ทางด้านเฟยหลงที่ได้ยินเสียงพูดคุยรอบๆนั้นก็ไม่ได้ทีท่าทีที่เปลี่ยนไปเเต่อย่างใดเเละยังคงนั่งอยู่ตรงส่วนที่นั่งของคนควบคุมรถม้าเช่นเดียวกับเสี่ยวไป๋
ส่วนพวกซูซ่านนั้นได้เปิดม่านที่ปิดอยู่ออกมาเล็กน้อยเพื่อมองสำรวจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถายนอก
” ผู้คนเยอะเเยะกำลังมองมาที่รถม้าของพวกเราหรือพี่สาวเจียง ”
” ใช่เเล้วข้าว่าพวกเขาคงจะเเปลกใจที่เห็นสัตว์อสูรขอบเจตหลอมรวมมาลากรถม้าเเละไม่ใช่เพียงตัวเดียวเเต่มีถึงสองตัว ”
ทางทหารเฝ้าประตูเมืองที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ได้เร่งรีบเดินมาทางรถม้าก่อนที่จะกล่าวถามอย่างนอบน้อมว่า
” นายน้อยท่านี้ข้าขอถามได้ไหมว่าพวกท่านคือใครเเละมาทำอะไรที่เมืองเเห่งนี้อย่างนั้นเหรอ ”
เฟยหลงได้ปนายตามองหทารยามผู้นั้นเเละรับรู้ได้ถึงพลังบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วซึ่งตัวทหารยามที่พูดคุยกับเฟยหลงนั้นอยู่ขอบเขตวิญญาณขั้นสูงเเละคนอื่นก็อยู่เพียงขอบเขตวิญญาณขั้นกลางกับขั้นต่ำเท่านั้น
เฟยหลงได้ยินคำถามของทหสรนายนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเรียบเฉย
” ข้าก็เเค่คนที่เดินทางผ่านมาเท่านั้นเเละอยากจะเข้าไปหาอะไรทำในเมืองเหตุผลเเค่นี้พอหรือไม่ ”
ทหารยามคนนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวอออกมาก็นิ่งไปชั่วครึ่ด้วยความรู้สึกมึนงงเพราะว่าเหตุผลเหล่านี้ล้วนเเล้วเเต่ฟังไม่คอ่ยขึ้นเท่าไหร่
เเต่พวกเขาจะทำอะไรได้ถ้าเฟยหลงไม่ยอมบอกถึงเหตุผลที่เเท้จริงคิดจะขมขู่ด้วยพลังอย่างนั้นพวกเขาก็คงต้องผ่านสัตว์อสูรทั้งสองตัวก่อนจึงอาจจะมีคุณสมบัติ
” งั้นพจากที่ดูเเล้วเพียงเเค่ใช้สัตว์อสูรขอบเขตหลอมรวมลากรถม้าเเล้วนั้นข้าน้อยไม่บังอาจที่จะให้ท่านมาต่อเเถวรออย่างเเน่นอน ”
เเละนำเฟยหลงได้ยังประตูอีกบานที่ขนาดเล็กกล่าวประคูหลักเเต่ก็สามารถให้รถม้าเเละสัตว์อสูรทั้งสองเดินผ่านไปได้
เมื่อเหล่าทหารยามนั้นเห็นเเล้วว่าพวกเฟยหลได้เข้าเมืองไปแล้วนั้นก็ได้มองหน้ากันก่อนที่ตะตัดสินใจกล่าวกับหัใหน้าของเขาซึ่งคนนั้นก็คือคนที่พูดคุยกับเฟยหลง
” หัวหน้าพวกเราจะทำยังไงต่อดีกับเรื่องนี้ควรเเจ้งเจ้าเมืองไหม ”
หัวหน้าของเหล่าหทารบามนั้นเมื่อได้ยินก็ได้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะกล่าวตอบลูกน้องของตัวเองกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
” ข้าคงต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าเมืองรับรู้ก่อนเพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรตามมาพวกเราคงเป็นพวกเเรกที่โดนลงโทษ ”
เมื่อเหล่าลูกน้องของหัวหน้าทหารยามคนนั้นได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับไปด้วยความยินดี
” หัวหน้าท่านไปรายงายท่านเจ้าเมืองเถอะ ”
” ใช่เเล้วเดี๋ยวพวกเราเราที่นี้เอาไว้เอง ”
” ใช่เเล้วนี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ”
เมื่อหัวหน้ายามได้ยินดังนั้นก็ได้พยักหน้าเเละมุ่งไปยังคฤหาสน์9องเจ้าเมืองวารีหวนคืน
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารต่างๆได้มีชายวียกลางคนที่เเต่งตัวราบกับบัณฑิตมีความรู้กำลังอ่านเอกสารต่างๆอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
” ก็อก ก็อก ก็อก ”
บัณฑิตชายคนนั้นจึงกล่าวออกมาว่า
” เข้ามา”
ประตูของห้องถูกเปิดออกเเละมีคนผู้หนึ่งกล่าวรายงานเรื่องที่พวกเฟยหลงได้มายังเมืองวารีหวนคืนเเห่งนี้โดยที่ไม่ได้ขาดตกบกพร่องในเรื่องราวเเม้เเต่น้อย
” ชายคนนั้นบอกเจ้าว่าเเค่ผ่านทางมาเหรอ ”
คนที่รับเรื่องราวมาจากหัวหน้าทหารยามคนนั้นมารายงานจึงกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เเฝงไว้ด้วยความเคารพ
” ใช่เเล้วขอรับท่านเจ้าเมือง ”
เมื่อได้รีบคำยืนยันเจ้าเมืองที่ดูเหมือนบัณฑิตก็ได้โบกมือเป็นเชิงให้ผู้รายงานเรื่องนี้นั้นออกไปเเละตัวเขาก็ได้เดินไปยังหน้าต่างคฤหาสน์ที่อยู่ในจุดสูงสุกของเมืองวารีหวนคืนเเล้วกล่าวออกมาว่า
” เเค่ผ่านทางมาจริงๆงั้นเหรอ