เพราะว่าด้านล่างนั้นเต็มไปด้วยพื้นที่กว้างไกลสุดจะหยั่งถึงได้เเละด้วยสัมผัสวิญญาณของเฟยหลงในตอนนี้ไม่อาจจะหาขอบเขตของมันได้
เเต่สภาพเเวดล้อมกลับเเตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเพราะพื้นที่ๆเฟยหลงได้เห็นนั้นกลับเต็มไปด้วยต้นหญ้าที่ตายเเล้วเเห้งเหี่ยวขึ้นอยู่เรียงราย
เเละเเม้เเต่ต้นไม้ก็ดูเหมือนกับต้นหญ้าซึ่งด้านนอกนั้นไร้ซึ่งกลิ่นไอของธรรมชาติเลยเเม้เเต่น้อยสภาพเเวดล้อมนี้ราวกับโดนพลังหรอือะไรบางอย่างดูดซับเเหล่งพลังวิญญาณไปหมด
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กำลัจะค่อยๆไต่ลงไปเพื่อสำรวจพื้นที่เหล่านั้นเเต่ก็ได้ยินเสียงของหม้อปรุงยาหยูเหงกล่าวออกมาว่า
” เจ้าหนูจะทำอะไรกัน ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวตอบกลับไปว่า
” ก็ข้าจะลงไปด้านล่างนะสิ ”
หม้อปรุงยาหยูหงที่ได้ยินเฟยหลงตอบกลับมาเช่นนั้นก็ได้กล่าวห้ามอย่างสุดเเรง
” เจ้าห้ามลงไปเด็จขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่งั้นเจ้าคงจะไม่ได้มีชีวิตกลับมาอย่างเเน่นอน ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” ที่เจ้าเห็นเหมือนจะเป็นพื้นที่ๆถูกพลังหรืออะไรดูดพลังชีวิตไปหมดไม่ใช่หรือเเละถึงเเม้จะเหลือสิ่งเหล่านั้นอยู่อีกเเต่มันไม่น่าจะอยู่ขอบๆเขตนี้นะ ”
หม้อปรุงยาหยูหงที่ได้ยินเฟยหลงกล่าวออกมาเเบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า
” นั้นมันก็เเค่เหตุผลเล็กๆเท่านั้นเองที่าำคัญนั้นมันไม่ได้มีเพียงสิ่งนั้นอย่างเดียว……………. ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมา
” เเล้วยังมีสิ่งไหนอีกละ ”
หม้อปรุงยาหยูหงก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดอย่างมี่ยากจะพบเห็นได้
” ในส่วนลึกของนั้นในอดีตเคยมีหลายสิ่งหลายอย่างถูกปลูกไว้หรือบางสิ่งบางอย่างถูกผนึกอยู่”
เฟยหลงที่ด้ยินสิ่งที่หม้อปรุงยาหยูหงกล่าวออกมาก็ได้ครุ่นคิดถึงความสามารถปิดผนึกอันเเข็งแกร่งของมัน
ซึ่งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ถูกผนึกไว้นั้นไม่สามารถดิ้นรนออกไปได้เเม้เเต่น้อยเฟยหลงจึงกล่าวออกมาว่า
” งั้นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ถึกเจ้าผนึกเเล้วเก็บไว้ละตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ”
หม้อปรุงยาหยูหงก็ได้กล่าวออกมาว่า
” เจ้าลองปืนต้นไม้นี้ขึ้นไปบนยอดมันสิเเล้วข้าจะบอกให้ ”
เฟยหลงได้ทำตายที่หม้อปรุงยาหยูหงกล่าวเเละเสี่ยวไป๋ที่เดินตามเฟยหลงมาตลอดก็ได้ปืนต้นไม้ตามเฟยหลงไปด้วย
เมื่อทั้งสองได้ขึ้นมาถึงยอดหม้อปรุงยาหยูหงที่ได้ลอยตามขึ้นมาก็ได้กล่าวออกมา
” พวกเจ้าลองมองไปทางนั้นสิ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้มองไปทางที่หม้อปรุงยาหยูหงบอกเเล้วพบว่าตรงกลางของพื้นที่ๆมีพลัชีวิตเเละพลังปราณอยู่นั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่ง
ซึ่งขนาดของมันนั้นใหญ่อย่างมากไม่สามารถมองเห็นยอดของมันได้ลำต้นของมันราวกับเสาศักดิ์สิทธิ์
ที่ค้ำจุนท้องฟ้าเเละผืนดินเอาไว้เฟยหลงที่เห็นภาพของต้นไม้นั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วนน้ำเาียงที่เเปลกใจอย่างมาก
” ต้นไม้นี้มันอะไรกันความรู้สึกที่เเปลกประหลาดนี้อีกด้วย ”
หม้อปรุงยาหยูหงได้มองต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นนั้นเเล้วกล่าวออกมาด้วนน้ำเสียงที่เเฝงความภาคภูมิใจเเต่ถ้าสังเกตุให้ดีละก็ในน้ำเสียงนั้นมีความเศร้าปนอยู่ด้วย
” มันมีชื่อว่าต้นไม้เเห่งปัญญา ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินชื่อต้นไม้ต้นนี้ก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เเน่ใจว่า
” ข้าเคยอ่านตำรามามากมายที่บันทึกเอาไว้ว่านานมาเเล้วซึ่งมันคือตำนานเรื่องหนึ่งจากที่ข้าอ่านเเละคาดการณ์ช่วงเวลาเเล้ว……………”
” ช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงที่โลกเเห่งนี้ยังมีคนที่เเข่งเเกร่งยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเเละยังได้มีเรื่องราวมากมายที่ถูกบันทึกไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์สถานที่ลึกลับต่างๆมากมาย ”
” เละเหมือนว่าในหลากหลายเรื่องราวนั้นข้าเคยอ่านเจอเรื่องที่เกี่ยวต้นไม้ที่มีชื่อว่าต้นไม้แห่งปัญญาว่าเคยเป็นต้นไม้ที่มีความนึกคิดเป็นของตัวเองตัวมันในตอนเเรกนั้นเป็นเพียงเเค่ต้นไม้ธรรมดาต้นหนึ่ง ”
” เเต่โชคชะตาของมันได้เปลี่ยนเเปลงไปเพราะได้พบกับสิ่งของบางอย่างที่หล่อลเลี้ยงมันเป็นระยะเวลานานจากต้นไม้ธรรมดาสู่ต้นไม้ที่มีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
” ตัวมันได้ก้าวผ่านยุคสมัยมามากมายเเละนั้นทำให้มันได้เรียนรู้เรื่องราวของยุคนั้นๆมานับไม่ถ้วน………