มองเฟยหลงอย่างสงสัยเเล้วร้องออกมา
” อ๋าว~~เชื่อใจอะไรหรือพี่ใหญ่ ”
เฟยหลงที่มองเสี่ยวไป๋ที่ทำหน้าตาสงสัยอยู่ก็ได้กล่าวออกมาว่า
” งั้นถือว่าเจ้าตกลงก็เเล้วกัน ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้จับตัวเสี่ยวไป๋ที่ขึ้นมาเเล้วขว้างเข้าใส่สัตว์อสูรตัวนั้น