ซูซ่านที่เห็นอย่างนั้นก็พยามเบี่ยงตัวหลบเเล้วเเต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นเงื้อมมือของเฟยหลงไปได้จึงได้เเต่พยามดิ้นรน
เเต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่การโจมตีของเฟยหลงที่อยู่ในชุดคลุมสีดำนั้นจะถึงตัวของซูซ่าน
เฟยหลงด้วยสัมผัสได้ถึงพลังธาตุไม้ที่โดนดึงดูดเข้ามาโดยซูซ่านเเละสร้างเป็นลูกบอลสีเขียวขนาดเล็กที่ด้านในอัดเเน่นด้วยพลังธาตุไม้ได้ระเบิดออกมา
” ตู้มมมมมมมมมมมมมมม ”
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วเฟยหลงที่มีสัมผัสวิญญาณที่เชียบเเหลมก็ได้รีบปลดปล่อยขอบเขตพลังที่เเท้จริงของตนเองออกมาเเล้วใช่รูปเเบบเต่าทมิฬตั้งรับเเรงกระเเทกนั้น
” ครืดดดดดดดดด ”
เฟยหลงโดนบีบให้ถอยห่างออกไปสามก้าวซึ่งทำให้ตัวเขาเเปลกใจมากที่ซูซ่านสามารถดึงดูดพลังธาตุไม้ออกมาได้โดยที่อยู่เพียงเเค่ขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสด
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาในใจของตนเอง
” ความสามารถในการรวบรวมพลังธาตุไม้นี้มัน………………มาจากกายศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นเหรอ ”
ทางด้านเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับกายศักดิ์สิทธิ์มามากมายซึ่งเฟยหลงนั้นก็เคยพบมาบ้างเเต่กายศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความสามารถที่เเตกต่างกันมากมาย
กายศักดิ์สิทธิ์บางกายก็สามารถมอบร่างกายที่เเข็งแกร่งพอๆกับอาวุธต่างๆบางกายก็สามารถมอบพลังในการควบคุมธาตุหรือความสามารถเเปลกประหลาดมากมาย
ซึ่งในหมู่กายศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันนั้นถูกจัดอันดับความเเข็งแกร่งไว้เอาไว้ซึ่งในความทรงจำของเฟยหลงจำได้ว่ามีทั้งหมดหนึ่งพันกายศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งอันดับยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเเข็งแกร่งเท่านั้นเเล้วความสามารถที่ได้รับยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีกเเม้ในตอนนี้ซูซ่านจะสามารถเเสดงความสามารออกมาบ้างเเล้วเเต่เฟยหลงก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกายศักดิ์สิทธิ์ชนิดใด
เพราะในหนึ่งพันนั้นกายศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถควบคุมพลังธาตุไม้ได้นั้นไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
กลับมาทางด้านซูซ่านเเละเจียงหงที่สัมผัสได้ถึงขอบเขตพลังที่เเผ่ออกมานั้นพวกนางก็รับรู้ได้ทันทีว่าตัวคนในชุดคลุมสีดำนั้นอยู่ในขอบเขตที่เหนือกว่าพวกนาง
สำหรับขอบเขตวิญญาณที่อยู่หน้าขอบเขตหลอมรวมนั้นเรียกได้ว่าเป็นระยะห่างที่จะใช้ความสามารถหรือพลังบางอย่างมาย่นระยะนั้นลงได้ยากพอควร
” นี่มันขอบเขตหลอมรวม ”
” ข้าก็ว่าทำไมพวกเราทั้งสองที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดร่วมมือกันก็ไม่สามารถโค่นลงได้ ”
เจียหงได้เเอบเอาตราบางอย่างออกมาจากถุงมิติเเละกำลังจะทำลายมันซึ่งตรานี้นั้นเป็นจ้าวเฉินได้ให้กับตัวนางไว้เมื่อตกอยู่ในอันตราย
เเต่เฟยหลงกลับกล่าวออกมาว่า
“เจ้าคิดว่าตัวเจ้ารวดเร็วกว่าตัวข้าอย่างนั้นเหรอ ”
เเต่ก่อนที่จะได้ทำลายตรานั้นเฟยหลงกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเเละมาปรากฏตรงหน้าพวกนางทั้งสองคนเล้วเงื้อมมือออกมา
เจียหงเเละซูซ่านที่รับรู้ถึงสถานการณ์ที่ย่ำเเย่ก็ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาจากหน้าผากของพวกนาง………………
จนทั้งสองต้องเอาเเปลกใจอย่างมากก่อนที่จะคิดขึ้นมาในใจว่า
” อึก…….. ทำไมมันไม่เจ็บเท่าที่ข้าคิดไว้ละ ”
” มันเเปลกๆ ”
เมื่อทั้งสองลืมตาดูก็ก็ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางนั้นเพียงเเค่ดีดหน้าผากพวกนางเท่านั้นไม่ได้ทำอันตรายอะไรพวกนางอีก
ซูซ่านเเละเจียงหงได้มองหน้ากันด้วยความสงสัย
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็เปิดผ้าคลุมสีดำบนศรีษะออกเเล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
” พวกเจ้าสองคนข้าไปเพียงไม่นานกลับมาถึงได้ไม่เท่าไหร่ก็คิดจะทำร้ายข้าเเล้วอย่างนั้นเหรอ ”
เมื่อทั้งสองได้เห็นหน้าตาภายใต้ชุดคลุมที่พวกนางรู้จักอย่างดีก็ได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ
” เป็นท่านอาจารย์ได้ไง ”
” ท่านพี่เฟยหลงอย่างนั้นเหรอ ”
ก่อนที่พวกนางทั้งสองคนจะมองหน้ากันอย่างสับสนว่าทำไมเฟยหลงต้องทำอย่างนี้
เมื่อเห็นดังนั้นเฟยหลงก็ได้กลล่าวตอบข้อสงสัยของพวกนาง
” ข้าเเค่อยากทดสอบพวกเจ้าเล็กน้อยเท่านั้น………….. เเต่พวกเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังมากนักยกเว้น ”
” เรื่องการสังเกตุของพวกเจ้าทั้งสองต้อง……….. ฝึกอีกหน่อย