เฟยหลงทีได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมาว่า
” เเล้วท่านมาทำอะไรเเถวๆนี้อย่าวนั้นเหรอ ”
ชายชราคนนั้นได้กล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ข้าเพียงเเค่ต้องการเดินทางไปทั่วเพื่อเเสวงหาประสบการณ์ที่น่ามหัศจรรย์ใจเท่านั้น ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยท่าทางที่กำลังมองดูท้องยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก่อนที่จะกล่าวออกมา
” ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าบนท้องฟ้าเหล่านั้นก็มีเรื่องน่าสนใจมากมายเช่นกัน ”
” เรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์เรื่องราวที่หายสาบสูญเรื่องราวของสถานที่ๆเคยยิ่งใหญ่เมื่อพันปีหรือหมื่นปีก่อน ”
ชายชราที่ได้ยินดังนั้นก็ได้เปลื่อนคำเรียกที่สนิทสนมราวกับเจอเพื่อนคนหนึ่งอย่างรวดเร็วเเละมีท่าทางตื่นเต้น
” สหายน้อยที่เจ้าพูดเเบบนี้เเปลว่าเจ้าคงจะเคยอ่านตำรามากมายในประวัติศาสตร์อย่างเเน่นอนเเถมนังมีเรื่องราวพวกนั้นเจ้าคงจะเป็นคนที่ขอบเรื่องราวในประวัติศาสตร์เหมือนกับข้าเลย ”
” อาจจะกล่าวได้ว่าข้าเป็นนักเดินทางคนหนึ่ง ”
เจียหงเละซูซ่นที่เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืิอของชายชราที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก
” พี่สาวเจียงท่านว่าชายชราคนนี้นั้นเป็นคนเเปลกเเต่ก็น่าสนใจดีมั้ย ”
เจียหงที่ได้นินเช่นนั้นก็ได้ยินออกมาตรงมุมปากเล็กน้แยก่อนที่จะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่มีความเเปลกใจเเละความสงสัยรวมกันไว้
” ข้าก็คเยพบเจอผู้คนในเมืองหลวงมามากมายเเต่ชายชราคนนี้เเล้วนั้นข้าว่า………… มันยิ่งกว่าเเปลก ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเตียหงเเละซูซ่านกำลังพูดคุยถึงชายชราตรงหน้าด้วยท่าทางสนใจอยู่นั้นเเต่เสี่ยวไป๋กลับอยากให้ชายชราคนนี้กลับไปเร็วๆ
เพราะยิ่งอยู่นานเท่าไหร่เนื้อย่างของมันก็เริ่มน้อยลงทุกทีเสี่ยวไป๋ที่เห็นดัวนั้นก็เจ็บปวดหัวใจราวกับว่ามีคนเอามีดมากรีดหัวใจดวงน้อยของมัน
ชายชราที้กำลังทานเนื้อย่างไปด้วยเเละเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวรรดิจิตวารีไม่ว่าเฟยหลงจะกล่าวถามคำถามเกี่ยวกับจักรวรรดิจิตวารีชายชราก็จะกล่าวตอบออกมาอย่างง่ายดาย
จนกระทั่งเวลผ่านไปครึ่งชั่วยามชายชราได้ลุกขึ้นยืนเเล้วปีดมือของตนเองเล็กน้อยเเล้วกล่าวกับพวกเฟยหลงว่า
” เอาละข้าต้องไปแล้วละสหายน้อย………. หากโชคชะตาของพวกเราต้องกันสักวันพวกเราคงจะพบกันอีก ”
เฟยหลงได้ยิ้มให้ชายชราก่อนที่จะกล่าวตอบกลับไปว่า
” เเต่ข้าเชื่อว่าคงได้พบกันอีกเเน่นอน ”
ชายชราที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงดังนั้นก็ได้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะหันหลังกลับเเล้วเดินออกไป
เมื่อชายชราได้เดินกลับออกไปทางเดิมนั้นก็คือพุ่มไม้นั้นเเละเฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆหันกลับมามองพวกซูซ่านที่กำลังมองเฟยหลงด้วยความสงสัย
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวตอบข้อสงสัยของพวกเจียงหง
” พวกเจ้าคงสงสัยใช่ไหมว่าทำไมข้าต้องให้ชายชราคนนั้นมาทานอาหารร่วมกับพวกเรา ”
ทั้งสามได้พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันเฟยหลงจึงกล่าวต่อไปอีก
” คนบางคนนั้นล้วนมีความชอบเเตกต่างกัน……….. ”
” พวกเขาล้วนมีวิถีทางเป็นของตนเองเส้นทางนั้นเเตกต่างกันไปเเต่ละคนเส้นทางของข้าก็มีอีกแบบเเละเส้นทางของพงกเจ้าทั้งสามก็มีความเเตกต่างกันไปในเเต่ละคน ”
” ต่อให้ปีศาจตนนั้นที่ข้าสังหารไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเข้ามันอาจจะไม่นับเป็นอะไรเมื่ออยู่หน้าชายชราคนนั้น ”
เเน่นอนว่าเฟยหลงนั้นไม่ได้มีเรื่องอีกอย่างที่กล่าวออกมานั้นก็คือตัวเขาสัมผัสถึงพลังอะไรไม่ได้เลยราวกับว่าชายชราเป็นเพียงเเค่คนธรรมดาเท่านั้น
พวกเจียงหงได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาจึงรู้สึกตกใจอย่างมากเพราะว่าเผ่าปีศาจตนนั้นพวกเจียหงได้ยินมาว่ามีความเเข็งแกร่งขนาดที่เเม่ทัพของอาณาจักรสายลมล้วนไม่สามารถเป็นคู่มือกับมันได้เเม้เเต่น้อย
คาดว่ามีเพียงบรรพบุรุษของอาณาจักรสายลมเท่านั้นถึงจะมีความสามารถในการต่อสู้กับมัน