หลังจากที่เฟยหลงได้กล่าวออกมาเเบบนั้นปีศาจตนนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า
” เจ้ามนุษย์อย่าคิดว่าจะข่มขู่ข้าได้ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก ”
เฟยหลงได้ตอบกลัยไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” เเต่อีกเดี๋ยวเจ้าต้องเชื่อเเล้วละ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวออกมาอย่างนั้นก็ได้มีเงาบางอย่างพุ่งโจมตีใส่ปีศาจตนนั้นอย่างรุนเเรง
” ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม ”
เสีงระเบิดได้ดังขึ้นจากการปะทะกันเงานั้นได้กลับมายืนอยู่ด้านหลังของเฟยหลงซึ่งตัวปีศาจตนั้นก็ได้เห็นสิ่งที่ลงมือทำร้ายมัน
เป็นสัตว์อสูรพยัคฆ์ตัวหนึ่งที่กำลังปลดปล่อยพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสูงสุดออกมาอย่างมหาศาล
ปีศาจที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวกับเฟยหลงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
” ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีผู้ช่วยด้วยเเต่เเล้วยังไงละข้าผู้นี้เป็นถึงปีศาจสัตว์อสูรโง่เง่ามันสมควรจะมาเป็นหุ่นเชิดของข้ามากกว่า ”
เมื่อปีศาจนั้นกล่าวจบก็ได้ปล่อยพลังปราณสีดำที่รวมตัวกันคล้ายเป็นเส้นด้ายเบาบางพุ่งเ้ขาใส่ตัวเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ตนนั้นอย่างไม่ลังเล
เเต่เมื่อมันสัมใกล้จะสัมผัสกับตัวของเศาฌสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ตนนั้นกลับกลายเป็นว่าเส้นด้ายเหล่านั้นถูกพลังบางอย่างสะท้อนเเละสลายหายไป
ปีศาจที่เห็นว่าการโจมตีนั้นของมันไม่ได้ผลก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ไเสียงที่ไม่อย่กจะเชื่อ
” เป็นไปไม่ได้เจ้าป้องกันพลังปราณของข้าได้อย่างไร ”
เมื่อปีศาจตนนั้นกล่าวจบมันได้ส่งการโจมตีระลอกต่อไปอย่างรวดเร็วซึ่รอบนี้มันมีตำนวนเส้นด้ายสีดำมากกว่าเดิมสองเท่า
เเต่เเล้วตอนที่กำลังจะเข้าใกล้ร่างของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์นั้นมันก็โดนสะท้อนเเละสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เเต่ตอนนี้นั้นตัวของปีศาจที่เห็นว่าการโจมตีของมันโดนขัดขวางเอาไว้โดยม่านพลังสีน้ำตาลมันก็ได้กล่าวออกมาด้วยความเเปลกใจ
” นี่มันการควบคุมพลังของปฐพี ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินดังนั้นก็รับรู้ได้ว่าปีศาจตนนี้ฟม่ได้โง่ไปหมดซะที่เดียว
เพราะว่าการควบคุมพลังปฐพีนั้นมีเพียงขอบเขตที่4เป็นต้นเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้เเต่ที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์เเสดงออกมานั้นเป็นเพียงเเค่เศษเสี้ยวพลังของปฐพีเท่านั้น
เเต่สำหรับปีศาจตนนี้ที่โดนผนึกพลังเอาไว้ขอบเขตหลอมรวมก็เพียงพอเเล้วที่จะใช้ต่อสู้กับมันตามที่เฟยหลงคาดการณ์ไว้ว่าปีศาจตนนี้ในอดีตน่าจะมีพลังขอบเขตที่5ขั้นสูงสุด
เเต่ด้วยพลังของค่ายกลนั้นทำให้มันไม่สามารถใช้พลังของปฐพีได้เลยเเม้เเต่น้อยเเตกต่างจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์
ที่เเม้ว่าจะมีพลังอยู่เพียงเเค่ขอบเขตหลอมรวมขั้นสูงสุดเเต่สามารถทำความเข้าใจเเละหยิบยืมพลังของปฐพีมาได้เเม้จะเป็นเพียงเเค่เศษเสี้ยวเเต่ถือว่า
ตัวมันนั้นมีพรสวรรค์ที่ดีเป็นอย่างมากก็ว่าได้
เศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์นั้นก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้้จอกับปีศาจตัวเป็นๆเเบบนี้เเม้ว่าข้าจะเคยได้เห็นในบันทึกที่เหลืออยู่เลฌกน้อยเเละความทรงจำของบรรพบุรุษที่สืมทอดมาก็เถอะ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” รีบจัดการมันก่อนเถอะถ้าค่ายกลถูกทำลายเมื่อไหร่ตอนนั้นเเหละที่พวกเราจะมีปัญหาอย่างมากเลยละ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบทั้งสองได้พุ่งเข้าโจมตีปีศาจตนั้นอย่างรวดเร็ว
เฟยหลงได้ปลอ่ยการโจมตีเป็นเปลวเพลิงสีครามที่ลุกไหม้อยู่ในมือของเขาออกไปอยากรุนเเรงเพราะว่ามีเพียงเเค่วิธีนี้เท่านั้นที่ตะสร้างคใามเสียหายให้กับปีศาจตนนั้นโดยไม่เสี่ยงอะไรมากมาย
เเละเเม้ว่าจเฟยหลงจะได้รับพลังเพิ่มขึ้นจากรูปแบบมังกรครามเเละรูปแบบเต่าทมิฬในเรื่องเพลิงทำลายล้างเเละการป้องกัน
บวกกับร่างกายของเฟยหลงที่ได้บ่มเพาะทักษะยุทธ์เทพจักรพรรดิสงครามทำให้ร่างกายมีความเเข็่งแกร่งเเละพลังปราณที่เนือกว่าธรรมดา
เเต่อย่างมากสุดตอนนี้เฟยหลงสามารถสู้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมขั้นสูงได้อย่างสูสีเท่านั้นส่วนขั้นสูงสุดมันยังมีความห่างชั้นกันอยู่บ้าง
เเต่ด้วยเพลิงสีครามที่มีธาตุหยางบริสุทธิ์จำนวนมากสามารถกดข่มพลังปราณสีดำที่มีธาตุหยินขอวปีศาจตนนั้นได้
เฟยหลงได้รวบรวมเพลิงสีครามเป็นบอลเพลิงขนาดใหญ่เเล้วขว้างเข้าใส่ปีศาจตนั้น
” ไหนเเกลองชิมเพลิงของข้าหน่อยเป็นไง “